การละหมาดตะรอเวียะห์(ในสมัยท่านรสูล ไม่ได้เรียกว่าละหมาดตะรอเวียะห์ แต่เรียกว่าละหมาดในยามค่ำคืนของเดือนรอมะฎอน หรือกิยามุรอมะฎอน หรือกิยามุ้ลลัยล์ หรือศ่อลาตุ้ลลัยล์ คำว่าตะรอเวียะห์ เป็นคำศัพท์ที่นักวิชาการยุคหลังได้กำหนดหรือบัญญัติขึ้นมา เพราะในทุกๆ 4 ร็อกอะฮ์ของการละหมาดนี้จะมีการ “หยุดพัก” กัน 1 ครั้ง เพื่อไปฏอว้าฟบัยตุ้ลลอฮ์ การหยุดพักนี้ ชาวอาหรับจะเรียกว่า “ตัรฺวีหะฮ์” ซึ่งมีพหูหจน์เป็นคำว่า “ตะรอเวี๊ยะห์”นั้นเอง) นั้นได้ถูกกระทำมาตั้งแต่สมัยท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ท่านได้เป็นผู้ละหมาดตะรอเวียะห์ให้เหล่าเศาะหาบะฮฺได้แลเห็น ไม่ว่าจะเป็นจำนวนร็อกอะฮฺ หรือการละหมาดรวมเป็นญะมาอะฮฺ โดยมีรายงานถึงการละหมาดรวมญามาอะฮฺที่มัสยิด และจำนวนร็อกอะฮฺของละหมาดตะรอเวียะห์ที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม กระทำนั้นก็ระบุที่แน่นอนและชัดเจน คือ ๘ ร็อกอะฮฺ ตามหลักฐานหะดิษดังนี้
รายงานจากท่านญาบิรฺ บุตรของอับดุลลอฮฺ ร่อฎียัลลออุอันฮุ เล่าว่า
“ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมละหมาดพร้อมกับพวกเราในเดือนรอมาฎอน จำนวน ๘ ร็อกอะฮฺ และละหมาดวิตรฺ และเมื่อพวกเราออกมารวมตัวกันที่มัสยิดโดยหวังว่าท่านรสูลจะออกมาละหมาด (พร้อมกับพวกเราเหมือนทุกคืน) แต่ท่านรสูลไม่ออกมายังพวกเราจนกระทั้งพวกเราคอยถึงเช้า จากนั้นท่านรสูลก็เข้ามายังพวกเรา พวกเราถามว่า โอ้ท่านรสูลของอัลลอฮฺพวกเราออกมารวมตัวกันที่มัสยิดเมื่อคืนนี้ พวกเราหวังว่าท่านรสูลจะออกมาละหมาดพร้อมกับพวกเรา ท่านรสูลกล่าวตอบว่า ; แท้จริงฉันกลัวว่า (การละหมาดตะรอเวียะห์)จะถูกกำหนดเป็นฟัรฎูเหนือพวกท่าน” (บันทึกหะดิษโดยอิบนุ นัศร์ เฏาะบะรอนีย์ สายรายงานหะดิษหะซัน)
และท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎียัลลอฮุอันฮา ก็ได้รายงานสำทับว่าแท้จริงท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยเพิ่มการละหมาดในช่วงเดือนรอมาฎอนมากกว่า 11 ร็อกอะฮฺ (ตะรอเวียะห์ 8 ร็อกอะฮฺ และวิตรฺ 3 ร็อกอะฮฺ)
รายงานจากท่านอบูสะละมะฮฺ บุตรของอับดุรฺมาน ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านได้ถามท่านหญิงอาอิชะฮฺว่า
“ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ละหมาดในเดือนรอมาฎอนอย่างไร?(ท่านอบูสะละมะฮฺถามท่านหญิงอาอิชะฮฺ เฉพาะละหมาดในเดือนรอมาฎอน) ท่านหญิงอาอิชะฮฺตอบว่า : แท้จริงท่านรสูลุลลอฮไม่เคยเพิ่มละหมาดการละหมาดในเดือนรอมาฎอนและนอกเหนือจากรรอมฎอนมากกว่า 11 ร็อกอะฮฺ โดยท่านรสูลละหมาด 4 ร็อกอะฮฺ ท่านอย่าถามถึงความสวยงามและความยาวนานของการละหมาดนั้นเลย จากนั้นท่านรสูลก็ละหมาดอีก 4 ร็อกอะฮฺ ซึ่งท่านอย่าได้ถามถึงความสวยงามและความยาวนานของการละหมาดนั้น จากนั้นท่านรสูลก็ได้ละหมาดอีก 3 ร็อกอะฮฺ” (บันทึกหะดิษโดยอิมามบุคอรีย์ เลขที่ 1079 อิมามมุสลิม เลขที่ 1220)
และในยุคท่านอุมัรฺ บุตรของค็อฏฏ็อบก็มีการละหมาดตะรอเวียะฮฺ 8 ร็อกอะฮฺ ตามหลักฐานดังนี้
รายงานจากท่านสาอิบ บุตรของยะซีด ร่อฎียัลลออุอันฮุ เล่าว่า
“ท่านอุมัร บุตร ค็อฏฏ็อบสั่งให้ท่านอุบัย์ บุตรของกะอฺบ์ และท่านตะมีม อัดดารีย์ เป็นอิมามนำละหมาดผู้คนทั้งหลาย จำนวน 11 ร็อกอะฮฺ (ตะรอเวียะห์ 8 ร็อกอะฮฺ และวิตรฺ 3 ร็อกอะฮฺ) ท่านสาอิบกล่าวว่า อิมามอ่านในละหมาดยาวประมาณร้อยกว่าอายะฮฺ จนกระทั้งทำให้พวกเราต้องยันด้วยไม้เท้าอันเนื่องจากความนานของละหมาด (ตะรอเวียะห์) และพวกเราละหมาดเสร็จก็ใกล้ถึงเวลาละหมาดศุบฮฺ” (บันทึกหะดิษโดยอิมามมาลิก หะดิษเลขที่ 249 และอิมามบัยหะกีย์ หะดิษเลขที่ 4721)
ที่ยกหลักฐานท่านนบีละหมาดตะรอเวียะห์ 8 ร็อกอะฮฺ นั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะปฏิเสธการละหมาดตะรอเวียะห์ 20 ร็อกอะฮฺ เพราะมีแบบอย่างที่ปฏิบัติจากบรรดาศอหาบะฮฺ แต่สำหรับผู้ที่ปฏิเสธว่าการละหมาดตะรอเวียะห์ 8 ร็อกอะฮฺนั้นไม่เคยปฏิบัติในยุคท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม นั้นเป็นการกล่าวเท็จ เพราะการละหมาดตะรอเวียะฮฺ 8 ร็อกอะฮฺ ของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม มีหลักฐานอย่างชัดเจนตามที่กล่าวมาข้างต้น
ส่วนหะดิษที่ระบุว่าสมัยท่านอุมัร ร่อฎียัลลอฮุอันฮุมา และบรรดาศอหาบะฮฺ สมัยท่านอุมัร ร่อฎียัลลอฮุอันฮุมา ละหมาดตะรอเวียะฮฺ 20 ร็อกอะฮฺ นั้น เป็นหะดิษที่มีความบกพร่อง เช่น
๑. รายงานจากท่านยะซีด บุตรของรูมาน ร่อฎียัลลออุอันฮุ เล่าว่า
“ปรากฏว่าผู้คนในสมัยของท่านอุมัรฺ บุตรของค็อฏฏ็อบยืนละหมาด(ตะรอเวียะฮฺ) ในเดือนรอมาฎอน (จำนวน) 23 ร็อกอะฮฺ (ตะรอเวียะห์ 20 ร้อกอะฮฺ และวิตรฺ 3 ร็อกอะฮฺ)” (บันทึกหะดิษโดยอิมามมาลิก เลขที่ 250)
สถานะหะดิษข้างต้น คือฎออิฟ เนื่องจากมีสายรายงานขาดตอน เพราะท่านยะซีด บุตรของรูมาน (สิ้นชีวิต ฮ.ศ. 130) มีชีวิตไม่ทันพบท่านอุมัรฺ บุตรของค็อฏฏ็อบ (เสียชีวิต ฮ.ศ. 23)
๒. “ปรากฏว่าผู้คนในสมัยของท่านอุมัรฺ บุตรของค็อฏฏ็อบละหมาดในเดือนรอมาฎอน(ละหมาดตะรอเวียะห์) 20 ร็อกอะฮฺ ท่านสะอิบ กล่าวว่ากล่าวต่ออีกว่า ปรากฏว่าพวกเขาอ่าน(อายะฮฺอัลกุรอาน) ขณะละหมาดประมาณ 200 อายะฮฺ จนกระทั้งพวกเขาต้องใช้ไม้เท้ายันไว้ (เนื่องจากความนานของการยืนละหมาด) ในสมัยของท่านอุษมาน บุตรของอัฟฟฟานก็ยืนละหมาด(ตะรอเวียะห์)นานเช่นกัน” (บันทึกโดยอิมามบัยหะกีย์ เลขที่ 4618)
สถานะหะดิษข้างต้น คือฎออิฟ เนื่องจากนักรายงานหะดิษที่ชื่อยะซีด บุตรของคุศ็อยฟะฮฺ ถุกวิจารณ์ในแง่ความบกพร่องว่าด้วยอะกีดะฮฺ และเชคมุหัมมัด นาศิรุดดีน อัลบานีย์ วิจารณ์ว่าเขาเป็นบุคคลที่เฎาะอิฟ (หนังสือตะมามุล มินนะฮฺ หน้า 254) และบุคคลที่สับสนการรายงานในเรื่องของจำนวน เพราะบางครั้งเขารายงานว่า 20 ร็อกอะฮฺ และบางครั้งก็รายงานว่า 21 ร็อกอะฮฺ (หนังสือ เศาะลาตุตตะรอวีหฺ หน้า 50-51)
แต่ก็มีหลักฐานที่อ้างว่าเป็นการกระทำของบรรดาศอหาบะฮฺละหมาด 20 ร็อกอะฮฺ ซึ่งบันทึกโดย อิบนุอะบิดดุนยา บทว่าด้วยความประเสริฐของเดือนรอมาฎอน สถานะหะดิษหะซัน โดยมีเนื้อหาว่า
"ท่านหนึ่งจากบรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านรสูลุลลอฮฺคือท่านอับดุรฺเราะหฺมาน บุตรของอบูบักรฺ (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา) ซึ่งเขาเป็นอิมามนำละหมาด (ตะรอวีหฺ) เป็นญะมาอะฮฺจำนวน 20 ร็อกอะฮฺ" และ บรรดานักฟิกฮฺทั้ง 4 ประกอบไปด้วยท่านอบูหะนีฟะฮฺ,ท่านอิมามมาลิก,อิมามชาฟิอีย์ และอิมามอะหฺมัดต่างมีทัศนะเห็นพ้องกันว่า การละหมาดตะรอวีหฺมีจำนวน 20 ร็อกอะฮฺ โดยให้เหตุผมว่า ท่านรสูลุลลอฮฺมิได้กำหนดจำนวนของการละหมาดตะรอวีหฺ เพราะท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
"ละหมาดในยามค่ำคืน ทีละสองร็อกอะฮฺ ทีละสองร็อกอะฮฺ" (บันทึกโดยอิมามมุสลิม หะดาเลขที่ 1785)
ละหมาดตะรอเวียะห์ก็คือละหมาดในยามค่ำคืน ซึ่งสามารถละหมาดได้ที่ละ 2 ร็อกอะฮฺ ที่ไม่ได้เจาะจงว่า จำนวนร็อกอะฮฺต้อง 20 , 36 หรือ 8 ร้อกอะฮฺ แต่ที่ชัดเจนตามแบบฉบับของท่านรสูล คือ 8 ร็อกอะฮฺ ส่วนที่มากกว่านั้นเป็นที่ส่งเสริมและเปิดกว้าง
จึงเป็นการเปิดกว้างในจำนวนร็อกอะฮฺ ซึ่งเป้าหมายอันแท้จริงของละหมาดตะรอเวียะห์ไม่ใช่ขึ้นอยู่ที่จำนวนร็อกอะฮฺ แต่เป้าหมายของละหมาดตะรอเวียะห์ก็คือ การยืนละหมาดนานๆ ให้อิมามอ่านอัลกุรอานนานๆ และมะมูมก็ได้ฟังอัลกุรอานเป็นเวลานานเช่นกัน
รายงานจากท่านญาบิรฺ ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า
“มีผู้ถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ว่าละหมาด(สุนัต) ประเภทไหนประเสริฐที่สุด ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ตอบว่า : คือละหมาดที่ยืนนานๆ” (บันทึกโดยอิมามอัตติรมีซีย์ เลขที่ 388)
والله أعلم بالصواب
**********
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น