เมื่อประชาชาติมุสลิมถูกรุมกินโต๊ะ

และแน่นอนประชาชาติอิสลาม จะถูกลุ่มชนผู้ปฏิเสธต่างๆ และชนชาติต่างๆที่หลงทางทั้งหลายจะทำการรุมกินโต๊ะ


عَنْ ثَوْبَانَ قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يُوشِكُ الْأُمَمُ أَنْ تَدَاعَى عَلَيْكُمْ كَمَا تَدَاعَى الْأَكَلَةُ إِلَى قَصْعَتِهَا فَقَالَ قَائِلٌ وَمِنْ قِلَّةٍ نَحْنُ يَوْمَئِذٍ قَالَ بَلْ أَنْتُمْ يَوْمَئِذٍ كَثِيرٌ وَلَكِنَّكُمْ غُثَاءٌ كَغُثَاءِ السَّيْلِ وَلَيَنْزَعَنَّ اللَّهُ مِنْ صُدُورِ عَدُوِّكُمْ الْمَهَابَةَ مِنْكُمْ وَلَيَقْذِفَنَّ اللَّهُ فِي قُلُوبِكُمْ الْوَهْنَ فَقَالَ قَائِلٌ يَا رَسُولَ اللَّهِ وَمَا الْوَهْنُ قَالَ حُبُّ الدُّنْيَا وَكَرَاهِيَةُ الْمَوْتِ


รายงานจากเษาบาน ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮะวะซัลลัม กล่าวว่า
“ประชาชาติต่างๆจะรุมกินโต๊ะพวกท่านให้สูญสิ้นไป เหมือนกับอาหารที่อยู่ในจานใหญ่ ที่จะถูกกินให้หมดไป(หมายถึงประชาชาติมุสลิมถูกรุม)
มีผู้ถามว่า "โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ เนื่องจากพวกเรามีจำนวนน้อยใช่ไหม?
ท่านกล่าวตอบว่า "ไม่ใช่หรอก แต่พวกท่าน เป็นเสมือนฟองน้ำในแม่น้ำ โดยที่ความเกรงกลัวจะถูกถอดจากหัวใจศัตรูของพวกท่านและความอ่อนแอ(อัลวะฮฺนุ)จะถูกนำมาวางไว้ในหัวใจของพวกท่านแทน พวกเขา
(เหล่าศอฮาบะฮฺ)กล่าวถามว่า " โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ อะไรเล่าคือ ความอ่อนแอ(อัลวะฮฺนุ)?
ท่านกล่าวตอบว่า "คือ ความรักการเป็นอยู่ดุนยานี้ และการรังเกียจ(กลัว)ความตาย" (สุนันอะบูดาวูด อิมามอัลบานีย์รับรองหะดิษนี้ว่าเศาะเฮียะฮฺ )


ใคร่ครวญ 

1เหตุการณ์ข้างต้นกำลังเกิดขึ้นในยุคนี้ ยุคของเราทุกคน

2.ท่านมีส่วนที่ทำให้ประชาชาติอิสลามถูกรุมกินโต๊ะหรือไม่ เหตุผลสำคัญของความตกต่ำ

คือ หมกมุ่น ทุ่มเท อยู่แค่งานดุนยา แต่ละเลย การงานที่จะต่อสู้ เสียสละ ในแนวทางของอัลลอฮฺ

3.คงเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่น้องเรา ชีวิต ทรัพย์สิน เกียรติยศ ถูกย่ำยี อย่างมากมายทั่วโลก

ความแตกแยกในประชาชาติอิสลามเกิดขึ้น เพราะการออกห่างจากแนวทางสะลัฟ และปล่อยให้พวกนอกรีตนอกคอกซ่องสุมบารมี จนสามารถบ่อนทำลายมุสลิมได้

ในสภาพยุคปัจจุบันที่มีมุสลิมมากดุจฟองน้ำ (ปัจจุบัน มีประชากรมุสลิม ประมาณ 1.57 พันล้านคน คิดเป็นร้อยละ  23 ของประชากรทั่วโลก) แต่ไร้ศักยภาพ เพราะพวกเขามีฐานผลประโยชน์ และแนวทางต่างกันจนยากจะรวมกันได้ พวกเขาไม่เคยสนใจในบัญญัติศาสนามากนัก นอกจากธรรมเนียมบิดอะฮฺที่พวกเขาอุปโลกน์ขึ้นมาเท่านั้น ที่พวกเขาจะทุ่มเทแรงกายแรงใจอนุรักษ์

การทิ้งสาสนาของมวลมุสลิม ล้วนแล้วแต่มีรากเหง้ามาจากการเรืองอำนาจของพวกบิดอะฮฺทั้งสิ้น การเผยแพร่แนวทางสลัฟจรสุดความสามารถเท่านั้น ที่จะหลอมรวมมุสลิมให้เกิดความเป้นหนึ่ง รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องกำราบบิดอะฮฺในทุกด้านตั้งแต่วิชาการและการแทรกแซงทางการเมือง

ท่านชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮฺได้อธิบายถึงสาเหตุแห่งความตกต่ำของประชาชาติอิสลาม
โดยท่านอิบนุตัยมียะฮฺได้ยกตัวอย่างหนึ่งขึ้นมานั้น คือ กรณีของการล่มสลายของราชวงศ์อุมัยยะฮฺที่ปกครองโลกมุสลิมอย่างเป็นปึกแผ่นเกือบ 100 ปี (ฮ.ศ. 41-132) "เราจะพบผู้นำคนสุดท้ายของราชวงศ์นี้ก่อนการล่มสลายก็คือเคาะลีฟะฮฺมัรวาน บินมุหัมมัด อัลญะอฺดีย์ ซึ่งอัลญะอฺดีย์ ในชื่อท้ายของเคาะลีฟะฮฺก็มาจากอัลญะอฺดฺ บินดิรฮัม จึงสะท้อนให้เห็นว่า อัลญะอฺดฺ เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลทางความคิดต่อเคาะลีฟะฮฺมัรวานมาก จนความเลวร้ายต่างๆที่มีอยู่ในตัวของอัลญะอฺดฺ บินดิรฮัม เข้าแทรกซึม ไปมีอิทธิพลในโครงสร้างการปกครองของรัฐ ด้วยเหตุนี้ท่านชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮฺจึงอธิบายว่า อิทธิพลของอัลญะอฺดฺบินดิรฮัม คือรากเหง้าสำคัญที่ให้โลกอิสลามต้องประสบกับความตกต่ำมาจากการเกิดขึ้นของบิดอะฮฺมากมาย (ความนอกรีตนอกรอยต่างๆทางความเชื่อจนก่อให้เกิดการบ่อนทำลายศาสนาอิสลามและอาณาจักร)

ดังนั้นเมื่อความสับปลับ ความนอกรีต นอกรอย  (บิดอะฮฺ) และการทำบาปปรากฏขึ้นเพื่อบ่อนทำลายศาสนาอิสลาม บรรดาศัตรูอิสลามก็ได้ถูกกำหนดจากพระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ให้ผงาดขึ้นมามีอำนาจเหนือมุสลิมเสมือนเป็นการลงโทษต่อมวลมุสลิม และด้วยเหตุนี้เองจะพบว่าตลอดประวัติสาสตร์ที่ผ่านมาพวกคริสเตียนจากอาณาจักร์โรมันจึงได้คกคามเมืองชามและแผ่นดินอาหรับก้าวต่อก้าว ต่อมาพวกเขาก็ทำการคุกคามซีเรียจนกระทั่งสามารถยึดคลองเมืองบัยตุลมักดิซ(ปาเลสไตน์) ได้สำเร็จในปลายฮิจเราะฮฺที่ 4 และพวกเขาก็คงเดินหน้ายึดครองเมืองมัสกัสต่อไป จนทำให้ประชาชนเมืองชามตกอยู่ในภาวะที่โหดร้าย ทั้งนี้ก้เพราะเป็นผลมาจากความร่วมมือกันระหว่างพวกคริสเตียนกุฟฟ้ารและพวกกลับกลอกนอกรีต

จนกระทั้งการล่มสลายของอาณาจักรอุษมานียะฮฺในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 จนสูญสิ้นอาณาจักรอิสลาม และระบบเคาะลีฟะฮฺจากบัดนั้นจนถึงปัจจุบัน

والله أعلم بالصواب