ต่อไปนี้เป็นคำกล่าวของอุลามาอ์ ถึงการยอมรับโดยสมบูรณ์ตามที่อัลลอฮฺและรสูลของพระองค์บอกไว้ทุกประการ โดยไม่กำหนดเจาะจงว่าคุณลักษณะต่างๆของอัลลอฮฺนั้นเป็นอย่างไร เพราะพระองค์มิทรงได้บอกไว้ให้กำหนด หรือกระทำเช่นนั้น และคงไม่มีผู้ใดที่สามารถล่วงรู้ดีไปกว่าอัลลอฮฺในสิ่งที่พระองค์ทรงอนุโลมหรือทรงห้ามไว้
ท่านอิมามอัช-ชาฟิอีย์ ร่อหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า
"ฉันขอศรัทธา(อีหม่าน)ต่ออัลลอฮฺ และต่อสิ่งที่มีมาจากอัลลอฮฺตามพระประสงค์ของพระองค์ ฉันขอศรัทธาต่อรสูลของพระองค์ และต่อสิ่งที่มาจากรสูลของอัลลอฮฺตามความต้องการของรสูล ของอัลลอฮฺ" (หนังสือ "ลุมอะตุลอิอฺติก็อด อัล-ฮาดี อิลาสะบีริชาด" ของอิมามอิบนุ กุดามะฮฺ)
ท่านอิมามอัซ-ซุฮฺรีย์ ร่อหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า
"สาส์น(ริซาละฮฺ)มาจากอัลลอฮฺ หน้าที่ของนบีคือการเผยแพร่ และหน้าที่ของเราก็คือการยอมรับเท่านั้น"(บันทึกโดยอิมามอัลบะเฆาะวีย์ ในหนังสือ "ชัรหุสสุนนะฮฺ")
ท่านอิมามซุฟยาน บิลอุยัยนะฮฺ ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า
"ทุกสิ่งทุกประการที่อัลลอฮฺทรงให้ลักษณะตัวของพระองค์เอาไว้ในอัล-กุรอาน ดังนั้นการอ่านมันหรือการอธิบาย(ตัฟซีร)มัน ย่อมต้องไม่มีการบอกถึงวิธีการและตัวอย่างใดๆ(มาเปรียบเทียบ)"(บันทึกโดยอิมามอัลลาลิกาอีย์ ในหนังสือ"ชัรหุ อุศุล อิอฺติก้อด อะฮฺลิสสุนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ"
จากท่านอัล-วะลีด บินมุสลิม กล่าวว่า
"ฉันได้ถามท่านอัล-เอาซาอีย์ และท่านซุฟยาน บินอุยัยนะฮฺ และท่านมาลิก บินอนัส ถึงบรรดาหะดิษที่เกี่ยวกับคุณลักษณะและการมองเห็นดังกล่าวข้างต้นพวกเขาทั้งหมดตอบเหมือนกันว่า"จงให้มันเเป็นไปตามที่มีอยู่เถิด โดยมิต้องตัดทอนใดๆ" (บันทึกโโยอิมามอัล-บะเฆาะวัย์ ในหนังสือ"ชัรหุสสุนนะฮฺ)
อิมามมาลิก ผู้ได้ชื่อว่าอิมามแห่งแผ่นดินอพยพ กล่าวว่า
"พวกท่านจงระวังการอุติ(บิดอะฮฺ)เถิด และเมื่อถูกถามว่าการอุตริคืออะไร ? ท่านตอบว่า พวกบิดอะฮฺก็คือ พวกซึ่งกล่าวถึงบรรดานามของอัลลอฮฺ และคุณลักษณะของอัลลอฮฺ และคุณลักษณะของพระองค์ การพูดของพระองค์ การกระทำของพระองค์ และการมีอำนาจของพระองค์ โดยที่พวกเขาไม่นิ่งเงียบ (คือพยายามพูดไปต่างนานา) จากสิ่งที่บรรดาเาะหาบะฮฺและบรรดาผู้ปฏิบัติตามพวกเขา(ตาบีอีน)ด้วยความดีงาม(เคยมีท่าที)นิ่งเงียบ"
และครั้งหนึ่งมีชายคนหนึ่งถามท่านเกี่ยวกับคำตรัสของอัลลอฮฺ ตะอาลา ที่ว่า “พระผู้ทรงเมตตา ทรงขึ้นสถิตอยู่เหนือบัลลังก์”เมื่อถูกถามว่า “พระองค์ทรงขึ้นอยู่อย่างไร? ท่านให้คำตอบว่า “การขึ้นอยู่นั้นมิอาจล่วงรู้ได้ และวิธีการ(ของการขึ้นอยู่นั้น) ก็ไม่อาจจินตนาการได้ ขณะที่การอีหม่านต่อมันนั้นเป็นสิ่งวาญิบ ส่วนการถามไถ่ถึงมันนั้นเป็นบิดอะฮฺ และฉันไม่เห็นว่าเจ้าเป็นอื่นใดเลย นอกจากเป็นผู้หลงผิดไปแล้ว” กล่าวเสร็จท่านก็ขับไล่ชายผู้นั้นออกจากมัจญ์ลิส(สถานประชุม)ของท่านทันที"
(บันทึกโดยอิมามอัลบะเฆาะวีย์ ในหนังสือ “ชัรหุสสุนนะฮฺ”)
ท่านอิม่ามอบูหะนีฟะฮฺ ร่อหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า
“ไม่เป็นการบังควรที่บุคคลหนึ่งจะพูดถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกี่ยวกับอาตมัน(ซาต)ของอัลลอฮฺ ทว่าเขาจงให้ลักษณะพระองค์ตามที่พระองค์ให้ลักษณะตัวของพระองค์เอง และเขาอย่าได้กล่าวสิ่งหนึ่งสิ่งใดในเรื่องนั้น ด้วยความคิดของตนเอง ความจำเริญยิ่งเป็นของอัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงเป็นผู้อภิบาลโลกทั้งหลาย” (หนังสือ “ชัรหุล อะกีดะติฏ เฏาะฮะวียะฮฺ”)และเมื่อท่านได้ถูกถามถึง”การเสด็จลงมาของอัลลอฮฺเป็นอย่างไร ? ท่านตอบว่า :พระองค์ทรงเสด็จลงมาโดยไม่มีวิธีการ”
อิมามนะอีม บินหัมมาด อัลคุซาอีย์ กล่าวว่า
“ผู้ใดเปรียบอัลลอฮฺเหมือนกับมัคลู๊กของพระองค์ เขาผู้นั้นย่อมตกเป็นกาฟิร และผู้ใดที่ปฏิเสธสิ่งที่พระองค์ได้ให้ลักษณะต่อตัวของพระองคืเอง เขาผู้นั้นก็ตกเป็นกาฟิร ส่วนสิ่งที่พระองค์หรือรสูลของพระองค์ได้ให้ลักษณะต่อตัวของพระองค์ นั้นย่อมไม่ถือเป็นการเปรียบเทียบ” (รายงานโดยอิมามอัซซะฮะบีย์ ในหนังสือ “อัลอุลู ลิลอะลียิล ฆ็อฟฟาร์)
ชาวสลัฟบางท่านกล่าวว่า
“การก้าวไปของอิสลามนั้นจะไม่ถูกรับรอง นอกจาก(เป็นการก้าวไป) บนสะพานแห่งการยอมจำนนจริงๆเท่านั้น” (รายงานโดยอิมามอัลบะเฆาะวีย์ ในหนังสือ”ชัรหุสสุนนะฮฺ)
والله أعلم بالصواب
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น