อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เตาฮีด




 เตาฮีด คือ การยอมรับในการที่จะปฏิบัติอิบาดะฮฺ (เคารพบูชา) ต่ออัลลอฮ์แต่เพียงผู้เดียว ☝

เตาฮีดแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ :

🌸 1. เตาฮีด อัร-รุบูบียะฮฺ : คือการที่เราเชื่อว่าอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา คือผู้สร้าง การสร้างในที่นี้คือ การสร้างในสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถสร้างได้ ไม่สามารถลอกเลียนแบบอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ และมันเกินความสามารถของมนุษย์คนหนึ่งที่จะทำได้ เช่น การสร้างดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ดวงดาว ชั้นฟ้า แผ่นดิน การให้ริสกี (ปัจจัยยังชีพ) การให้เป็น-ให้ตาย ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้ไม่มีมนุษย์คนใดที่จะสร้างได้ ไม่มีมนุษย์ผู้ใดที่จะสร้างมดหรือแมลงวันได้ แม้เพียงตัวเดียว ไม่มีผู้ใดที่จะทำได้เทียบเท่าหรือเหมือนอัลลอฮ์ และถ้าเชื่อว่ามีผู้ใดสามารถทำได้เช่นนั้น นั่นคือการทำชิริก (ตั้งภาคี) ต่ออัลลอฮ์

นอกจากนี้ ในเรื่องของริสกี ก็ไม่มีผู้ใดสามารถให้ริสกีได้ นอกจากอัลลอฮ์ หากจะกล่าวว่ามนุษย์ผู้หนึ่งผู้ใดเป็นผู้ให้ริสกี ย่อมต้องหาต้นตอที่มาของริสกีนั้นกันอย่างไม่จบไม่สิ้น และริสกีที่เราได้รับกันอยู่ทุกวันนี้ที่เห็นได้อย่างชัดเจน ก็คืออากาศที่เราใช้หายใจ มีใครให้กับเราได้บ้าง นอกจากอัลลอฮ์

อนึ่ง จักรวาลที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว โคจรอย่างเป็นระบบตามรอบวงโคจร และมีรูปทรงเฉพาะของมัน หากไม่มีผู้สร้างและวางระบบมันแล้วไซร้ มันจะโคจรอย่างเป็นระบบ และมีรูปทรงเฉพาะของมันได้สมบูรณ์อย่างนี้หรือ? อยู่ดี ๆ ก้อนฝุ่นในอวกาศมันจะรวมตัวกันเองได้อย่างบริบูรณ์ โดยไม่มีผู้ควบคุมมันได้อย่างไร?

ดังนั้น เตาฮีด อัร-รุบูบียะฮฺ ก็คือ การที่เราเชื่อว่าอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงอภิบาลในทุก ๆ สรรพสิ่ง โดยไม่มีสิ่งใดที่พระองค์ทำไม่ได้ และไม่มีผู้ใดจะทำได้เหมือนกับพระองค์ หรือเทียบเท่ากับพระองค์

🌺 2. เตาฮีด อัล-อุลูฮียะฮฺ : คือเตาฮีดในเรื่องของการอิบาดะฮฺ กล่าวคือ บ่าวจะต้องกระทำการปฏิบัติอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา แต่เพียงผู้เดียว จะทำต่อผู้อื่นไม่ได้เด็ดขาด และถ้าเราไปทำอิบาดะฮฺต่อผู้อื่น ก็เท่ากับว่าเราทำชิริก (ตั้งภาคี) ต่ออัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

การอิบาดะฮฺนั้น ไม่ได้หมายถึงเพียงการละหมาดอย่างเดียว แต่รวมอยู่ในหลาย ๆ เรื่องด้วยกัน เช่น "อัลฮัมดุ" (การสรรเสริญ) "อัลฮัมดุลิ้ลลาฮิร็อบบิ้ลอาละมีน" (มวลการสรรเสริญนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮ์ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก) เป็นต้น ดังนั้น เราจะสรรเสริญใคร ก็ต้องไม่เป็นการสรรเสริญที่เกินขอบเขตของความเป็นมนุษย์ แต่ถ้ายกระดับบุคคลคนหนึ่งเกินขอบเขตของความเป็นมนุษย์ กระทั่งมากกว่าอัลลอฮ์ หรือเทียบเท่าอัลลอฮ์ หรือสรรเสริญจนเลยเถิด ก็เท่ากับว่าเราได้ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์แล้ว เพราะเราไปอิบาดะฮฺต่อเขาด้วยกับการสรรเสริญจนเกินความพอดี

สำหรับการขอพร (อัด-ดุอาอฺ) นั้น เราจะขอสิ่งใด ก็ต้องขอต่ออัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา แต่เพียงผู้เดียว จะไปขอผ่านสื่อกลาง (วะซีละฮฺ) ไม่ได้ จะไปขอต่อต้นไม้ ก้อนหิน เจว็ต หรือสิ่งไม่มีชีวิตอื่น ๆ ก็ไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่าง เราต้องขอจากอัลลอฮ์ ส่วนการขอจากมนุษย์ในดุนยาในสิ่งที่เป็นไปได้ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ เช่นนี้สามารถทำได้ อาทิ การขอความช่วยเหลือ ขออาหาร ขอเงิน และอื่น ๆ เป็นต้น นอกจากนี้ เราจะมอบหมาย (อัต-ตะวักกุ้ล) ต่อสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮ์ไม่ได้

กล่าวได้ว่า การสรรเสริญ การขอดุอาอฺ การมอบหมาย การรุกั๊วะ การสุญูด รวมถึงการขอความคุ้มครอง ฯลฯ เหล่านี้ เป็นการปฏิบัติอิบาดะฮฺที่ต้องทำต่ออัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เท่านั้น

"อียากะนะอฺบุดุ วะอียากะนัสตะอีน" (เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เราเคารพภักดี และเฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เราขอความช่วยเหลือ) นี่คือสิ่งที่เรากล่าวในทุกครั้งที่อ่านซูเราะห์ อัล-ฟาติฮะฮฺ ในทุกเวลาละหมาด

🌼 3. เตาฮีด อัล-อัสมาอฺ วัศ-ศิฟาต : คือการเชื่อว่าอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงมีหนึ่งเดียวในด้านของคุณลักษณะต่าง ๆ และทรงมีหนึ่งเดียวในด้านของพระนามต่าง ๆ

คุณลักษณะของอัลลอฮ์ไม่ได้มีเพียงแค่ 20 คุณลักษณะ อย่างที่ใครหลาย ๆ คนเข้าใจ ทั้งนี้ คุณลักษณะของอัลลอฮ์และพระนามของอัลลอฮ์นั้น มีความสอดคล้องกัน

เช่น พระนาม "อัล-ฆ่อฟู๊ร" (ผู้ทรงให้อภัย) : เราก็จะต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงให้อภัยจริง ๆ ไม่ได้มีใครที่จะให้อภัยไปได้มากกว่าอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา แล้ว และถ้าเชื่อว่ามีใครให้อภัยได้มากกว่าหรือเทียบเท่ากับอัลลอฮ์ ก็เท่ากับว่าคน ๆ นั้นตั้งภาคีต่อพระองค์

พระนาม "อัร-ร่อฮีม" (ผู้ทรงเมตตา) : เราก็ต้องเชื่อว่าพระองค์เป็นผู้ทรงเมตตาที่สุด ไม่มีใครเมตตามากไปกว่าหรือเทียบเท่ากับพระองค์อีกแล้ว เป็นต้น

ไม่มีผู้ใดที่จะมีลักษณะดีไปกว่าหรือเทียบเท่ากับอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

------------------

สรุปความจาก : "วิธีการจำแนกเตาฮีดแบบง่าย ๆ" โดย อ.รออีส ศรีทับทิม https://youtu.be/ZlFjuvJlhvY



ผู้รู้บิดเบือน ขายศาสนา



ผู้รู้บิดเบือน ขายศาสนา อ่านแล้วสะดุ้ง !!!
- อิบนุลอัฏฏ๊อร ปราชญ์จากมัศฮับอัชชาฟิอีย์ผู้ยึดมั่น
ในอะกีดะฮ์สะลัฟ กล่าวว่า : ถือเป็นความถูกต้องที่จะดูหมิ่นเหยียดหยาม
-พวกบิดเบือนในคราบอุละมาอ์(ผู้มีความรู้)
-พวกเปลี่ยนแปลงความรู้(ทำถูกให้เป็นผิด)
-พวกที่ไม่เห็นคุณค่าของความรู้
- พวกขายความรู้ด้วยราคาที่ไร้ค่าแลกกับความเพริดแพร้วและอารมณ์
ความใคร่ของดุนยา
และถ้าพิจารณาตามนัยยะของอัลกุรอานและอัลหะดีสแล้วถือว่าพวก
เหล่านี้ตกเป็นกาฟิรเลยทีเดียว ไม่ว่าพวกเหล่านี้จะเป็นพวกตีความหรือเป็น
พวกเจตนาบิดเบือนก็ตาม ส่วนคนที่ไปดูถูกเหยียดหยามคนพวกนี้ไม่ถือว่า
เป็นกาฟิรและไม่ถือว่าเป็นคนชั่วคนเลวแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายัง
ได้ผลบุญตอบแทนอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเจตนา(ในการดู
หมิ่น)ให้เกิดการหนีห่างละทิ้งจากสิ่งที่พวกเหล่านั้นเป็นอยู่ และมุ่งให้
ศาสนานั้นปรากฏอย่างถูกต้องชัดเจน และดำรงไว้สืบไป.
.
(จากหนังสือ อัลเอี๊ยติก๊อด ของอินุลอัฏฏ๊อร อัชชาฟิอีย์ (หน้าที่ 175-176)
- ข้อสังเกตุ
- อิมาม อิบนุลอัฏฏ๊อร-ร่อฮิมุฮุลลอฮ์-(ตายปี ฮ.ศ. 724)
-เป็นปราชญ์ในมัสหับอิมามอัชชาฟิอีย์-ร่อฮฺมะฮุลลอฮ์(ตายปี ฮศ.204)
- เป็นศฺิษย์เอกท่านหนึ่งของอิมามอันนะวะวีย์-ร่อฮิมะฮุลลอฮ์-(ตายปี
ฮศ.676)

-ท่านอีมานยึดมั่นในเรื่องอิสติวาอ (การอยู่เหนือบัลลังก์ของอัลลอฮ์ตะอา
ลา)
-ท่านอีมานยืนยันการมีมือ ใบหน้า การเสด็จลงมาของพระองค์ยังฟ้าชั้นดุน
ยา การเห็นอัลลอฮ์ของชาวสวรรค์ด้วยตาเปล่า ตลอดจนความเชื่อต่างๆใน
คุณลักษณะของอัลลอฮ์ตะอาลา ตามที่อัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์ได้
บอกเอาไว้ ไม่ตีความ บิดเบือน ปฏิเสธหรือเปรียบเทียบกับสิ่งถูกสร้างใดๆ
เหมือนที่บรรดาอิมามทั้งหลายที่ยึดแนวทางสะลัฟได้ถ่ายทอดกันมา
-ท่านได้เปิดโปงความชั่วร้าย ของพวกปฏิเสธลักษณะต่างๆของอัลลอฮ์เช่น
พวกญะฮ์มียะฮ์ ตำหนิ วิภาษอย่างรุนแรง พวกตีความและคลั่งในอิลมุลกะ
ลาม(ใช้ตรรกกะทางปัญญาในการตีความหรืออธิบายลักษณะของอัลลอฮ์
(เช่นพวกมวัะตะซิละฮ์ พวกอะชาอิเราะฮ์ พวกมาตุรีดียะฮ์ ......) และคำพูดนี้
ที่หยิบยกมา ก็มีที่มาจากพวกเหล่านี้
-ดังนั้น พวกนี้สมควรแล้วที่จะโดนลบหลู่ดูหมิ่น โดนดูถูกเหยียดหยาม.
- https://archive.org/stream/FP121879/121879…
- ขออัลลอฮตอบแทนความดีมากมายแด่เชค ยูนุส อัศศ่อบาฮีย์ -หะ
ฟิซ่อฮุลลอฮุวะร่ออาฮุ-ที่ได้กรุณาชี้นำให้เราได้เป็นข้อคิด สิ่งเตือนใจให้เรา
ตระหนักอยู่เสมอและตลอดไป.
- و جزى الله الشيخ أبا الحسين / يونس الصباحي خير الجزاء .

ทว่าแค่ร่อกะอัตเดียวที่มัสยิดอยู่ติดกับบ้านพวกเขากลายเป็นที่ที่ไกลสุด



ข้อคิดดีๆจากเชค ยูนุส อัศศ่อบาฮีย์ -หะฟิซ่อฮุลลอฮุตะอาลาวะร่ออาฮุ -

-พวกเขาพูดพร่ำร้องหาว่า : ซ่อลาฮุดดีน(แปลว่าคนศาสนาดี)อยู่ใหน?
-ฉันเลยพูดว่า : แล้วศ่อลาฮุนนัฟซ์บิดดีน(จิตใจดีด้วยการยึดมั่นในศาสนา
เล่าอยู่ใหน?
- พวกที่พูดเช่นนี้นี้ต้องการอยากไปละหมาดที่มัสยิดอัลอักศอกัน(แปลว่า
ไกลสุด)
แต่ทว่าแค่ร่อกะอัตเดียวที่มัสยิดอยู่ติดกับบ้านพวกเขากลายเป็นที่ที่ไกลสุด
สำหรับพวกเขา.

-ข้อคิดคือ
- การที่เราจะชนะศัตรูนั้นมิใช่เพียงเรามีแม่ทัพที่เก่งกาจอย่างท่านศ่อลาฮุด
ดีน อัลอัยยูบีย์เท่านั้น แต่ต้องเริ่มจากการขัดเกลาจิตใจให้เป็นบ่าวที่ดีขอ
งอัลลอฮ ยึดมั่นในหลักการอย่างถูกต้องเสียก่อน แล้วอัลลอฮจะทรงช่วย
เหลือให้เรามีชัยชนะเหนือศัตรู.
- บางคนอยากไปละหมาดที่มัสยิดอัลอักศอที่บัยตุลมักดิสอันไกลโพ้น แต่
มัสยิดที่อยู่ติดบ้านเขากลับไม่เคยจะโผล่หน้าไป.
เกร็ดความรู้
- ซ่อลาฮุดดีน อัลอัยยูบียคือชื่อแม่ทัพมุสลิมผู้พิชิตบัยตุลมักดิส มัสยิดอัล
อักศอ โดยมีชัยชนะเหนือพวกครูเสสที่พ่ายแฟ้อย่างย่อยยับในสมรภูมิ
หิฏฏีน (ปี 583 ฮศ. 1187 คศ.). ท่านเสียชีวิต 589 ฮ.ศ. 1193 คศ.


- ศ่อลาฮุดดีนแปลว่า ผู้มีศาสนาดี.แต่มักเรียกชื้อโดยไม่แปลกัน และได้นำ
มาเล่นคำในที่นี้.


วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2559

"เงิน"กับ"เวลา"



"เงิน"กับ"เวลา"ต่างกันมาก
"เงิน"ดูในบัญชียังพอรู้..
เหลือเท่ารัยแต่...
"เวลา"ที่เหลือสิ..
จะไปหาดูจากที่ไหน...
แล้วเราสะสมสเบียงเต็มรึยัง...!!




สวรรค์นั้นไปไม่ยากถ้าอยากจะไป


สวรรค์นั้นไปไม่ยากถ้าอยากจะไป
ก็ปฎิบัติในสิ่งที่อัลลอฮ์ใช้ แล้วก็ละเว้น
ในสิ่งที่อัลลอฮ์ห้าม เรื่องศาสนาไม่ใช่เรื่องยาก

อัลลอฮ์ทรงดำรัสว่า
และพระองค์ไม่ใด้ดลบันดาลให้มีความยากลำบากกับพวกท่านในเรื่องศาสนา(อัลฮัจย์:78)

ท่านนบี(ซ.ล)กล่าวว่า
แน่แท้ศาสนานั้นสะดวกง่ายดาย(บุคอรี:39)

มีชายคนหนึ่งใด้ถามท่านนบี(ซ.ล)ว่า ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เมื่อฉันละหมาดตามที่ถูกกำหนด ฉันถือศิลอดในเดือนรอมาฏอน ฉันปฏิบัติสิ่งที่อนุมัติโดยถือว่าเป็นสิ่งอนุมัติ และฉันละเว้นสิ่งที่ต้องห้าม โดยถือว่าเป็นสิ่งต้องห้าม และฉันไม่เพิ่มสิ่งใดอีกแม้แต่น้อย ฉันใด้เข้าสวรรค์ใช่ไหม?ท่านนบี(ซ.ล)ตอบว่าใช่(รายงานโดย:มุสลิม)

อัลฮัมดุลิลลาฮ์
ยังไงก็อย่าลืมพาพี่น้องเราไปด้วยนะครับสวรรค์ เราจะขึ้นสวรรค์คนเดียวใด้ลงคอหรือ ขณะที่ท่านกำลังยืนมองพี่น้องท่านกำลังตกนรก อะไรที่ไม่ดีก็บอกกล่าวตักเตือนกันนะครับพี่น้องของเรา





อัลลอฮฺ มิได้สร้างรูปร่างของผักและผลไม้แบบไร้สาระ






هل تعلم ان الله سبحانه وتعالى لم يخلق اشكال الخضار والفواكه عبثا ~
ท่านรู้หรือไม่ว่า อัลลอฮฺ มิได้สร้างรูปร่างของผักและผลไม้แบบไร้สาระ

1. الجزر : يشبـه عدسة العين ..فعلاً أثبتت الأبحاث أن الجزر مفيد جداً للنظر.
1. แครอท(แกนกลาง) : อัลลอฮฺทรงสร้างแครอทให้คล้ายกับแก้วตา(กระจกตา) แน่นอน ผลการวิจัยได้พบว่า แครอทนั้น มีประโยชน์มากในเรื่องการ(บำรุงสาย)ตา(การมองเห็น)

2. الطماطم : لها أربع حجرات والقلب لونه أحمر وبه أربع حجرات:البطينين والأذينين..وكل الأبحاث الحديثة تؤكد أن الطماطم طعام القلب والــــدم.
2.มะเขือเทศ(แกนกลาง): จะแบ่งออกเป็นสี่ห้อง เหมือนหัวใจซึ่งมีสีแดงและมีสี่ห้องเช่นกัน สองห้องหัวใจสำหรับเลือดดำและแดงที่เข้าออก(ฟอก) และทุกการวิจัยปัจจุบันพบว่า มะเขือเทศเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อหัวใจและเลือด.

3. العنب : يشبه الشكل الخارجي للقلب..وكل حبة عنب تشبه خلية دموية...!! ولقد أظهرت الأبحاث الآن أن العنب مفيد للقلب والدم أيضاً.
3. องุ่น : รูปร่างพวงอรุ่งดูด้านนอกนั้น เป็นทรงหัวใจ และทุกเมล็ดองุ่นนั้นเหมือนกับเซลล์เม็ดเลือด ...ผลการวิจัยปัจจุบัน พบว่า องุ่นนั้นมีประโยชน์ต่อหัวใจและเลือดเช่นกัน

4. عين جمل: يشبه جدا شكل الدماغ (المخ) بفصيه الأيمن والأيسر..حتى التلافيف الموجودة بداخله.. سبحان الله !! فعلا تؤكد الأبحاث أن تناول عين الجمل يساهم في نمو الكثير من الخلايا العصبية التي تساعد في أداء المهام الدماغية.
.
4. เมล็ดถั่ววอลนัท : คล้ายมากกับมันสมองคนมีซีกขวาซีกซ้าย ... มหาบริสุทธิ์ยิ่งนักเอกองค์อัลลอฮฺ ...แน่นอน ผลการวิจัยพบว่า การกิน เมล็ดถั่ววอลนัท นั้นช่วยพื้นฟูเซลล์ประสาทได้ดีมาก เพื่อช่วยต่อการทำงานของสมองได้ต่อไป

5. الفاصولياء : تشبــه الكلـى والفاصوليـآء تساعد الكلى في أداء مهامها.
.5. ถั่ว : (รูปร่างของมัน)เหมือนไต (ผลการวิจัยพบว่า) ถั่ว สามารถช่วยในเรื่อง(การบำรุง)ไตในเรื่องการทำงานของมันได้ดี

6. البصل : يشبه خلايا الجسم، وتظهر الأبحاث أن البصل يساعد في التخلص من فضلات الجسم، ويجعل عيون الانسان تدمع فتنظف طبقات العين.
6. หัวหอม : (รูปร่างมัน)เหมือนเซลล์ของร่างกาย และผลการวิจัยพบว่า หัวหอมสามารถช่วย ในการกำจัดของเสียในร่างกาย และหัวหอมทำให้ตาของมนุษย์มีน้ำตำไหลออกมาเมื่อสัมพัสกับมันมีผลดีในเรื่องการทำความสะอาดชั้นของตา

سبحان الله ♥
ขอการสรรเสริญจงมีแด่อัลลอฮฺพระผู้เป็นเจ้า
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ข้อมูลจาก... فن الديكور والرسم

แปลและเรียบเรียงโดย อาบู อับดุลบัร

เรียนภาษาอาหรับ تعلّم اللغة العربية