อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ไม่ผูกขาดมัซฮับ



ทุกคนต่างมีทัศนะ ไม่ว่าจะป็นเศาะหาบะฮฺ  หรือบรรดานักปราชน์หลังจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นอิมามทั้งสี่ ก็ต่างมีทัศนะบางประเด็นแตกต่างกัน อย่างการอ่านบิสมิลลาฮฺเสียงดังเสียงค่อยในละหมาด การสัมผัสภรรยา จะทำให้เสียน้ละหมาดหรือไม่ อิมามทั้งสี่ ก็มีทัศนะแตกต่างกันในประเด็นศาสนาดังกล่าวข้างต้น

สาเหตุที่แตกออกเป็นหลายทัศนะ หลายมัซฮับนั้นก็เพราะ ความเข้าใจในตัวบทหลักฐานที่มาจากอัลกุรฺอานและหะดีษของท่านรสูล ซึ่งความเข้าใจดังกล่าวบรรดานักวิชาการก็สามารถวินิจฉัยได้เช่นกัน ด้วยมุมมองและความเข้าใจที่ต่างกันนี่เองที่ทำให้มีแนวทางปฏิบัติแตกต่างกัน

แต่ไม่ไช่ว่าทัศนะที่เขายึดถืออยู่ถูกต้องเสมอไป มันขึ้นอยู่กับหลักฐานและการอธิบายและความเข้าใจ ของชาวสลัฟ และชาวสลัฟทุกคนก็มีความผิดพลาด เป็นไปไม่ได้ที่เขามีความถูกต้องและทรงความรู้ทุกประเด็นของอิสลาม ไม่ว่าจะเป็นบรรดาเศาะหาบะฮฺ หรืออิมามทั้งสี่ก็ตาม ทุกคนไม่ใช่มะอฺซูม จึงมีความผิดพลาดได้ หากเราผูกขาดความรู้ศาสนาไว้ที่บุคคลเพียงคนเดียว อย่างตามเฉพาะท่านอิมามชาฟีอีย์ เพียงคนเดียวเท่ากับว่ายอมรับทุกประเด็นปัญหาทางศาสนา ไม่ว่าทัศนะนั้นจะผิดหรือถูก จึงไม่ใช่หลักการที่ถูกต้องตามหลักการศาสนา


ท่านอิมามชาฟิอี ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ กล่าว่า :

إِذَا وَجَدْ تُمْ فِي كِتابِيْ خِلاَفَ سُنَّةِ رَسُوْلِ اللهِ صلى الله عليه وسلم فَقُولُوْا بِسُنَّةِ رَسُول اللهِ صلى الله عليه وسلم وَدَعُوْا ما قُلْتُ

     "เมื่อพวกท่านพบว่าในหนังสือของฉันขัดกับแบบฉบับของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พวกท่านก็จงพูดตามแบบ ฉบับของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และจงทิ้งคำพูดของฉันเสีย"


 การที่จะตามทัศนะใดในประเด็นศาสนา ก็ต้องตามความเข้าใจของชาวสลัฟ และพิจารณาว่าตรงกับหลักฐานมากที่สุด

การวางกฏให้ตามทุกเรื่องบนสภาพที่รู้อยู่ว่าท่านอิมามชาฟีอีย์เองก็เป็นมนุษย์ที่มีความผิดพลาด แม้ในยุคของท่าน ยังมีนักปราชญ์เชี่ยวชาญและรู้กว่าท่านในประเด็นต่างๆด้วยซ้ำ แม้กระทั้งการยึดเอาบรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซััลลัม คนหนึ่งคนใดมาผูกขาดความรู้ทุกเรื่องโดยไม่ดูเศาะหาบะฮฺคนอื่นยังไม่อาจทำได้เลย

จึงเป็นการไม่ถูกต้องที่มีผูกขาดกับทัศนะ หรือมัซฮับใดมัซฮับหนึ่ง โดยไม่พิจารณาถึงหลักฐานอัลกุรอาน อัลหะดิษและตามอิบายและความเข้าใจของชาวสลัฟ หรือว่ามีความผิดพลาดประการใดในประเด็นศาสนานั้นๆ

ดังนั้นเราสามารถที่จะตามทัศนะใดทัศนะหนึ่งได้ทุกมัซฮับ หากเห็นว่าทัศนะนั้นถูกต้องที่สุด และต้องปฏิบัติตาม

อย่างประเด็นศาสนาบางเรื่องที่อิมามชาฟีอีย์วินิจฉัยไว้ถูกต้อง แต่มุสลิมบางกลุ่มที่อ้างว่าตามมัซฮับชาฟีอีย์ กลับไม่ยึดถือและปฏิบัติตามทัศนะนั้น และกลับนิ่งเฉย เช่น

การห้ามฟังเพลง และใช่เครื่องดนตรี , การบังคับให้สตีปิดหน้า เป็นต้น ทำไมถึงทิ้งทัศนะของท่านอิมามชาฟีอีย์เหล่านี้ไป

และพิธีกรรมบางอย่างกลับไม่ปรากฏอยู่ในมัซฮับทั้งสี่ ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรมลงเสาเอก , พิธีกรรมอีซีกุโบร์ ทำบุญ 7 วัน 40 วัน 100 วัน บ้านคนตาย , เมาลิดนบี เป็นต้น แล้วเราไดุ้อุตริพิธีกรรมเหล่านี้ขึ้นมาอย่างไรกัน ทั้งที่ไม่มีในบทบัญญัติศาสนา หรือตามทัศนะอิมามทั้งสี่เลย แล้วจะอ้างได้อย่างไรกันว่าตามมัซฮับชาฟีอีย์


والله أعلم بالصواب


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น