อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บุหรี่มักโระห์เหมือนหัวหอมกระเทียมกระนั้นหรือ?


มุสลิมบางท่านมีทัศนะว่าบุหรี่เป็นสิ่งมักโระห์เช่นเดียวกับ หัวหอม กระเทียม หรือสะตอ ขึ้นฉ่าย เนื่องจากกลิ่นของมัน ทั้งที่หัวหอม กระเทียมที่เป็นมักโระห์ เพราะกลิ่นฉุนขอังมันแต่กลิ่นของมันไม่มีอันตราย เหมื่อนกลิ่นควันบุหรี่แต่อย่างใด  ทั้งท่านรสูลไม่ได้ห้ามที่จะให้รับประทานพวกที่มีกลิ่นฉุนอย่างหัวหอมกระเทียม แต่ท่าน ได้ใช้ผู้ที่กินกระเทียม หรือหัวหอมดิบ ให้หลีกเลียงมัสญิดของบรรดามุสลิม และให้ละหมาดที่บ้านของเขา จนกว่ากลิ่นเหม็นนั้น จะหมดไปจากเขา ที่บรรดาผู้ละหมาด และบรรดามลาอิกะฮฺผู้ใกล้ชิด จะได้รับความเดือดร้อนจากมัน

ท่านญาบิร อิบนุ อับดิลลาฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา กล่าวว่า ท่านนบียฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวไว้ว่า.

"مَنَ أَكَلَ ثَوْمًاأَوْبَصَلاً فَلْيَعْتَزِلْنَا - أَوْلِيَعْتَزِلْ مَسْجِدَنَا - وَلْيَقْعُدِفِي بَيْتِهِ" .

“ผู้ใดที่กินกระเทียม หรือหัวหอม เขาก็อย่าได้เข้าใกล้เรา - หรือเขาก็อย่าได้เข้าใกล้มัสญิดของเรา - และให้เขาได้นั่งอยู่ที่บ้านของเขา”.

มีผู้นำเอาหม้อใบหนึ่งที่มีผักสดต่างๆอยู่ในนั้นมา แล้วท่านได้พบกลิ่นของมัน ท่านได้ถาม แล้วมีคนบอกแก่ท่านถึงสิ่งที่มีอยู่พืชผักต่างๆ ท่านก็กล่าวว่า จงเอามันเข้ามาใกล้ๆ บรรดาสาวกของท่านบางคน - ในขณะที่ท่านอยู่กับพวกเขา - เมื่อท่านได้เห็นมัน ท่านก็ไม่ชอบที่จะกินมัน ท่านกล่าวว่า .

"كُلْ فْإِنِّي أُنَاجِي مَنْ لاَتُنَاجِي" .

 “ท่านจงกิน เพราะว่า แท้จริง ฉันกำลังพูดกับผู้ที่ท่านไม่ได้พูดด้วย”.

ญาบิร กล่าวว่า ท่านนบียฺ ศ็อลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวไว้ว่า .

"مَنَ أَكَلَ الْبَصَلَ أَوِ الثَّوْمَ أَوِالْكُرَّاثَ فَلاَيَقْرُبَنَّ مَسْجِدَنَا فَإِنَّ الْمَلاَئِكَةَ تَتَأَذَّى مِمَّا

يَتَأََذَّى مِنْهُ بَنُو الإِنْسَانِ" .


“ผู้ใดกินหัวหอม กระเทียม หรือคึ่นช่าย เขาก็อย่าได้เข้ามาใกล้มัสญิดของเรา เพระว่า มลาอิกะฮฺ จะเดือดร้อนจากสิ่งที่ลูกหลานของมนุษย์เดือดร้อน จากมัน”. และในอีกรายงานหนึ่ง .

"بَنُوْآدَمَ" .
“ลูกหลานของอาดัม”.
 (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หมายเลข : 854  และมุสลิม  หมายเลข : 564 )

ทั้งหัวหอม กระเทียม สะต้อ ขึ้นฉาย หรือพืชผักอื่นๆที่มีกลิ่นฉุนทำนองนี้  พระองค์อัลลอฮฺได้ให้สรรพคุณประโยชน์มากมายแก่ร่างกายของมนุษย์

ต่อไปนี้ขอยกสรรพคุณของพืชผักอันมีกลิ่นฉุนมาเพื่อเป็นตัวอย่าง ดังนี้

สรรพคุณของหัวหอม
-ช่วยขับลม
-ช่วยแก้ท้องอืด
-ช่วยแก้บวมน้ำ
-ช่วยย่อยและเจริญอาหาร
-ช่วยขับพยาธิ
- ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น
-ช่วยแก้อาเจียนเป็นเลือด
-ช่วยแก้กินเนื้อสัตว์เป็นพิษ เป็นต้น

สรรพคุณของกระเทียม 

-รักษาโรคบิด
-ป้องกันมะเร็ง
-ช่วยระงับกลิ่นปาก
-ช่วยลดระดับไขมัน คอลเลสเตอรอล และน้ำตาลในเลือด
-ช่วยขับพิษ และ สารอันตรายที่ปนเปื้อนในเม็ดเลือด
-มีกลิ่นที่ฉุนจึงสามารถไล่ยุงได้ดี
-ขับลม

สรรพคุณน์ของสะตอ

-ช่วยบำรุงสายตา
-ช่วยทำให้เจริญอาหาร
-ช่วยป้องกันหลอดเลือดอุดตัน
- ช่วยลดความดันโลหิต
-ช่วยทำให้เม็ดเลือดแดงเกาะกลุ่มกันได้ดีขึ้น
-มีผลต่อการแบ่งตัวของเซลล์
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
-ช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้
-อ ช่วยขับลมในลำไส้
ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้
--ช่วยในการขับปัสสาวะ เป้นต้น

สรรพคุณของขึ้นฉ่าย

-ช่วยลดความดันโลหิต ลดปริมาณโคเลสเตอร์รอลและมีฤทธิ์เป็นยาระงับประสาทก็คือ 3-เอ็น-บิวทิล ฟทาไลด์ (3-n-butylphthalide)
-ช่วยปรับระดับคววามดันเลือดให้เป็นปกติ
-ช่วยให้ให้กระดูกและฟันแข็งแรงและช่วยบำรุงครรภ์

จากที่ได้ยกตัวอย่างสรรพคุณของพืชผักที่มีกลิ่นฉุน นั้นมีสรรพคุณมากมาย แล้วบุหรี่ละ ?! มีสรรพคุณใดบ้าง ? ...ไม่เลย ! มีแต่โทษอย่างเดียว บุหรี่ เป็นสาเหตุนำตนเองไปสู่ความหายนะ เป็นภัยอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพตนเองและคนรอบข้าง การสูบบุหรี่เป็นการสุรุ่ยสุร่ายทำลายทรัพย์สมบัติ  การสูบบุหรี่จะทำให้ปาก ร่างกาย และเสื้อผ้ามีกลิ่นเหม็นเกิดขึ้น สร้างความรำคาญแก่ผู้อื่น

อัลลอฮฺ สุบหานะฮุ วะตะอาลา ตรัสว่า
﴿وَأَنفِقُواْ فِي سَبِيلِ ٱللَّهِ وَلَا تُلۡقُواْ بِأَيۡدِيكُمۡ إِلَى ٱلتَّهۡلُكَةِ وَأَحۡسِنُوٓاْۚ إِنَّ ٱللَّهَ يُحِبُّ ٱلۡمُحۡسِنِينَ﴾ [البقرة : 195]
ความว่า “จงใช้จ่ายทรัพย์สินของพวกเจ้าไปในหนทางของอัลลอฮฺเถิด และจงอย่าโยนตัวของพวกเจ้าเองลงไปสู่ความพินาศด้วยน้ำมือของพวกเจ้าเอง จงทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเรื่องดีงาม เพราะอัลลอฮฺทรงรักบรรดาผู้กระทำสิ่งที่ดีงาม” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 195 )

อัลลอฮฺ สุบหานะฮุ วะตะอาลา ตรัสว่า
﴿ وَلَا تَقۡتُلُوٓاْ أَنفُسَكُمۡۚ إِنَّ ٱللَّهَ كَانَ بِكُمۡ رَحِيمٗا ﴾  [النساء : 29]
ความว่า “และจงอย่าฆ่าตัวของพวกเจ้าเอง แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเมตตาต่อพวกเจ้าเสมอ” (อัน-นิสาอ์ : 29)

จากท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«مَنْ تَرَدَّى مِنْ جَبَلٍ فَقَتَلَ نَفْسَهُ فَهُوَ فِي نَارِ جَهَنَّمَ يَتَرَدَّى فِيهِ خَالِدًا مُخَلَّدًا فِيهَا أَبَدًا وَمَنْ تَحَسَّى سُمًّا فَقَتَلَ نَفْسَهُ فَسُمُّهُ فِي يَدِهِ يَتَحَسَّاهُ فِي نَارِ جَهَنَّمَ خَالِدًا مُخَلَّدًا فِيهَا أَبَدًا وَمَنْ قَتَلَ نَفْسَهُ بِحَدِيدَةٍ فَحَدِيدَتُهُ فِي يَدِهِ يَجَأُ بِهَا فِي بَطْنِهِ فِي نَارِ جَهَنَّمَ خَالِدًا مُخَلَّدًا فِيهَا أَبَدًا» [رواه البخاري برقم 5778 و مسلم برقم 109]
ความว่า “ใครที่ฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงมาจากภูเขา เขาก็จะได้รับโทษด้วยการกระโดดอยู่เช่นนั้นตลอดไปในนรกญะฮันนัม  และใครที่ฆ่าตัวตายด้วยการดื่มยาพิษ เขาก็จะได้รับโทษด้วยการดื่มยาพิษอยู่เช่นนั้นตลอดไปในนรกญะฮันนัม  และใครที่ฆ่าตัวตายด้วยการทิ่มแทงตัวเองกับมีดดาบ เขาก็จะได้รับโทษด้วยการใช้มีดดาบทิ่มแทงตัวเองอยู่เช่นนั้นตลอดไปในนรกญะฮันนัม” (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หมายเลข  : 5778 และมุสลิม หมายเลข : 109)

และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«مَنْ قَتَلَ نَفْسَهُ بِشَيْءٍ فِي الدُّنْيَا عُذِّبَ بِهِ يَوْمَ الْقِيَامَةِ» [رواه البخاري برقم 6105 و مسلم برقم 110]
ความว่า “ผู้ใดได้ฆ่าตัวตายด้วยสิ่งใดก็ตาม เขาก็จะได้รับการลงโทษด้วยสิ่งนั้นในวันกิยามะฮฺ” (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หมายเลข : 6105 และมุสลิม หมายเลข : 110 )

เล่าจากอิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«لَاضَرَرَ وَلَاضِرَارَ» [رواه احمد في مسنده 1/313]
ความว่า “อย่าทำร้ายตนเอง และอย่าทำร้ายผู้อื่น” (บันทึกโดยอะหฺมัด  : 1/ 313)

อัลลอฮฺ สุบหานะฮุ วะตะอาลา ได้ตรัสว่า
﴿ إِنَّ ٱلۡمُبَذِّرِينَ كَانُوٓاْ إِخۡوَٰنَ ٱلشَّيَٰطِينِۖ وَكَانَ ٱلشَّيۡطَٰنُ لِرَبِّهِۦ كَفُورٗا ﴾ [الإسراء : 27]
ความว่า “แท้จริงบรรดาผู้ฟุ่มเฟือยเป็นพลพรรคของบรรดาชัยฏอน และชัยฏอนนั้นเนรคุณต่อพระเจ้าของมัน” (อัน-นิสาอ์ : 29 )

แล้วมีสิ่งใดเล่า ที่นำบุหรี่มาเทียบเคียงกับกระเทียม หัวหอม อันมีกลิ่นฉุน คล้ายกัน แต่ หัวหอม กระเทียมมีสรรพคุณทางยา และประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย แต่บุหรี่กลับมีแต่โทษ ว่าเป็นเพียงแค่มักโระห์ ทั้งอัลกุรอานระบุไว้อย่างชัดเจนว่าจงอย่าฆ่าตัวเอง การสูบบุหรี่นั้นมีแต่ทำร้ายฆ่าตัวเอง การให้น้ำหนักบุหรี่เป็นเพียงมักโระห์ หรือหะรอม นั้นลองไตร่ตรองพิจารณาดู...

والله أعلم بالصواب

...........................






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น