เมื่ออิบลีสปฏิเสธที่จะสูญูดต่ออาดัมตามพระบัญชาของอัลลอฮฺ อัลลอฮฺจึงทรงขับไล่มันออกจากพระเมตตาของพระองค์ และพระองค์ทรงสาปแช่งมันจวบจนวันปรโลก แต่มันกลับขอความกรุณาให้ประวิงเวลาผ่อนผันเลื่อนออกไปหน่อย : [มัน (อิบลีส) กล่าวว่า : โปรดผ่อนผันข้าพระองค์จนถึงวันที่พวกเขา (ลูกหลานอาดัม) ถูกให้ฟื้นคืนชีพด้วยเถิด พระองค์ตรัสว่า : แท้จริงเจ้าอยู่ในหมู่ผู้ที่ได้รับการผ่อนผัน มันกล่าวว่า : ด้วยเหตุที่พระองค์ไ้ดทรงให้ข้าพระองค์ตกอยุ่ในความหลงผิด แน่นอนข้าพระองค์จะนั่งขวางกั้นพวกเขา ซึ่งทางอันเที่ยงตรงของพระองค์ แล้วข้าพระองค์จะมายงพวกเขา จากเบื้อหน้าของพวกเขา และจากเบื้องหลังของพวกเขา และจากเบื้องขวาของพวกเขา และจากเบื้องซ่ายของพวกเขา และพระองค์จะไม่พบว่าส่วนมากของพวกเขานั้น เป็นผู้ขอบคุณ]
(อัลกุรอาน 7 : 14 - 17)
รายงานจากท่านอบีซะอี๊ด ได้กล่าวว่า : ฉันได้ยินท่านร่อซูล (ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวะซัลลัม) กลาวว่า : แท้จริงอิบลีสกล่าวต่อพระองผู้อภิบาลของมันว่า ด้วยเกียรติอันสูงส่งของพระองค์ท่าน ข้าพระองค์จะไม่ออกห่างที่จะหลอกลวงลูกหลานอาดัม ตราบใดที่พวกเขายังมีลมหายใจอยู่ อัลลอฮฺตรัสว่า : ด้วยเกียรติอันสูงส่งของข้า ข้าก็จะไม่ออกห่่างที่จะอภัยโทษให้แก่พวกเขาสิ่งที่พวกเขาขออภัยโทษแก่ข้า
(ซ๋อเฮียะฮ์ญาเมี๊ยะอฺ)
คำดำรัสของพระองค์ที่ว่า : [แน่นอนข้าพระองค์จะนั่งขวางกั้นพวกเขา ซึ่งทางอันเที่ยงตรงของพระองค์] คือประหนึ่งว่า พระองค์ทรงทำลายข้าพระองค์ ฉันก็จะนั่งขวางกั้นบ่าวของพระองค์ บรรดาผู้ซึ่งที่พระองค์ทรงบังเกิดพวกเขาขึ้นมาจากบรรดาลูกหลานของผู้ซึ่งที่พระองค์ทรงขับไล่ข้าพระองค์ให้ออกห่าง (จากพระเมตตาของพระองค์) [ทางอันเที่ยงตรงของพระองค์] คือทางแห่งสัจธรรมและทางแห่งการรอดพ้น (จากลงโทษของพระองค์) และข้าพระองค์จะทำให้พวกเขาหลงผิด ไม่เคารพสักการะต่อพระองค์ท่านและตั้งภาคีต่อพระองค์
และดังกล่าวนี้แหละท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า : แท้จริงชับฏอนจะกีดขวางเส้นทางของลูกหลานอาดัมในหนทาง (การทำความดี) ต่าง ๆ (โดยเฉพาะ) มันจะกีดขวางหนทางแห่งอิสลาม ชัยฏอนกล่าวว่า : เจ้าจะยอมรับและยอมจำนนต่ออิสลามเป็นศาสนาของเจ้าและเป็นศาสนาของบรรพชนกระนั้นหรือ ? แล้วลูกหลานอาดัมก็ไม่ยอมเชื่อฟังมัน แต่ยอมจำนนต่ออิสลาม ท่านร่อซูลกล่าวว่า : แล้วมันก็กีดขวางเส้นทางการอพยพ (ไปในหนทางของอัลลอฮฺ ชัยฏอนกล่าวว่า : เจ้าจะอพยพ (ย้ายถิ่นฐานเดิม) และละทิ้งท้องฟ้าและผืนแผ้นดิน (ที่อยู่อาศัยและที่ทำมาหากิน) ของเ้จ้ากระนั้นหรือ ? แท้จริงสิ่งนั้น (ท้องฟ้าและผืนแผ่นดิน) เหมือนกับมันคือของผู้อพยพ (ซึ่งต้องอยู่คู่กัน) ประหนึ่งม้า(ที่จะต้องอยู่คู่กับ) สายเชือกควบม้า แล้วลูกหลานอาดัมก็ไม่ยอมเชื่อฟังมัน และก็อพยพ (ไปในหนทางของอัลลอฮฺ) แล้วมันก็กีดขวางเส้นทางการต่อสู่ในหนทางของอัลลอฮิ และในเรื่องทรัพย์สินชัยฏอนกล่าวว่า : เจ้าจะออกไปต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ เดี๋ยวเจ้าก็ถูกสังหารตายหรอก เดี๋ยวภรรยา (ก็เป็นหม้าย) ก็แต่งงานใหม่หรอก ทรัพย์สิน (ของข้า) ก็จะต้องถะูกตัดสรรปันส่วนกลายเป็นส่วนแบ่ง (ของคนอื่น) แล้วลูกหลานอาดัมก็ไม่ยอมเชื่อฟังมัน แล้วก็ออกไปต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ ท่านร่อซูล (ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวต่อไปว่า : เมื่อผู้ใดได้ปฏิบัติดังที่ได้กล่าวมานี้ แล้วเขาก็จบชีวิตลง อัลลอฮฺจะทรงมอบสวนสวรรค์เป็นรางวัลให้กับเขาอย่างแน่นอน และหากว่าเขาถูกสังหารไปในหนทางอัลลอฮฺ อัลลอฮก็จะทรงมอบสวนสวรรค์เป็นรางวััลให้กับเขาอย่างแน่นอน หากว่าเขาจมน้ำตาย (ไปในหนทางของอัีลลอฮฺ) อัลลอฮฺก็จะทรงมอบสวนสวรรค์เป็นรางวัลให้กับเขาอย่างแน่นอน หรือพาหนะตัวหนึ่งตัวใดเกิดต้เองทำให้เขาต้องคอหักตาย (ไปในหนทางของอัลลอฮฺ) อัลลอฮฺก็จะรงมอบสวนสวรรค์เป็นรางวัลให้กับเขา อย่างแน่นอน
(บันทึกโดยอันนซาอีย์)
................................
(จากหนังสือ : เรื่องเล่ากุรอาน เล่ม 1)
อดทน เพื่อชัยชนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น