อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ทุกผืนแผ่นดินคือมัสยิดยกเว้นห้องน้ำและกุบูร



                     ทุกผืนแผ่นดินทั้งหมด(ของโลก)ที่ไม่เปรอะเปื้อนนาญิส เป็นสถานที่มุสลิมสามารถทำการสุญูดละหมาดได้ทั้งหมด ยกเว้น

-สถานที่นั้นเป็นห้องน้ำห้องส้วม และ

-สถานที่นั้นเป็นกุบูรที่ฝั่งคนตาย

2 สถานที่ข้างต้นเท่านั้นที่ห้ามทำการละหมาด ถึงแม้ห้องน้ำ หรือกุบูรฺ จะสะอาด ปราศจากนะญิสก็ตาม

ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“ ผืนแผ่นดินทั้งหมด คือมัสญิด ยกเว้นห้องน้ำ และกุบูรฺ (สุสาน) เท่านั้น (ที่ไม่อนุญาตให้สุญูดละหมาด) “ (บันทึกโดยอบูดาวูด)

ส่วนหะดิษที่ห้ามละหมาดยังสถานที่ 7 แห่ง คือ ห้องน้ำ กุบูร , ทางสัญจร , สถานที่ทิ้งขยะ , โรงเชือดสัตว์ , สถานที่ไว้สำหรับอูฐคุกเข่า และบนหลังคาบัยตุลลอฮฺ นั้น เป็นหะดิษฎออิฟ

รายงานจากท่านอิบนุอุมัร ร่อฎียัลลออุอันฮุมา เล่าว่า
"แท้จริงท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ห้ามละหมาดยังสถานที่ทั้งเจ็ด (ต่อไปนี้) สถานที่ทิ้งขยะ โรงเชือดสัตว์ กุบูรฺ ทางสัญจร ห้องน้ำ สถานที่อูฐไว้สำหรับคุกเข่า และบนหลังคาบัยตุลลอฮฺ" (บันทึกโดยอัตติรมีซีย์ หะดิษเลขที่ 316)

เหตุที่หะดิษบทนี้เป็นหะดิษฎออิฟ เนื่องจาก นักรายงานคนหนึ่งชื่อซัยด์ บุตรของยะบีเราะฮฺ เป็นบุคคลที่มัตรูก(ผู้ถูกละทิ้ง) และท่านอิมามอัตติรมีซีย์ ท่านได้กล่าวว่า "หะดิษของอิบนุอุมัรสายรายงานไม่แข็งแรง" (หนังสือ "อิรฺวาอุลเฆาะลีล" เล่ม 1 หน้า 318 หะดิษที่ 287) หะดิษข้างต้นจึงไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานอ้างอิงได้

 ส่วนคอกสัตว์ศาสนาอนุญาตให้ละหมาดได้ ยกเว้นคอกอูฐเท่านั้น ที่ท่านรสูลบอกว่าหากหลีกเลี่ยงไม่ละหมาดที่คอกอูฐได้ก็จะเป็นการดี

รายงานจากท่านอนัส บุตรของมาลิก ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า
"ปรากฏว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ละหมาดในคอกแกะ" (บันทึกหะดิษโดยอัตติรมีซีย์ หะดิษเลขที่ 318)

รายงานจากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
"พวกเจ้าจงละหมาดในคอกแกะเถิด และพวกท่านจงอย่าละหมาดในสถานที่อูฐไว้สำหรับคุกเข่า" (บันทึกหะดิษโดยอัตติรมีซีย์ หะดิษที่ 317)
รายงานจากท่านอัลบะรออ์ บุตรของอาซิบ ร่อฎียัลลฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
"พวกท่านจงอย่าละหมาดในสถานที่อูฐไว้สำหรับคุกเข่า(หรือคอกอูฐ) เพราะสถานที่แห่งนั้น คือส่วนหนึ่งของเหล่าชัยฏอน และท่านรสูลถุกถามเกี่ยวกับการละหมาดที่คอกแกะ ท่านรสูลกล่าวตอบว่า : พวกท่านจงละหมาดที่คอกแกะเถิด เพราะสถานที่แห่งนั้นคือความจำเริญ" ผบันทึกหะดิษโดยอิมามอะหฺมัด หะดิษเลขที่ 17805 และอิมามอบูดาวูด หะดิาเลขที่ 156)

ส่วนการละหมาดไม่จำเป็นต้องมีผ้าปูละหมาด หากสถานที่แห่งนั้นสะอาดปราศจากนะญิส
ซึ่งการปูผ้าละหมาดถือว่าเป็นสิ่งที่อนุญาตให้กระทำได้

ผู้ละหมาดสามารถละหมาดบนพื้นทราย,พื้นดิน หรือพื้นคอนกรีต หรือสถานที่อื่นๆ ยกเว้นห้องน้ำห้องส้วม และกุบูรฺเท่านั่นที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ยังเคยอยู่ในสภาพที่สุญูดแล้วเงยขึ้นมา ปรากฏว่าหน้าผากของท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม มีรอยเปื้อนโคลนดิน เพราะเมื่อคืนฝนตกจนทำให้สถานที่สุญูดในมัสญิดเปียก


 والله أعلم بالصواب

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น