อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

สองพ่อลูกระหว่างการเดินทาง




เป็นการเดินทางที่ห่างจากตัวเมืองมาก ทั้งสองก็ยังเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงพื้นที่ต่ำที่ล้อมรอบด้วยหุบเขา ในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินอยู่ จู่ๆ ลูกได้สะดุดอะไรบางอย่างแล้วล้มลงบนพื้น ด้วยความเจ็บเป็นอย่างมาก ทำให้เขาต้องตะโกนร้องออกมาว่า : โอ๊ยยย
ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงตอบกลับมาว่า : โอ๊ยยย
เสียงนั้น ได้ทำให้เขาลืมไปว่าตัวเองยังเจ็บอยู่

ด้วยความงวนงงว่า เสียงนั้นเป็นเสียงของใคร แล้วมาจากไหน ? เขาจึงรีบตะโกนถามไปว่า : คุณเป็นใคร ?
เสียงที่ตอบกลับมาคือ : คุณเป็นใคร ?
เขารู้สึกไม่พอใจกับคำตอบที่ได้มา แล้วตะโกนถามกลับไปว่า : ฉันเป็นคนที่ถามคุณต่างหากว่าคุณเป็นใคร ?
เสียงที่ตอบกลับมาก็คือ : ฉันเป็นคนที่ถามคุณต่างหากว่าคุณเป็นใคร ?
คำตอบที่ได้มาคือ วกวนคำพูดของเขาอย่างซ้ำซาก ก็เลยทำให้เขาโกรธ แล้วตะโกนไปว่า : คุณเป็นคนขี้กลัว
เสียงที่ตอบกลับมาก็คือ : คุณเป็นคนขี้กลัว

พ่อก็พูดว่า : งั้นให้พ่อเป็นคนพูดกับเขาเองนะ
พ่อจึงตะโกนออกไปว่า : ฉันจะให้เกียรติ์แก่คุณ
เสียงที่ตอบกลับมาก็คือ : ฉันจะให้เกียรติ์แก่คุณ
ลูกตกใจและสร้างความประหลาดให้กับเขาเป็นอย่างมากกับคำตอบที่ได้มา แล้วพ่อก็ตะโกนต่อไปว่า : คุณเป็นคนที่ดีมาก
เสียงที่ตอบกลับมาก็คือ : คุณเป็นคนที่ดีมาก
ผ่านไปสักพัก เสียงนั้นก็หายไป

พ่อจึงพูดกับลูกว่า : โอ้ลูกน้อยของพ่อ นี่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่อยู่ในความรู้ทางฟิสิกส์ที่เรียกว่าเสียงสะท้อน และความเป็นจริงที่อยู่ในชีวิตของคนเรา มันเหมือนกับสิ่งนี้มาก ก็เพราะว่าชีวิตของคนเรา จะไม่มอบให้สิ่งใด้แก่ลูกเลย นอกเหนือจากว่าลูกได้มอบสิ่งนั้นให้แก่ผู้คน และจะไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นลูกได้เลย นอกเหนือจากว่าลูกได้ขวางกั้นตัวลูกเองจากสิ่งนั้น

ชีวิตของเรา ก็เปรียบเสมือนกระจกแห่งอิริยาบถและสะท้อนของเสียง
ถ้าหากว่าเราอยากให้ผู้คนให้เกียรติ์แก่ตัวเรา เราก็ต้องให้เกียรติ์แก่ผู้คน
ถ้าหากว่าเราอยากให้ผู้คนให้ความเมตตาแก่ตัวเรา เราก็ต้องให้ความเมตตาแก่พวกเขา
ถ้าหากว่าเราอยากให้ผู้คนปกปิดตัวเราในสิ่งที่ไม่งาม เราก็ต้องปกปิดตัวพวกเขาในสิ่งที่ไม่งาม
ถ้าหากว่าเราอยากได้ความช่วยเหลือจากผู้คน เราก็ต้องยื่นความช่วยเหลือให้แก่พวกเขา
ถ้าหากว่าเราอยากให้ผู้คนมารับฟังและทำความเข้าใจในตัวเรา เราก็จงรับฟังและทำความเข้าใจในตัวพวกเขา
จงอย่าได้คาดหวังจากเพื่อนมนุษย์ซึ่งความอดทนจากพวกเขาต่อตัวเรา ถ้าหากว่าเราเองไม่มีความอดทนพอในตัวของพวกเขา

ก็เพราะว่านี่เป็นกระจกของชีวิต เราจะได้มันมา ก็ต่อเมื่อเราได้ให้มันไป และเราจะได้เก็บผลผลิตของมันมา ก็ต่อเมื่อเราได้หว่านพืชผลของมันไปแล้ว



✿ ▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬ ✿



บทความดีๆ โดย : أنا مثقف
ถอดความและเรียงคำโดย : อูลุล อัลบ๊าบ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น