อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

รอยับ ฏอยยิบ อุรฺดูฆอน นายกรัฐมนตรีตุรกี ผู้ดับแสงลัทธิเซคคิวลาร์



รุ่งอรุณ เเห่งอิสลาม เรียบเรียง

จากเด็กชนบทธรรมดาคนหนึ่งที่เห็นความเป็นไปอันพิกลพิการของศาสนาและความเป็นตัวตนของประเทศตนเอง ยอมเสียที่จะละทิ้งความสะดวกสบาย ในโรงเรียนรัฐที่ถูกหยาบโลนไปด้วยระบอบของอตาเติร์ก อันเป็นระบอบที่ทำลายอาณาจักรอิสลามแห่งสุดท้ายลงเมื่อ 80 ปีก่อนนั้น (อาณาจักรอุษมานียะฮฺหรือออตโตมัน มีอำนาจปกครองอยู่ในช่วง ค.ศ.1453-1923) ทำให้เด็กชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งขอผู้ซึ่งเป็นบิดาให้ส่งตัวเองไปเรียนในโรงเรียนศาสนาอันไม่มีเบี้ยเลี้ยงจากรัฐบาลให้ได้หยิบจับกัน ซ้ำยังโดนจับตาจากอำนาจฝ่ายรัฐที่จ้องจะเล่นงานยกเลิกการเรียนการสอนอีกนั้น เด็กชายผู้นี้เลือกที่จะมาเรียนที่นี้ เพียงเพื่อหวังที่จะหลีกหนีความพิกลพิการทางศาสนาของประเทศและคนตุรกีสมัยนั้น เพื่อที่ว่าตนเองจะได้สัมผัสอิสลามแม้เสี้ยวเดียวในโรงเรียนซอมซ่อแห่งนั้น และประเทศตนเองที่ไม่มีกลิ่นอายแห่งอิสลามให้ได้เชยชมแล้วก็ตาม

เด็กชาย ฏอยยิบุดดีน อุรฺดูฆอน เกิดในปี ค.ศ.1954 ครอบครัวของเขาอพยพมาอยู่เมืองอิสตันบูลหรือเมืองแห่งอิสลาม อดีตเมืองคอนสแตนติโนเปิลของกษัตริย์คอนสแตนตินแห่งโรมันตะวันออก เมืองที่สุลต่านหนุ่มวัย 21 ปี มุฮัมมัด อัล-ฟาติหฺ (Sultan Muhammad Al-Fatih) ได้พิชิตมาจากโรมันเมื่อสมัยโบราณ อุรฺดูฆอนเติบโตมาในสังคมมุสลิมที่แยกศาสนาออกจากชีวิตปกติประจำวัน (ระบบเซคคิวลาร์ – secularism) เบียดเรื่องศาสนาให้มิด และอุดอู้อยู่แต่ในมัสญิด ไม่ใช่แค่นั้น มุสฏอฟา กมาล อตาเติร์ก ผู้ถูกยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งตุรกี ใหม่นั้น (หลังจากรับใช้ยิวโค่นอำนาจเคาะลีฟะฮฺอุษมานียะฮฺในปี 1924 ลงได้) ยังได้บังอาจเปลี่ยนการอะซานในตุรกีให้เป็นภาษาเติร์กอีก และยังสั่งใช้ไม่ให้ผู้หญิงมุสลิมใส่หิญาบ (ทั้งที่ตนเองก็อ้างว่าเป็นมุสลิม) ผู้ชายห้ามใส่หมวกตอรฺบุช (กาปีเยาะฮฺชนิดหนึ่ง) หมอนี่ยังได้คิดริเริ่มปฏิรูปประเทศลงเหวลึกยากจะกู่กลับด้วยการให้ผู้คนคลั่งไคล้ชาตินิยมอีกด้วย โรงเรียนทุกแห่งห้ามสอนกุรอานเป็นภาษาอาหรับ ห้ามเรียนภาษาอาหรับ ต้องใช้ภาษาเติร์กเท่านั้น และอีกมากมายแผนการชั่วที่ถูกคิดค้น

อุรฺดูฆอน ไปสมัครเข้าโรงเรียนชั้นษะนาวีย์แห่งหนึ่ง (มัธยม) ในวันหนึ่งคุณครูได้ถามนักเรียนว่า ใครละหมาดเป็นบ้าง ช่วยออกมาแสดงให้เพื่อน ๆ ดูหน้าห้องหน่อยสิ… เด็กชายอุรฺดูฆอนยกมือและได้ออกมาหน้าห้อง คุณครูจึงเตรียมหนังสือพิมพ์เพื่อปูชั่วคราวให้เขาได้ละหมาด แต่อุรฺดูฆอนได้ปฏิเสธที่จะใช้มัน เหตุผลที่คุณครูคนนั้นเล่ามาก็คือ เพราะที่หนังสือพิมพ์นั้น มีรูปดาราผู้หญิงอยู่ นับแต่นั้นอุรฺดูฆอนจึงได้รับฉายาจากครูว่า รอยับ เป็นภาษาตุรกี แปลว่า ผู้มีความเคร่ง วันนี้เราจึงได้รู้จักเค้าคนนี้ในชื่อ รอยับ ฏอยยิบ อุรฺดูฆอน (Recep Tayyip Erdogan) นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศตุรกี

...................................
Marco Solomon

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น