อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

อิสลาม คือสินสมรสอันมหาสาล



ท่าอนัส อิบนุ มะลิก ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ ได้เล่าว่า
"อบู ฏอลหะห์ ได้มาสู่ขอท่านนหญิงอุมมุ สุลัยม์ ซึ่
อบูฏอนหะห์ในเวลานั้นยังไม่ได้เข้ารับอิสลาม ท่านหญิงจึงกล่าวว่า
"แท้จริง ไม่เป็นการบังควร ที่ฉันจะทำการสมรสกับชายผู้ตั้งภาคี โอ้ อะบาฏอลหะห์ ท่านมิทราบดอกหรือว่า บรรดาเทพเจ้าที่ท่านสักการะนั้น  ทาสของตระกูลนั้นๆ เป็นผู้แกะสลักและปั้นมันขึ้นมา และแท้จริงถ้าหากว่าพวกท่านจุดไฟสุมเจว็ดและรูปปั้นเหล่านั้นแล้วไซร้ แน่นอนมันย่อมมอดไหม้"
 ท่านอนัส เล่าต่อว่า
"เมื่ออบูฏอลหะห์ ถูกปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงจากไปโดยในใจของเขามีสิ่งที่ต้องครุ่นคิดจากคำพูดของท่านหญิงอุมมุสุลัยม์ ต่อมาภายหลังเขาก็ได้มาหานางอีกครา และกล่าวว่า
"สิ่งที่เธอได้เสนอต่อแันนั้น ฉันน้อมรับแต่โดยดี
ในที่สุดอบูฏอลหะห์ ด็เข้ารับอิสลาม
ท่านอนัส กล่าวว่า
"นางไม่ได้มีสินสมรสอันใดเลย นอกจากการเข้ารับอิาลาม (ของอบูฏอลหะห์)
(จาก "เฏาะบะกอต อิบนิ สะอ์ด 8/426/427 และท่านอิบนุ หะญัร ได้ระบุใน "อัลอิศอบะห์ 8/243 และสายรายนี้ถูกต้อง)

.........................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น