การที่ศาสนาห้ามการแยกตัวออกจากอัลญะมาอะฮฺ นั้นหมายถึงการห้ามแยกตัวออกจากอัลญะมาอะฮฺของบรรดานักปราชญ์สะลัฟและประชาคมอิสลาม ที่ดำรงมั่นอยู่บนสัจธรรม
ส่วนบรรดาพวกบิดอะฮฺที่อุตริแนวทางเบี่ยงเบนขึ้นมาล้วนแล้วแต่เข้าข่ายเป็นพวกที่ออกจากอัลญะมาอะฮฺทั้งสิ้น
เพราะพวกนี้ต่อต้านคัดค้านคำสอนของเหล่าอุลามาอฺอิสลามตลอดจนทำลายการนับถือศาสนาของสังคมมุสลิม
ความแตกแยกของประชาชาติอิสลาม จึงไม่ได้เกิดขึ้นจากการเรียกร้องประชาชาติให้ดำรงมั่นอยู่กับแนวทางสะลัฟ หรืออะฮฺลุสสุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ
หากแต่ความแตกแยกและทำลายเอกภาพของประชาชาติอิสลามเกิดขึ้นจากการแยกตัวของพวกอุตริกรรมนอกคอกจากอัลญะมาอะฮฺของเหล่าสาวก และเหล่านักปราชญ์ผู้สืบสายธารความรู้ในรุ่นต่อมา จนพัฒนากลายเป็นกลุ่มก๊ก หลงทางต่างๆขึ้นในประชาชาติ
ท่านชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮฺ กล่าวว่า
"ความเป็นสุนนะฮฺ คือที่ผู้มัดอยู่กับความเป็นญะมาอะฮฺ เช่นเดียวกับความเป็นบิดอะฮฺผูกมัดอยู่กับการแตกแยก ด้วยเหตุนี้เองที่มันจึงถูกเรียกด้วยชื่อว่า "อะฮฺลุสสุนนะฮฺกับญะมาอะฮฺ" เช่นเดียวกับกับที่เรียกว่าอะฮฺลุลบิดอะฮฺกับการแยกตัว" ( กุนซะละฟียันอะลัลญาดะฮฺ หน้า67)
การฟื้นฟูแนวทางสะลัฟจึงไม่ใช่การสร้างความแตกแยก หากแต่เป็นหนทางในการรวมมุสลิมขึ้นอย่างถาวรอีกครั้ง
والله أعلم بالصواب
..............
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น