อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556

อย่าโกรธกัน !!!นะพี่น้อง







          ความโกรธเป็นอาการที่แสดงออกถึงการไร้ความยับยั้งสติอารมณ์ชั่วครู่ชั่วขณะที่มีอาการโกรธ อาจจะก่อให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงที่ไม่เหมาะสมโดยไม่ทันได้รู้สึกตัว  เมื่อใดที่อาการโกรธหายไปและรู้สึกตัวอีกครั้ง ความเสียใจก็จะเกิดขึ้นกับผู้ที่ไม่ยับยั้งตนแสดงความก้าวร้าวหรือก่อความเสียหายในขณะที่ตนมีอาการโมโหโกรธา

          ด้วยเหตุนี้อิสลามจึงสั่งให้ระวังนิสัยชอบโกรธ เพราะมักจะเป็นภัยต่อมนุษย์มากกว่าให้คุณประโยชน์ การระงับความโกรธบางครั้งก็ไม่ใช่ทำได้ง่ายๆ ดังนั้นผู้ที่สามารถยับยั้งตนและระงับความโกรธได้จึงถือเป็นผู้ที่มีความเข้มแข็งอย่างแท้จริง

ท่านรอซูล  ได้กล่าวไว้มีความว่า

 “ผู้ที่แข็งแกร่งนั้นไม่ใช่ผู้ที่สามารถล้มคู่ต่อสู้ได้ แต่ผู้ที่แข็งแกร่ง คือ ผู้ที่สามารถควบคุมตัวเองได้ในยามโกรธ”
(รายงานโดย อัล-บุคอรีย์ และมุสลิม)

การระงับความโกรธจึงเป็นลักษณะของผู้ศรัทธาและผู้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺ พระองค์ได้สาธยายถึงคุณลักษณะของบุคคลเหล่านี้ว่า

الَّذِينَ يُنفِقُونَ فِي السَّرَّاء وَالضَّرَّاء وَالْكَاظِمِينَ الْغَيْظَ وَالْعَافِينَ عَنِ النَّاسِ وَاللهُ يُحِبُّ الْمُحْسِنِينَ (سورة آل عمران:134)

“คือบรรดาคนที่ใช้จ่ายให้ทานทั้งในยามสุขและยามทุกข์ อีกทั้งระงับความโมโหโกรธาและให้อภัยแก่คนอื่น
แท้จริงแล้วอัลลอฮฺทรงรักบรรดาผู้ที่กระทำความดีงาม”
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อาล อิมรอน: 134)

          อาการโกรธเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ดังนั้นจึงต้องระวังตนอยู่เสมอ โดยเฉพาะคนที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย ซึ่งอาจจะสร้างความเดือนร้อนให้กับผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผล เป็นที่เข็ดขยาดของคนอื่น และไม่มีผู้ใดอยากใกล้ชิด  ครั้งหนึ่งได้มีผู้ชายคนหนึ่งมาขอให้ท่านรอซูล  ตักเตือนเขา

ท่านรอซูล ได้สั่งเขาว่า
“ท่านจงอย่าโกรธ” ท่านได้ทวนเช่นนั้นหลายครั้งว่า อย่าโกรธ
(รายงานโดย อัล-บุคอรีย์)

           เพราะอาการโกรธเกือบจะไม่เป็นผลดีใดๆ เลยต่อตัวมนุษย์ เป็นอาการที่เกิดจากการยุแหย่ล่อลวงของชัยฏอน ผู้ที่มีอาการเช่นนั้นจึงต้องหาวิธีเพื่อระงับความโกรธเสีย  ท่านรอซูล  ได้แนะนำวิธีการระงับความโกรธโดยให้กล่าวคำว่า

أَعُوْذُ بِاللهِ مِنَ الشَّيْطَانِ الرَّجِيْمِ      “อาอูซุ บิลลาฮฺ มินัช ชัยฏอนิร รอญีม”

ความหมายคือ “ข้าขอให้อัลลอฮฺช่วยคุ้มครองให้พ้นจากการล่อลวงของชัยฏอน”
 (รายงานโดยอัล-บุคอรีย์และมุสลิม)

ท่านรอซูล  ยังได้กล่าวไว้อีกมีความว่า

“พึงรู้เถิดว่าความโกรธคือถ่านไฟที่อยู่ในใจของมนุษย์ พวกท่านไม่เห็นดอกหรือว่าตาของเขาแดงก่ำและกรามของเขาพองโต
เพราะฉะนั้นใครที่มีอาการเช่นนั้นให้เขารีบไปอาบน้ำวูฎูอฺ (อาบน้ำละหมาด)”
 (รายงานโดย อัต-ติรมิซีย์)

นอกจากนี้ผู้ที่สามารถระงับความโกรธจะได้รับผลตอบแทนที่ดีจากอัลลอฮฺในวันอาคิเราะฮฺ เช่น ท่านรอซูล  ได้กล่าวไว้มีความว่า

“ผู้ใดที่ระงับความโกรธไว้ในขณะที่เขาสามารถปะทุมันออกมาได้
ในวันกิยามะฮฺอัลลอฮฺจะเรียกเขาท่ามกลางผู้คนมากมาย  และให้เขาเลือกจะเอานางสวรรค์คนใดก็ได้ตามใจเขา”
(รายงานโดย อัต-ติรมิซีย์)

 .................................
 โดย อ.ซุฟอัม อุษมาน

Islam House

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น