อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

การศรัทธามั่นในคุณลักษณะของพระองค์อัลลอฮฺโดยไม่ตีความ

 

     ผู้เจริญรอยตามแนวทางสลัฟ ทั้งในคำพูดที่เกี่ยวกับเรื่องอาตมัน หรือตัวตัวตนของพระเจ้า และคุณลักษณะต่างๆของพระองค์ แน่นอนเขาผู้นั้นย่อมถือว่าได้ปฏิบัติตามแนวทางของอัลกุรอานในเรื่องพระนามของอัลลออฺและคุณลักษณะของพระองค์แล้ว ไม่ว่าผู้นั้นจะมีชีวิตอยู่ในช่วงสมัยของชาวสลัฟหรือหลังจากนั้นก็ตาม

ต่อไปนี้เป็นคำกล่าวของอุลามาอ์ ถึงการยอมรับโดยสมบูรณ์ตามที่อัลลอฮฺและรสูลของพระองค์บอกไว้ทุกประการ โดยไม่กำหนดเจาะจงว่าคุณลักษณะต่างๆของอัลลอฮฺนั้นเป็นอย่างไร เพราะพระองค์มิทรงได้บอกไว้ให้กำหนด หรือกระทำเช่นนั้น และคงไม่มีผู้ใดที่สามารถล่วงรู้ดีไปกว่าอัลลอฮฺในสิ่งที่พระองค์ทรงอนุโลมหรือทรงห้ามไว้

ท่านอิมามอัช-ชาฟิอีย์ ร่อหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า
"ฉันขอศรัทธา(อีหม่าน)ต่ออัลลอฮฺ และต่อสิ่งที่มีมาจากอัลลอฮฺตามพระประสงค์ของพระองค์ ฉันขอศรัทธาต่อรสูลของพระองค์ และต่อสิ่งที่มาจากรสูลของอัลลอฮฺตามความต้องการของรสูล ของอัลลอฮฺ" (หนังสือ "ลุมอะตุลอิอฺติก็อด อัล-ฮาดี อิลาสะบีริชาด" ของอิมามอิบนุ กุดามะฮฺ)

ท่านอิมามอัซ-ซุฮฺรีย์ ร่อหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า
"สาส์น(ริซาละฮฺ)มาจากอัลลอฮฺ หน้าที่ของนบีคือการเผยแพร่ และหน้าที่ของเราก็คือการยอมรับเท่านั้น"
(บันทึกโดยอิมามอัลบะเฆาะวีย์ ในหนังสือ "ชัรหุสสุนนะฮฺ")

ท่านอิมามซุฟยาน บิลอุยัยนะฮฺ ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า
"ทุกสิ่งทุกประการที่อัลลอฮฺทรงให้ลักษณะตัวของพระองค์เอาไว้ในอัล-กุรอาน ดังนั้นการอ่านมันหรือการอธิบาย(ตัฟซีร)มัน ย่อมต้องไม่มีการบอกถึงวิธีการและตัวอย่างใดๆ(มาเปรียบเทียบ)"
(บันทึกโดยอิมามอัลลาลิกาอีย์ ในหนังสือ"ชัรหุ อุศุล อิอฺติก้อด อะฮฺลิสสุนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ"

จากท่านอัล-วะลีด บินมุสลิม กล่าวว่า
"ฉันได้ถามท่านอัล-เอาซาอีย์ และท่านซุฟยาน บินอุยัยนะฮฺ และท่านมาลิก บินอนัส ถึงบรรดาหะดิษที่เกี่ยวกับคุณลักษณะและการมองเห็นดังกล่าวข้างต้นพวกเขาทั้งหมดตอบเหมือนกันว่า"จงให้มันเเป็นไปตามที่มีอยู่เถิด โดยมิต้องตัดทอนใดๆ" (บันทึกโโยอิมามอัล-บะเฆาะวัย์ ในหนังสือ"ชัรหุสสุนนะฮฺ)

อิมามมาลิก ผู้ได้ชื่อว่าอิมามแห่งแผ่นดินอพยพ กล่าวว่า
"พวกท่านจงระวังการอุติ(บิดอะฮฺ)เถิด และเมื่อถูกถามว่าการอุตริคืออะไร ? ท่านตอบว่า พวกบิดอะฮฺก็คือ พวกซึ่งกล่าวถึงบรรดานามของอัลลอฮฺ และคุณลักษณะของอัลลอฮฺ และคุณลักษณะของพระองค์ การพูดของพระองค์ การกระทำของพระองค์ และการมีอำนาจของพระองค์ โดยที่พวกเขาไม่นิ่งเงียบ (คือพยายามพูดไปต่างนานา) จากสิ่งที่บรรดาเาะหาบะฮฺและบรรดาผู้ปฏิบัติตามพวกเขา(ตาบีอีน)ด้วยความดีงาม(เคยมีท่าที)นิ่งเงียบ"
และครั้งหนึ่งมีชายคนหนึ่งถามท่านเกี่ยวกับคำตรัสของอัลลอฮฺ ตะอาลา ที่ว่า “พระผู้ทรงเมตตา ทรงขึ้นสถิตอยู่เหนือบัลลังก์”
เมื่อถูกถามว่า “พระองค์ทรงขึ้นอยู่อย่างไร? ท่านให้คำตอบว่า “การขึ้นอยู่นั้นมิอาจล่วงรู้ได้ และวิธีการ(ของการขึ้นอยู่นั้น) ก็ไม่อาจจินตนาการได้ ขณะที่การอีหม่านต่อมันนั้นเป็นสิ่งวาญิบ ส่วนการถามไถ่ถึงมันนั้นเป็นบิดอะฮฺ และฉันไม่เห็นว่าเจ้าเป็นอื่นใดเลย นอกจากเป็นผู้หลงผิดไปแล้ว”  กล่าวเสร็จท่านก็ขับไล่ชายผู้นั้นออกจากมัจญ์ลิส(สถานประชุม)ของท่านทันที"
(บันทึกโดยอิมามอัลบะเฆาะวีย์ ในหนังสือ “ชัรหุสสุนนะฮฺ”)

ท่านอิม่ามอบูหะนีฟะฮฺ ร่อหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า
“ไม่เป็นการบังควรที่บุคคลหนึ่งจะพูดถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกี่ยวกับอาตมัน(ซาต)ของอัลลอฮฺ ทว่าเขาจงให้ลักษณะพระองค์ตามที่พระองค์ให้ลักษณะตัวของพระองค์เอง และเขาอย่าได้กล่าวสิ่งหนึ่งสิ่งใดในเรื่องนั้น ด้วยความคิดของตนเอง ความจำเริญยิ่งเป็นของอัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงเป็นผู้อภิบาลโลกทั้งหลาย” (หนังสือ “ชัรหุล อะกีดะติฏ เฏาะฮะวียะฮฺ”)
และเมื่อท่านได้ถูกถามถึง”การเสด็จลงมาของอัลลอฮฺเป็นอย่างไร ? ท่านตอบว่า :พระองค์ทรงเสด็จลงมาโดยไม่มีวิธีการ”

อิมามนะอีม บินหัมมาด อัลคุซาอีย์ กล่าวว่า
“ผู้ใดเปรียบอัลลอฮฺเหมือนกับมัคลู๊กของพระองค์ เขาผู้นั้นย่อมตกเป็นกาฟิร และผู้ใดที่ปฏิเสธสิ่งที่พระองค์ได้ให้ลักษณะต่อตัวของพระองคืเอง เขาผู้นั้นก็ตกเป็นกาฟิร ส่วนสิ่งที่พระองค์หรือรสูลของพระองค์ได้ให้ลักษณะต่อตัวของพระองค์ นั้นย่อมไม่ถือเป็นการเปรียบเทียบ” (รายงานโดยอิมามอัซซะฮะบีย์ ในหนังสือ “อัลอุลู ลิลอะลียิล ฆ็อฟฟาร์)

ชาวสลัฟบางท่านกล่าวว่า
“การก้าวไปของอิสลามนั้นจะไม่ถูกรับรอง นอกจาก(เป็นการก้าวไป) บนสะพานแห่งการยอมจำนนจริงๆเท่านั้น” (รายงานโดยอิมามอัลบะเฆาะวีย์ ในหนังสือ”ชัรหุสสุนนะฮฺ)

والله أعلم بالصواب



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น