อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

พวกเราชาวสะละฟีย์ผู้ตามชาวสลัฟ


คำว่า สลัฟ ((السلف)หรือ สะละฟีย์ (ผู้ตามชาวสลัฟ) (السلفية)นั้นเป็นคำศัพท์ทางศาสนาที่มีความหมายในทางบวก และส่งเสริมเรียกขานแทนตนเอง ด้วยคำที่มีความดีเช่นนี้

ซึ่งผู้ที่เป็นหัวหน้าของชาวสลัฟ และท่านได้เรียกตัวของท่านเองว่าท่านคือ “สลัฟ” คือ ท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม

ท่านหญิงฟาติมะฮฺ ร่อฎียัลลอฮุอันฮา บุตรของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้กล่าวว่า
“ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้บอก(ความลับ) แก่นางว่า ญิบรีล ได้มาทวนอัลกุรอานให้กับท่านนบีทุกปี เป็นจำนวนปีละครั้ง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม เสริมต่อว่า : แต่ทว่าปีนี้ญิบรีลได้ทวนอัลกุรอานให้แก่ฉันถึง 2 ครั้ง ดังนั้น ฉันจึงคิดว่า เวลาแห่งความตายของฉันคงใกล้เข้ามาแล้ว ฉะนั้น(ลูกเอ๋ย) จงยำ่เกรงต่ออัลลอฮฺ และจงอดทน สำหรับพ่อแล้วคือ สลัฟที่ดีที่สุดสำหรับเจ้า” (บันทึกหะดิษโดยอิมามมุสลิม เลขที่ 2450)
คำว่า “สลัฟ” เป็นคำที่ท่านนบีได้เรียกตัวของท่านเอง จึงเป็นที่ต้องห้ามที่ใครจะรังเกียจหรือปฏิเสธเรียยกตัวเองว่า "สะละฟีย์" หรือปฏิเสธที่จะยอมรับว่าตนเองคือสะละฟีย์ผูตามชาวสลัฟ  ซึ่งเป็นประชาชาติในยุคที่ดีทีสุดของประชาชาติอิสลาม ทั้งชาวสลัฟเป็นกลุ่มชนที่ท่านนบีรับรองว่าเป็นกลุ่มชนที่ประเสร็ฐและปลอดภัยที่สุด

ท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซััลลัม กล่าวว่า
"ผู้คนที่ประเสร็ฐที่สุด คือ คนในศตวรรษของฉัน (รุ่นที่ 1) ถัดมาคือศตวรรษต่อจากนั้น (รุ่นที่ 2) ถัดมาก็คือศตวรรษต่อจากนั้นอีก (รุ่นที่ 3) จากนั้นจะมีบรรดากลุ่มที่กำหนดขึ้นมา พวกเขาไม่ให้ความสำคัญและทำเล่นๆ กับการสาบานและยกอ้างอัลลอฮฺเป็นสักขีพยาน บางครั้งก็ยกอ้าง(อัลลอฮฺ) ก่อนที่จะสาบานและบางครั้งก็สาบานก่อนจะยกอ้าง" (บันทึกหะดิษโดยอิมามบุคอรีย์ หมายเลขที่ 6249)

ท่านชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮฺ กล่าวว่า
"ไม่ถือเป็นข้อตำหนิใดๆต่อบุคคลที่เผยตนอย่างชัดเจนว่าอยู่บนแนวทางของชาวสลัฟ และประกาศว่าตัวเขาเป็นชาวสะละฟีย์ รวมถึงอ้างตัวเองเป็นสะละฟีย์ ยิ่งกว่านั้นมันเป็นสิ่งที่จำเป็นในการที่จะต้องยอมรับสิ่งนั้นจากเขาไป ตามมติเอกฉันท์ของเหล่านักวิชาการ เพราะแนวทางสลัฟไม่ใช่อื่นใดเลย นอกจากแนวทางแห่งสัจธรรม” (มัจมูอฺฟะตะวาย์อิบนุตัยมียะฮฺ เล่ม 4 หน้า 149)

 والله أعلم بالصواب

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น