มุสลิมบางคนเข้าใจว่าละหมาดตะรอเวียะห์นั้น ต้องละหมาดเป็นญะมาอะฮฺที่มัสยิดเท่านั้น ต้องมีการกล่าวศอลาวาตหลังให้สลามของทุก 2 ร็อกอะฮฺละหมาดตะรอเวียะฮฺ ต้องมีการยกมือและกล่าวดุอาอ์หลักละหมาดทุกช่วง 4 ร็อกอะฮฺ และต้องละหมาดตะรอเวียะห์ ๒๐ ร็อกอะฮฺเท่านั้น
และเมื่อมีอุปสรรคไม่สามารถไปละหมาดตะรอเวียะห์ที่มัสยิดได้ เช่น เกิดฝนตก หรือน้ำท่วมเป็นต้น ก็ทิ้งละหมาดตะรอเวียะห์ ไม่ยอมละหมาดคนเดียว หรือละหมาดรวมเป็นญะมาอะฮฺกับคนในครอบครัวที่บ้าน เพราะคิดว่าต้องละหมาดญะมาอะฮฺที่มัสยิดเท่านั้น และต้องกล่าวศอลาวาตและดุอาอ์ที่กล่าวมาข้างต้นด้วย ไม่นั้นละหมาดตะรอเวียะห์ จะบกพร่อง ไม่ครบสูตร และไม่เซาะฮฺ
ทั้งเมื่อไปละหมาดบางมัสยิด และมีการละหมาดตะรอเวียะห์ เพียง 8 ร็อกอะฮฺ และมีการอ่านอัลกุรอานนาน ทั้งไม่มีการกล่าวศอลาวาต และกล่าวดุอาอ์ระหว่างให้สลามของละหมาดตะรอเวียะห์ ก็คิดว่ามันไม่ถูกต้อง เพราะไม่เหมือนที่ตน พ่อแม่ ปู่ย่าตายายได้กระทำกัน ก็ต้องย้ายที่ละหมาดไปอีกมัสยิด ที่ละหมาดเหมือนที่ตนเคยละหมาด
อันแท้จริงการละหมาดตะรอเวียะห์ วิธีและขั้นตอนนั้นง่ายได้ยิ่งนัก ละหมาดตะรอเวียะห์ก็คือละหมาดในยามค่ำคืนของเดือนรอมาฎอน ซึ่งชื่อละหมาดตะรอเวียะห์พึ่งเรียกขานของคนยุคหลัง เป็นละหมาดสุนัตมุอักกะฮฺ (เน้นหนักให้กระทำ)
วิธีและลักษณะขั้นตอนก็เหมือนละหมาดสุนัตอื่นๆ ต่างแค่เพียงการเหนียตเท่านั้น และเราสามารถละหมาดตะรอเวียะห์เป็นญะมาอะฮฺที่มัสยิด หรือจะละหมาดคนเดียว หรือเป็นญะมาอะฮฺที่บ้านก็ได้ ทั้งหมดมีแบบอย่างจากท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ทั้งสิ้น
ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎียัลลอฮุอันฮา เล่าว่า
“แท้จริงท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ละหมาดกลางคืน(รอมฎอน)หนึ่ง ทีมัสยิด ท่านรสูลละหมาด(ตะรอเวียะห์) บรรดาสอหาบะฮฺก็ละหมาดเป็นมะมูม จากนั้นท่านรสูลก็ละหมาดในคืนถัดมา บรรดาก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น ถัดมา บรรดาศอหาบะฮฺก็มารวมตัวกันในคืนที่สาม หรือคืนที่สี่” (บันทึกหะดิษโดยอิมามบุคอรีย์ เลขที่ 1129)อับดุรรอหฺมาน อิบนฺ อับดิน อัลกอรี้ยุ ได้บอกเล่าไว้ว่า
“ฉันได้ออกเดินไปคืนหนึ่งในเดือนรอมฎอนกับอุมัรอิบนุลค๊อฎฎ๊อบ ยังมัสยิดอันนะบะวีย์ ก็เห็นมหาชนยืนละหมาดแยกกันเป็นกลุ่ม ๆ บ้างก็ยืนละหมาดคนเดียว บ้างก็ยืนละหมาดเป็นญะมาอะฮฺ อุมัรจึงกล่าวขึ้นว่า แท้จริงฉันเห็นว่าหากฉันจะรวมเขาเหล่านั้นให้ยืนละหมาดกับอิหม่ามคนเดียวก็จะเป็นการดียิ่ง แล้วอุมัรก็ได้ตัดสินใจรวมพวกเขาเหล่านั้นให้ยืนละหมาดตามอุบั๊ย อิบนฺกะอฺบ ต่อมาฉันได้ออกไปกับอุมัรในคืนต่อ ๆ มา และได้เห็นผู้คนยืนละหมาดตามอิหม่ามคนเดียว อุมัรได้กล่าวชื่นชมขึ้นว่านี่มันเป็นเหตุการใหม่ที่ดียิ่ง การละหมาดในเวลาดึกซึ่งเป็นเวลาพักผ่อนดีกว่าการละหมาดในเวลาหัวค่ำ” (บันทึกโดย : อัลบุคอรีย์)
และกรณีมีการกล่าวศอลาวาตโดยมีการเฉพาะเจาะจงให้กล่าวหลังให้สลามของทุก 2 ร็อกอะฮฺละหมาดตะรอเวียะฮฺ เช่น
บิลาลกล่าวก่อนเริ่มละหมาดตะรอเวียะห์ว่า
"อัสซอลาตุ ซุนนาตัตตารอเวียะห์ ยามีอะ รอฮิมากุมุลลอฮฺ”
"จงละหมาดสุนัตตะรอเวียะห์อย่างญะมาอะฮฺกันเถิด เพื่อว่าอัลลอฺจะด้ทรงประทานเราะห์มัตให้แก่พวกท่าน”
มะมูมตอบรับว่า
“อัซลาตุ ลาอีลาฮาอิลลัลลอฮฺ”
“(พวกเราจะทำ)ละหมาด ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ”
บิลาลเตือนญะมาอะฮฺไม่ให้ลืมการเนียตถือศิลอดโดยกล่าว่า
“รอฮิมัลลอฮฺลีมันนาวาลิซเซามิ”
“ขอให้อัลลอฮฺได้โปรดประทานเราะห์มัตให้ผู้ที่ตั้งใจว่าจะทำการถือศิลอด”
และญะมาอะฮฺตอบคำเนียตถือศิลอดว่า
“นาวัยตู เซามาฆอดิน อันอาดาอี ฟัรฎี รอมาฎอนา ฮาซิฮิสซานาตี ลิลลาฮิตาอาลา”
“ข้าพเจ้าถือศิลอดฟัรฎู เดือนรอมาฎอนในปีนี้ เพื่ออัลลอฮตะอาลา”ล
เสร็จจากละหมาด บิลาลอ่านสอละวาตว่า
“อัลลอฮุมมาซัลลีอาลามุฮัมมัด”
(โอ้อัลลอฮฺขอได้โปรดประทานศอละวาตให้แก่มูหัมมัด”
และญะมาอะฮฺตอบว่า “อัลลอ ซอลลีวาซัลลิมอาลัยฮิ”
“โอ้อัลลอฮฺขอได้โปรดประทานศอลาวาต และสลามให้ท่าน”
เป็นต้น
หรือมีการยกมือและขอดุอาอ์หลักละหมาดทุก 4 ร็อกอะฮฺของละหมาดตะรอรอเวี๊ยะห์นั้น ไม่มีรูปแบบจากท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม หรือบรรดาศอหาบะฮฺ หรือบรรดาชาวสลัฟ ให้เห็นร่องรอยปฏิบัติแต่อย่างใด
อิมาม อิบนุ หะญัร อัล-ฮัยตะมียฺ ถูกถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านตอบว่า :
“การเศาะละหวาตในสถานที่นี้ (คือระหว่างการให้สะลามจากการละหมาดตะรอเวียะห์) เป็นกรณีเฉพาะนั้น เราไม่เคยพบสิ่งใดใน อัส-สุนนะฮฺ และในคำกล่าวของบรรดาอัศหาบฺของเราในเรื่องนี้...”
ดังนั้นการละหมาดตะรอเวียะห์ตามรูปแบบท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ทีละ 2 ร็อกอะฮฺ โดยไม่มีการเฉพาะเจาะจงให้กล่าวศอละวาต ดุอาอ์ หรือซิเกรฺในช่วงระหว่าง 2 ร็อกอะฮฺของละหมาดตะรอเวียะห์ใดๆทั้งสิ้น
ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
"ละหมาดในยามค่ำคืน ทีละสองร็อกอะฮฺ ทีละสองร็อกอะฮฺ" (บันทึกโดยอิมามมุสลิม หะดาเลขที่ 1785)
และสำหรับการละหมาดตะรอเวียะห์ 8 ร็อกอะฮฺก็มีรูปแบบจากท่านบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และบรรดาศอหาบะฮฺ ถึงแม้จะไม่พบหรือปฏิบัติกันมาของบรรพบุรุษของมุสลิมบางคนก็ตาม
รายงานจากท่านญาบิรฺ บุตรของอับดุลลอฮฺ ร่อฎียัลลออุอันฮุ เล่าว่า“ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัมละหมาดพร้อมกับพวกเราในเดือนรอมาฎอน จำนวน 8 ร็อกอะฮฺ และละหมาดวิตรฺ และเมื่อพวกเราออกมารวมตัวกันที่มัสยิดโดยหวังว่าท่านรสูลจะออกมาละหมาด (พร้อมกับพวกเราเหมือนทุกคืน) แต่ท่านรสูลไม่ออกมายังพวกเราจนกระทั้งพวกเราคอยถึงเช้า จากนั้นท่านรสูลก็เข้ามายังพวกเรา พวกเราถามว่า โอ้ท่านรสูลของอัลลอฮฺพวกเราออกมารวมตัวกันที่มัสยิดเมื่อคืนนี้ พวกเราหวังว่าท่านรสูลจะออกมาละหมาดพร้อมกับพวกเรา ท่านรสูลกล่าวตอบว่า ; แท้จริงฉันกลัวว่า (การละหมาดตะรอเวียะห์)จะถูกกำหนดเป็นฟัรฎูเหนือพวกท่าน” (บันทึกหะดิษโดยอิบนุ นัศร์ เฏาะบะรอนีย์ สายรายงานหะดิษหะซัน)
รายงานจากท่านสาอิบ บุตรของยะซีด ร่อฎียัลลออุอันฮุ เล่าว่า
“ท่านอุมัร บุตร ค็อฏฏ็อบสั่งให้ท่านอุบัย์ บุตรของกะอฺบ์ และท่านตะมีม อัดดารีย์ เป็นอิมามนำละหมาดผู้คนทั้งหลาย จำนวน 11 ร็อกอะฮฺ (ตะรอเวียะห์ 8 ร็อกอะฮฺ และวิตรฺ 3 ร็อกอะฮฺ) ท่านสาอิบกล่าวว่า อิมามอ่านในละหมาดยาวประมาณร้อยกว่าอายะฮฺ จนกระทั้งทำให้พวกเราต้องยันด้วยไม้เท้าอันเนื่องจากความนานของละหมาด (ตะรอเวียะห์) และพวกเราละหมาดเสร็จก็ใกล้ถึงเวลาละหมาดศุบฮฺ” (บันทึกหะดิษโดยอิมามมาลิก หะดิษเลขที่ 249 และอิมามบัยหะกีย์ หะดิษเลขที่ 4721)
และสำหรับการละหมาดตะรอเวียะห์แต่ละร็อกอะฮฺนานนั้น ก็มีรูปจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม และบรรดาศอหาบะฮฺเช่นเดียวกัน
ท่านหญิงอาอิชะฮฺกล่าวว่า
" แท้จริงท่านรสูลุลลอฮไม่เคยเพิ่มละหมาดการละหมาดในเดือนรอมาฎอนและนอกเหนือจากรรอมฎอนมากกว่า 11 ร็อกอะฮฺ โดยท่านรสูลละหมาด 4 ร็อกอะฮฺ ท่านอย่าถามถึงความสวยงามและความยาวนานของการละหมาดนั้นเลย จากนั้นท่านรสูลก็ละหมาดอีก 4 ร็อกอะฮฺ ซึ่งท่านอย่าได้ถามถึงความสวยงามและความยาวนานของการละหมาดนั้น จากนั้นท่านรสูลก็ได้ละหมาดอีก 3 ร็อกอะฮฺ” (บันทึกหะดิษโดยอิมามบุคอรีย์ เลขที่ 1079 อิมามมุสลิม เลขที่ 1220)ท่านสาอิบกล่าวว่า
“อิมามอ่านในละหมาดยาวประมาณร้อยกว่าอายะฮฺ จนกระทั้งทำให้พวกเราต้องยันด้วยไม้เท้าอันเนื่องจากความนานของละหมาด (ตะรอเวียะห์) และพวกเราละหมาดเสร็จก็ใกล้ถึงเวลาละหมาดศุบฮฺ” (บันทึกหะดิษโดยอิมามมาลิก หะดิษเลขที่ 249 และอิมามบัยหะกีย์ หะดิษเลขที่ 4721)
รายงานจากท่านญาบิรฺ ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า
“มีผู้ถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ว่าละหมาด(สุนัต) ประเภทไหนประเสริฐที่สุด ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ตอบว่า : คือละหมาดที่ยืนนานๆ” (บันทึกโดยอิมามอัตติรมีซีย์ เลขที่ 388)
จะเห็นว่าการละหมาดตะรอเวียะห์ตามรูปแบบท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ตามบรรดาศอหาบะฮฺ และตามบรรดาชาวสลัฟทั้งหลายแล้ว การละหมาดตะรอเวียะห์นั้นสะดวกง่ายดาย ไม่ต่างกับการละหมาดสุนัตอื่นๆแต่อย่างใดเลย
والله أعلم بالصواب
ญาซากัลลอฮุคอยร็อนค่ะ...
ตอบลบ