อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2559

สายน้ำที่ถูกซ่อนอยู่ใต้ทะเลทราย ประเทศซาอุฯ อีกหนึ่งมุอฺญิซะฮ์ของท่านนบี และหนึ่งสัญญาณวันกิยามะฮ์



โดย อาบู อับดุลบัร

بسم الله الرحمن الرحيم

หนึ่งในสัญญาณกิยามะฮ์ที่ได้ปรากฏขึ้นและยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือ คาบสมุทรอาหรับจะกลับมาอุดมสมบูรณ์มีแม่น้ำและทุ่งหญ้าเขียวขจีอีกครั้ง

ผลการศึกษาของนักวิจัยปัจจุบันและรวมถึงอุละมาอฺ พบว่า แถบคาบสมุทรอาหรับ (الجزيرة العربية) โดยรวม และแถวทะเลทรายซาอุดีอาราเบีย(الربع الخالي)โดยเฉพาะ ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่แห้งแล้งมาก ณ ปัจจุบัน เคยเป็นสถานที่ที่ปกคลุมไปด้วยแม่น้ำลำธาร และเป็นที่ๆ เคยอุดมสมบูรณ์ และทุ่งหญ้าเขียวขจี อย่างมากในอดีต เมื่อประมาณ 10,000 ปีก่อน และรูปที่เราเห็นด้านบน คือ รูปที่ถูกถ่ายจากดาวเทียม(ดูรูป2-3) ซึ่งได้เพิ่มสีเพื่อให้เห็นแม่น้ำที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นดินทรายอย่างให้ชัดเจน แม่น้ำเหล่านี้อยู่ลึกลงไปหลายเมตรใต้พื้นทราย ณ ทะเลทรายซาอุฯ การค้นพบทางวิชาการนี้ เป็นสิ่งที่ท่านนบีของเรามุหัมหมัด ศ๊อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้เคยบอกไว้แล้วว่า คาบสมุทรอาหรับจะกลับมาอุดมสมบูรณ์มีแม่น้ำ และทุ่งหญ้าเขียวขจีอีกครั้งอย่างเช่นที่เคยเป็นมาในอดีต (ดูเพิ่มเติมที่/http://travel.maktoob.com/vb/travel378145/)

ดังหะดีษที่ปรากฏ ดังนี้

عن أبي هريرة رضي الله عنه عن رسول الله صلى الله عليه وسلم أنه قال: "لن تقوم الساعة حتى تعود أرض العرب مروجًا وأنهارًا". رواه الإمام مسلم في صحيحه حديث رقم 1681

อะบูฮุร๊อยเราะฮ์รายงานจากท่านนบีของเรามุหัมหมัด ศ๊อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ว่า ท่านนบี กล่าวว่า ((จะไม่เกิดวันกิยามะฮ์ นอกจาก พื้นแผ่นดินคาบสมุทรอาหรับจะกลับมาเขียวขจีและเต็มไปด้วยแม่น้ำ)) บันทึกโดย มุสลิม ในหนังสือเศาะหีหฺของท่าน เลข 1681

อิหม่ามซุอูดอัชชุเรม อิหม่ามมัสยิดอัลหะรอมเมกกะ กล่าวว่า :

((แท้จริงหิมะที่เราเห็นตกตามเขตชายแดนทางเหนือของซาอุฯ ซึ่งมีอิทธิผลมาจากพายุที่โหมโจมตีประเทศอาหรับ มันคือ สัญญาญหรือหลักฐานหนึ่งในบรรดาหลักฐานของการเป็นนบีของนบีมุหัมหมัด ...ท่านนบี คือ ผู้ที่เคยบอกไว้ว่า แผ่นดินคาบสมุทรอาหรับจะกลับมาเขียวขจีและเต็มไปด้วยแม่น้ำอีกครั้ง))

ท่านยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ((หิมะ เป็นสิ่งสำคัญที่จะนำมาซึ่งแม่น้ำและพืชสวน และการตกของหิมะในคาบสมุทรอาหรับ ถือว่าเป็นสัญญาญหนึ่งการเป็นนบี ... ผู้ใดที่เห็นการตกของหิมะในเมืองตาบูก (ทางเหนือของซาอุฯใกล้ชายแดนจอร์แดน) ทำให้เขานึกถึงคำพูดของท่านนบีที่มีต่อท่านมุอาซ บิน ญะบัล ณ ตอนเกิดสงครามตาบูก ว่า

يوشك يا معاذ إن طالت بك حياة أن ترى ما هاهنا قد ملئ جنانا

โอ้ มุอาซ หากชีวิตท่านยืนยาว ท่านจะเห็น ว่า ที่นี่ เต็มไปด้วย สวนเขียวขจี

(ดูเพิ่มเติมที่ : http://www.mbc.net/ar/programs/sabah-al-khair)
...................

สรุป หากท่านดูคลิปนี้
((http://www.youtube.com/watch…))

ประกอบไปด้วย ถึงจะไม่เข้าใจภาษาอาหรับ (แต่ก็ สามารถเดาได้) จะพบว่า สมัยก่อนเมื่อ 10,000 ปีก่อน คาบสมุทรอาหรับเคยเขียวขจี และเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ(หนึ่งในนั้น คือ หิมะ) ทำให้คาบสมุทรกลายเป็นพื้นที่ทะเลทรายสักส่วนใหญ่ ซึ่งทำให้ใต้ดินมีน้ำมันจำนวนมากที่มาจากการทับถมของพืชเหล่านั้น
ในคลิป(ตอนท้าย) ยังกล่าวถึงการยอมรับของผู้รู้ชาวเยอรมันคนหนึ่งว่า ((สิ่งเหล่านี้(หมายถึงหะดีษนบีที่เขาได้ไปอ่านเจอ) เป็นไปไม่ได้นอกจากจะเป็นวัหฺย์มาจากพระเจ้า...))
..............
จากข่าวที่ออกมาไม่กี่วัน 16-18/12/2013 (และก่อนปีสองปีนี้) มีหิมะตกหนักที่ตาบูกและทางงเหนือของซาอุฯ ถือว่า เป็นสิ่งที่เกิดยากมากในซาอุฯ ที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศเป็นทะเลทราย วัลลอฮ์อะลัม
.............
ภาพประกอบ :
1) ภาพตัวอย่างแม่น้ำที่อยู่ใต้ดินและใต้ทะเลทรายในประเทศซาอุดีอาระเบีย

2-3) ภาพถ่ายจากดาวเทียมของนาซ่า/อ้างถึงเวปที่หนึ่ง

4) ภาพทะเลทรายในซาอุดีอาระเบียปัจจุบัน
.............
เรียบเรียนโดย : อาบู อับดุลบัร

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2559

เสวนาเรื่องอะกีดะฮตามแนวทางบรรพชนยุคสะลัฟ (ตอนที่ 1)



กติกา
1. หลักฐานจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮและความเข้าใจปราชญยุคสะลัฟ
2. หากเป็นทัศนะสะลัฟ ต้องอ้างหลักฐานจากสะลัฟ
3. หลักฐานต้องมีตัวบท คำแปล และ แหล่งอ้างอิง
4. ให้นำหลักฐานแย้งด้วยหลักฐานไม่ใช้ความเห็นตนเอง
5. เมื่อผู้เสวนานำหลักฐานมาอ้าง หนึ่งครั้ง ต้อรอให้คู่เสวนานำหลักฐานมาโต้แย้งให้เสร็จก่อน
6. ต้องมีการสาบานยืนยัน ว่าจะไม่บิดเบื่อน อัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ
รูปภาพของ บทความโต้ตอบอากีดะฮ์ของอะชาอิเราะฮฺ โดย อ.อะสัน หมัดอะดั้ม - asan Madadam
ความคิดเห็น
บทความโต้ตอบอากีดะฮ์ของอะชาอิเราะฮฺ โดย อ.อะสัน หมัดอะดั้ม - asan Madadam คุณอาลีมาสาบานใหม่ครับ เหมือนที่ผมสาบานคือ ผมขอสาบานด้วยนามอัลลอฮว่า หากผมจงใจบิดเบือนอัลกุรอ่าน อัสสุนนะฮ และวามเข้าใจปราชญสะลัฟ ด้วยการแปลและอธิบาย ขอให้อัลลอฮลงโทษผมในดุนยานี้ นี่คือ คำที่ผมสาบาน
ถูกใจตอบกลับ10แสดงความคิดเห็นโดย Asan Madadam27 ตุลาคม 2015 เวลา 21:05 น.
Srun Srunlaiman งันผมไป ซื้อขนมจากก่อน แปบนะ ใครฝากซื้อมั่ง เดียวซื่้อมาเผื่อคับ อีกอย่าง คับ อาจารย์ ผมขอ ตามก็อบ เช่นเดิมคับ ญาซากัลเลาะ
Asan Madadam เห็นน้องบาบอ บอกว่า เขาชื่อ อาลี หมัดร่าหมาน ก็โอเคนะ แก่ยินดีสาบาน แต่ ของแก สาบานแบบนี้ คือ "ผมนายอาลี หมัดร่าหมานขอสาบานด้วยนามชื่อของอัลลอฮว่าหากผมจงใจบิดเบือน พูดโกหกจากสิ่งที่เรียนมา เพื่อให้ชนะการเสวนาขออัลลอฮตอบเเทน" >>>ผมจึงรอให้เค้ามาสาบานใหม่ เพราะเสวนาศาสนาอัลลอฮ กัน เพราะถ้าเสวนาตามสิ่งที่เรียนมาของแต่ละคน นั้น หากสิ่งที่เรียนมาไม่ตรงกับกิตาบุลลอฮ และสุนนะฮนบี มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะมาอ้างและมาสาบานปกป้อง ตอนนี้รอท่านบาบอน้อยอาลี มาสาบานใหม่ เพื่อประโยชน์กับผู้ทีศึกษาข้อมูล
Eraham Auma เอาเข้าจริง มีเซ เลย พวกบิดอะ
Asan Madadam จะรอท่านบาบอ จนดึก เพราะตอนกลางวัน ไม่มีเวลามาก เพราะทำงาน
สุภาพ หลานตำ ขอรอด้วยครับอาจารย์. แปะใว้ก่อน
Faosun Ibnu Benjamin อย่าจัดหนักนักครู ให้บาบอได้หายใจบ้าง
ทา วิน ผมขอแลสักมุดหล่าวของครูสัน
Asan Madadam ทีผมเปลียนวิธีการเสวนามาให้มีการสาบานเป็นเงื่อนไขก่อนเสวนา เพราะอยากให้ผู้ศึกษาได้ข้อมูลเที่ยงตรงมากที่สุด หากผู้เสวนากลัวอัลลอฮจริง ก็จะไม่กล้าบิดเบือน ส่วนความผิดพลาดอันเนื่องมาจากไม่รู้ มันเป็นเรื่องปกติ ที่คนเราอาจจะเข้าใจบางเรื่องผิดพลาดได้ อัลลอฮย่อมอภัย ผมเข้าเฟสแต่ละวัน บางเฟส มีแต่ ฟิตนะฮคำว่าวะฮบีย์ เช้า สาย บ่ายเย็น อะไรๆก็วะฮบีย์แถมร่วมมือกับชีอะฮ อีกด้วย ปล่อยชีอะฮให้มาเผยแพร่ แล้วพวกเค้าคอยผสมโรง จึงอยากขอร้อง น้องบาบออาลี มาเสวนาเถอะครับ แบบวิชาการ พี่น้องจะได้ศึกษา ขอรับรองว่า เราจะเสวนาด้วยวิชาการเท่านั้น หากนอกเรื่องทุกคนตักเตือนได้ และให้ให้เกียรติผู้เสวนาทั้งสองด้วย
บูทูด หลอน ผมนิ รอศึกษา อยู่ครับ กำลังติดตามครับ
Carrickfergus Fgs บาบอ อยุ่ไหน.?? นี่ก็ 11:10 จะเทียงคืนเเล้วน่ะ^___^
อานัส หมุดตะเหล็บ บาบอคับ มาได้แล้วคับ ผมรออ่านอยู่ ง่วงแล้วเนี้ยะ พรุ่งนี้มีเรียนอิก
SuTee SuaFi Dechasophon จะรอ..ห้ะ !! อีโมติคอน smile
บทความโต้ตอบอากีดะฮ์ของอะชาอิเราะฮฺ โดย อ.อะสัน หมัดอะดั้ม - asan Madadam ประเด็นแรก คือ อัลลอฮอยู่(อิสติวา)เหนืออะรัชจริงหรือ? ขอให้คุณ สาบานตามที่ผมสาบานแล้วนำเสนอหลักฐานได้เลย หลักฐานแย้งด้วยหลักฐานครับ ว่างๆผมจะมาชี้แจง
ถูกใจตอบกลับ5แสดงความคิดเห็นโดย Asan Madadam28 ตุลาคม 2015 เวลา 7:03 น.
ทา วิน ใหนละบาบอที่จะปักหมุดกับครูสัน
บทความโต้ตอบอากีดะฮ์ของอะชาอิเราะฮฺ โดย อ.อะสัน หมัดอะดั้ม - asan Madadam
علي السلفي الاشعاري الخوناوي
และขอหลักเกณในการสนทนาเพียงข้อเดียง คือนำความเป็นจริงมาพูด
>>>>>>>>>>>>>>
คุณอาลีสะละฟีย ครับ ความจริง หรือสัจธรรม ต้องมาจากวะหยูของอัลลอฮ ผ่านท่านนบีมุหัมหมัดครับ
ดังเช่นพระดำรัสของพระองค์ที่ว่า
وَقُلِ الْحَقُّ مِنْ رَبِّكُمْ ۖ فَمَنْ شَاءَ فَلْيُؤْمِنْ وَمَنْ شَاءَ فَلْيَكْفُرْ ۚ إِنَّا أَعْتَدْنَا لِلظَّالِمِينَ نَارًا
“และจงกล่าวว่า สัจธรรมนั้นมาจากพระเจ้าของพวกเจ้า ดังนั้นผู้ใดประสงค์เขาก็จงศรัทธาเถิด และผู้ใดประสงค์เขาก็จงปฏิเสธเสีย แน่นอนว่าเราได้ตระเตรียมนรกไว้สำหรับพวกที่อธรรมแล้ว –อัลกะฮฟี/๒๙
เพราะฉะนั้น ถ้าหลักความเชื่อที่ไม่ได้มาจากคำสอนอัลลอฮโดยการวะหยู จะเป็นความจริงได้หรือครับ
ถูกใจตอบกลับ5แสดงความคิดเห็นโดย Asan Madadam28 ตุลาคม 2015 เวลา 8:37 น.
บทความโต้ตอบอากีดะฮ์ของอะชาอิเราะฮฺ โดย อ.อะสัน หมัดอะดั้ม - asan Madadam
علي السلفي الاشعاري الخوناوي
และขอหลักเกณในการสนทนาเพียงข้อเดียง คือนำความเป็นจริงมาพูด
>>>>>>>>>>>>>>
คุณอาลีสะละฟีย ครับ ความจริง หรือสัจธรรม ต้องมาจากวะหยูของอัลลอฮ ผ่านท่านนบีมุหัมหมัดครับ
ดังเช่นพระดำรัสของพระองค์ที่ว่า
وَقُلِ الْحَقُّ مِنْ رَبِّكُمْ ۖ فَمَنْ شَاءَ فَلْيُؤْمِنْ وَمَنْ شَاءَ فَلْيَكْفُرْ ۚ إِنَّا أَعْتَدْنَا لِلظَّالِمِينَ نَارًا
“และจงกล่าวว่า สัจธรรมนั้นมาจากพระเจ้าของพวกเจ้า ดังนั้นผู้ใดประสงค์เขาก็จงศรัทธาเถิด และผู้ใดประสงค์เขาก็จงปฏิเสธเสีย แน่นอนว่าเราได้ตระเตรียมนรกไว้สำหรับพวกที่อธรรมแล้ว –อัลกะฮฟี/๒๙
เพราะฉะนั้น ถ้าหลักความเชื่อที่ไม่ได้มาจากคำสอนอัลลอฮโดยการวะหยู จะเป็นความจริงได้หรือครับ
อิมามอะหฺมัด บิน หัมบัล เราะหิมะฮุลลอฮ กล่าวว่า
لا يوصف الله إلا بما وصف به نفسه أو وصفه به رسول الله صلى الله عليه وسلم ؛ لا يتجاوز القرآن والحديث
“อัลลอฮจะไม่ถูกกำหนดคุณลักษณะ เว้นแต่ด้วยสิ่งที่อัลลอฮทรงกำหนดคุณลักษณะแก่พระองค์เอง หรือที่ท่านนบีได้ระบุคุณลักษณะของพระองค์เอาไว้ (ดังนั้น)อย่า(ได้กำหนดคุณลักษณะของอัลลอฮ)เกินเลยขอบเขตอัลกุรอานและอัล-หะดีษ
- อัลมะสาอีลวัรเราะสาอีล อัลมัรวียะฮ อันอิหม่ามอะหมัด หน้า ๑๑๖
ถูกใจตอบกลับ1แสดงความคิดเห็นโดย Asan Madadam28 ตุลาคม 2015 เวลา 9:02 น.
บทความโต้ตอบอากีดะฮ์ของอะชาอิเราะฮฺ โดย อ.อะสัน หมัดอะดั้ม - asan Madadam อัลลอฮตาอาลาตรัสว่า الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى
[20.5] ผู้ทรงกรุณาปรานี ทรงสถิตย์อยู่เหนือบัลลังก์
เนื่องจาก คนบางกลุ่มได้ให้ความหมายของอายะฮฺนี้ว่า “อิสเตาลา” หมายถึง “ครอบครอง” ซึ่งความหมายเช่นนี้เป็นการยึดมั่นของมุอฺตะซิละฮฺ (มะกอลาตอัลอิสลามิยีน หน้า 157, 211, อัลอิบานะฮฺ หน้า 120) ที่ค้านกับการให้ความหมายของอะฮฺลุสสุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ (ที่ให้ความหมายว่า “อะลา วัรตะฟะอา หมายถึง อยู่สูงเหนือ) และยิ่งไปกว่านั้น พวกเขากล่าวหาผู้ที่ไม่ตีความอายะฮนี้ว่าเป็นพวกที่มีอะกีดะฮที่หลงผิด ดังนั้นขอให้บาบออาลี ช่วยอธิบายหน่อยว่า อะกีดะฮสะลัฟที่ท่านเรียนมาให้ความหมายว่าอย่างไร และคนที่ไม่ตีความผิดหรือไม่
Carrickfergus Fgs อัชชาอีเราะห์. ก็อย่างที่ว่าละครับ, พอเอาเข้าจริง หายหัวเงียบ!
Carrickfergus Fgs ต่างคนต่างรอท่านอยุ่ครับ รอท่านมาสาบานอีกครั้งตาม อจ ซัน ครับ^^
าง อาลี หมัดร่าหมาน กับ อะสัน หมัดอะดั้ม