ตอบโดย อาจารย์อาลี เสือสมิง
อิมาม อิบนุ หะญัร อัล-ฮัยตะมียฺ ถูกถามเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน ท่านตอบว่า : “การเศาะละหวาตในสถานที่นี้ (คือระหว่างการให้สล่ามจากการละหมาดตะรอวีหฺ) เป็นกรณีเฉพาะนั้น เราไม่เคยพบสิ่งใดใน อัส-สุนนะฮฺ และในคำกล่าวของบรรดาอัศหาบฺของเราในเรื่องนี้
จึงเป็นบิดอะฮฺสำหรับผู้ที่กระทำการเศาะละหวาตโดยเจตนาว่าการเศาะละหวาตในสถานที่นี้เป็นสุนนะฮฺโดยเฉพาะจะต้องถูกห้ามปรามจากการการทำ (ตามเจตนาที่ว่านี้) โดยที่ผู้กระทำทำการเศาะละหวาตที่ไม่ได้มีเจตนาเช่นนี้จะไม่ถูกห้าม เช่นการที่เขามีเจตนาว่าการเศาะละหวาตเป็นสุนนะฮฺให้กระทำในทุกเวลาโดยอาศัยหลักกว้างๆ” (อัล-ฟะตาวา อัล-กุบรอ อัล-ฟิกฮียะฮฺ ; อิบนุหะญัร อัล-ฮัยตะมียฺ เล่มที่ 1 หน้า 266)
ดังนั้นจึงได้คำตอบว่า ไม่มีสุนนะฮฺเป็นกรณีเฉพาะในการกระทำการเศาะละหวาตระหว่างให้สล่ามในการละหมาดตะรอวีหฺ และผู้ใดถือว่าการกระทำตามลักษณะเฉพาะที่ว่านี้เป็นสุนนะฮฺก็ถือว่านั่นเป็นบิดอะฮฺ (อุตริกรรม) แต่ถ้าไม่ถืออย่างนั้น หากแต่อาศัยหลักกว้างๆ ที่มีคำสั่งส่งเสริมให้กล่าวเศาะละหวาตมากๆ ในทุกเวลาจะเป็นหลังการละหมาดหรือไม่ก็ตามอย่างนี้ก็ไม่ถือว่าผู้นั้นกระทำสิ่งที่เป็นบิดอะฮฺ
ซึ่งจะว่ากันตามตรงแล้วการเศาะละหวาตอย่างที่กระทำกันในบ้านเราดูออกจะเป็นรูปแบบเฉพาะและเจาะจงกันเสียมากกว่าที่จะถือตามหลักกว้างๆ ซึ่งในบางครั้งเน้นกันในส่วนนี้มากกว่าตัวละหมาดที่เร่งรีบกระทำกันจนมะอฺมูมอ่านตามในละหมาดไม่ทัน และขาดเฏาะมะอฺนีนะฮฺในละหมาดด้วยซ้ำไป จึงต้องทำความเข้าใจในเรื่องนี้กันให้ดีว่าควรเน้นอะไรไม่ควรเน้นหรือเคร่งครัดกัน
อย่างไรก็ตาม ชัยคฺ อะฏียะฮฺ ศ็อกร์ ได้ตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้เช่นกันว่า : “ไม่มีตัวบทห้ามการซิกรุลลอฮฺหรือการขอดุอาอฺหรือการอ่านอัลกุรอานในช่วงคั่นระหว่างทุกๆ 2 รอกอะฮฺจากการละหมาดตะรอวีหฺหรือทุกๆ 4 รอกอะฮฺ เป็นต้น เรื่องนี้เข้าอยู่ภายใต้คำสั่งทั่วๆ ไปที่ให้ซิกรุลลอฮฺในทุกสภาพ และการที่ชาวสลัฟซึ่งการวางบัญญัติถูกยึดเอาจากพวกเขาไม่ได้กระทำสิ่งนี้ก็ไม่ได้บ่งชี้ว่าเป็นสิ่งที่ห้ามกระทำ ควบคู่กับการถ่ายทอดจากชนสะลัฟในการห้ามซิกรุลลอฮฺดังกล่าวก็ไม่น่าเชื่อถือ
การคั่น (ด้วยการเศาะละหวาต) นี้คล้ายกับสิ่งที่ชาวมักกะฮฺได้เคยปฏิบัติกันในการละหมาดกิยามุลลัยลฺด้วยการเฏาะวาฟรอบบัยตุลลอฮฺ 7 รอบระหว่างทุกๆ 2 การพัก (ตะรอวีหฺ) ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ชาวมะดีนะฮฺต้องเพิ่มจำนวนการละหมาดตะรอวีหฺมากกว่า 20 รอกอะฮฺเพื่อทดแทนการเฏาะวาฟนี้ และการคั่นนี้เป็นรูปแบบที่เป็นระเบียบซึ่งทำให้พวกเขารู้ถึงจำนวนของรอกอะฮฺที่ทำถึงแล้ว (ว่าได้กี่รอกอะฮฺแล้ว) กอรปกับในเรื่องนี้ทำให้ผู้ละหมาดตื่นตัว จึงไม่มีข้อห้ามใดๆ เลย และตามนี้ก็ไม่เข้าอยู่ภายใต้ชื่อว่าเป็นบิดอะฮฺ เพราะมีบรรดาตัวบทกว้างๆ ทั่วไปยืนยันเอาไว้นอกเหนือจากการที่ไม่ขัดกับตัวบทอีกด้วย...” (อะหฺสะนุ้ลกะลามฯ ชัยคฺ อะฏียะฮฺ ศ็อกร์ เล่มที่ 7 หน้า 234)
ก็พิจารณาเอาก็แล้วกันครับ !
والله أعلم بالصواب
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น