อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อิสลามห้ามโบกปูนตกแต่งประดับประดาสุสาน(กุบูรฺ)



“ข้าพเจ้าได้เห็นบรรดานักปราชญ์แห่งเมืองมักกะฮฺ
ร่วมกันออกคำสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเหนือหลุมศพ "
(อิมามชาฟิอีย์)

อิสลามไม่อนุญาตให้ทำการตกแต่งประดับประดาสุสานหรือกุบูรฺ ใดๆทั้งสิ้น กุบูรฺของบรรดาของมุสลิมจะต้องมีแค่พื้นราบเรียบไม่มีการตกแต่งทั้งนี้เพื่อป้องกันการเคารพกุบูรฺในเวลาต่อมา

ท่านญาบิร อับดิลละฮฺ ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“ท่านรสูลุลลอฮฺได้สั่งห้ามการฉาบปูนลงบนหลุมศพ การปลูกสร้างสิ่งใดๆบนหลุมสพและรวมถึงการนั่งบนหลุมสพ” (บันทึกหะดิษโดยอิมามมุสลิม เลขที่ 970)

ท่านฟะฎอละฮฺ กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สั่งให้เราปรับสุสานให้ราบ” (บันทึกหะดิษโดยอิมามมุสลิม เลขที่ 968)


ท่านอิมามนะวะวีย์ กล่าวว่า
“บรรดาสหายของเรากล่าวว่า ; การโบกปูนลงบนสุสานคือสิ่งที่น่ารังเกียจและการนั่งบนสุสานคือสิ่งต้องห้ามรวมถึงการนั่งพิงใช้เป็นที่ค้ำยัน...”

ท่านอิมามชาฟิอีย์ ร่อหิมาฮุลลอฮฺ ได้เล่าเหตุการณ์ในสมัยของท่านที่ได้มีการรื้อสถูปสูงที่ถูกสร้างขึ้นบนกุบูรฺสุสาน
“ท่านอิมามอัชชาฟิอีย์กล่าวไว้ในหนังสือ อุลอุม ของท่านความว่า“ข้าพเจ้าได้เห็นบรรดานักปราชญ์แห่งเมืองมักกะฮฺร่วมกันออกคำสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเหนือหลุมศพ โดยที่การรื้อถอนนี้ได้ถุกสนับสนุนจากหะดิษของท่านนบีที่ระบุว่า ;ไม่มีหลุมศพที่ถูกยกให้สูง เว้นแต่ว่าหลุมศพนั้นจะถูกปรับให้ราบเรียบ (ปราศจากสิ่งปลูกสร้าง)” (อัลมินฮาจชัรฮฺเศะเฮียะฮฺมุสลิมบินอัลฮัจญาจ เล่ม 7 หน้า 27-28)

ปัจจุบันโลกมุสลิม พบว่าภายใต้อิทธิพลของซูฟีย์อะชาอิเราะฮฺ และชีอะฮฺรอฟิเฎาะฮฺ สุสานของมุสลิมจำนวนมากได้รับการประดับประดาจนกลายเป็นวิหารที่สะท้อนถึงความศักดิ์สิทธ์และมนต์ขลังสำหรับผู้เห็น รวมถึงสุสานของท่านอิมามชาฟิอีย์ หรือแม้แต่สุสานของท่านชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮฺผู้ต่อสู้กับความเดียรถีย์เหล่านี้ก็ยังถูกพวกซูฟีย์ในสมัยหลังปลูกสร้าสงสถูปเหนือสุสานตระการตา

สุสานของอิมามชาฟิอีย์ ณ มัสยิดอิมามชาฟิอีย์

ไม่ว่าในประเทศอิยิปต์ เยเมน อีรัก อิหร่าน ตุนีเซีย สุสานคนวะลีย์ได้รับสถูปสูงการประดับประดาและถูกวิงวอนขอจากเหล่าสุสานโต๊ะวาลีเหล่านั้น แม้ในประเทศไทยก็ตาม

 สำหรับสุสานในแผ่นดินอาราเบียนั้นได้รับการรื้อถอนออกเหลือเพียงแค่พื้นดิน อันสะท้อนความสมถะเรียบง่ายของจิตวิญาณอิสลาม และตามคำสอนของท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม


والله أعلم بالصواب
...................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น