อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ความเป็นสุนนะฮฺคือที่ผู้มัดอยู่กับความเป็นญะมาอะฮฺ



    การที่ศาสนาห้ามการแยกตัวออกจากอัลญะมาอะฮฺ นั้นหมายถึงการห้ามแยกตัวออกจากอัลญะมาอะฮฺของบรรดานักปราชญ์สะลัฟและประชาคมอิสลาม ที่ดำรงมั่นอยู่บนสัจธรรม

ส่วนบรรดาพวกบิดอะฮฺที่อุตริแนวทางเบี่ยงเบนขึ้นมาล้วนแล้วแต่เข้าข่ายเป็นพวกที่ออกจากอัลญะมาอะฮฺทั้งสิ้น

เพราะพวกนี้ต่อต้านคัดค้านคำสอนของเหล่าอุลามาอฺอิสลามตลอดจนทำลายการนับถือศาสนาของสังคมมุสลิม

ความแตกแยกของประชาชาติอิสลาม จึงไม่ได้เกิดขึ้นจากการเรียกร้องประชาชาติให้ดำรงมั่นอยู่กับแนวทางสะลัฟ หรืออะฮฺลุสสุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ

หากแต่ความแตกแยกและทำลายเอกภาพของประชาชาติอิสลามเกิดขึ้นจากการแยกตัวของพวกอุตริกรรมนอกคอกจากอัลญะมาอะฮฺของเหล่าสาวก และเหล่านักปราชญ์ผู้สืบสายธารความรู้ในรุ่นต่อมา จนพัฒนากลายเป็นกลุ่มก๊ก หลงทางต่างๆขึ้นในประชาชาติ

ท่านชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮฺ กล่าวว่า
"ความเป็นสุนนะฮฺ คือที่ผู้มัดอยู่กับความเป็นญะมาอะฮฺ เช่นเดียวกับความเป็นบิดอะฮฺผูกมัดอยู่กับการแตกแยก ด้วยเหตุนี้เองที่มันจึงถูกเรียกด้วยชื่อว่า "อะฮฺลุสสุนนะฮฺกับญะมาอะฮฺ" เช่นเดียวกับกับที่เรียกว่าอะฮฺลุลบิดอะฮฺกับการแยกตัว" ( กุนซะละฟียันอะลัลญาดะฮฺ หน้า67)

การฟื้นฟูแนวทางสะลัฟจึงไม่ใช่การสร้างความแตกแยก หากแต่เป็นหนทางในการรวมมุสลิมขึ้นอย่างถาวรอีกครั้ง

والله أعلم بالصواب

..............

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น