อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

รูปแบบวิธีละหมาดวิตรฺ 3 ร็อกอะฮฺ


สืบเนื่องจากมีเพื่อนที่สังกัดอยู่ในมัซฮับฮานาฟีย์ ได้สงสัยกรณีการละหมาดวิตรฺ 3 ร็อกอะฮฺ ในมัซฮับชาฟีอีย์ในบ้านเรา ว่า ทำไมเขาละหมาด 2 ร็อกอะฮฺแล้วให้สลาม แล้วมีการยืนละหมาดอีก 1 ร็อกอะฮฺ ต่างที่เขาปฏิบัติ คือจะละหมาดวิตรฺ 3 ร็อกอะฮฺติดต่อกันรวดเดียว และยังถามอีกว่า เขาลูบหน้าเมื่อให้สลามเลิกละหมาดทำไม...???!!!

จริงๆแล้ว รูปแบบวิธีละหมาดวิตรฺ 3 ร็อกอะฮฺ ที่มัซฮับชาฟีอีย์ และฮานาฟีย์นั้นถูกต้องทั้งสอง มีรูปแบบการปฏิบัติจากท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ทั้งสองรูปแบบ คือแบบวิธีที่ให้ผู้ละหมาดวิตรฺ 2 ร็อกอะฮฺ แล้วให้สลาม จากนั้นยืนละหมาดอีก 1 ร็อกอะฮฺ

รายงานจากท่านอิบนุ อุมัร เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุมา ว่า
“ท่านได้แยกระหว่างสองร็อกอัตแรกกับหนึ่งร็อกอัตวิติรสุดท้ายด้วยการให้สลาม และท่านก็บอกว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้ปฏิบัติเช่นนั้น (บันทึกโดย อิบนุ หิบบาน 2435 อิบนุ หะญัร ได้กล่าวในฟัตหุลบารีย์ ว่า สายสืบของมันเข้มแข็ง)

รายงานจากท่านอบูฮุร็อยเราะเราะฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า
“พวกท่านจงอย่าละหมาดวิตรฺ 3 ร็อกอะฮฺซึ่งทำให้เหมือนละหมาดมัฆริบ” (บันทึกโดยหากิม หะดิษเลขที่ 1137 เป็นหะดิษเศาะเฮียะฮฺ)

และแบบวิธีให้ผู้ละหมาดวิตรฺ ละหมาดวิตรฺ 3 ร็อกอะฮฺติดต่อกันรวดเดียว โดยนั่งตะชะฮูดเฉพาะในร็อกอะฮฺสุดท้าย ไม่มีการตะชะฮุดครั้งแรกในร็ออะฮิที่สอง คือหลังจากสุญูดครั้งที่สองแล้วก็ให้ยืนขึ้นในร็อกอะฮฺที่สามเลย ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ไปเหมือนกับละหมาดมัฆริบนั้นเอง

รายงานจากท่านอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮา ว่า
"ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ไม่ให้สลามในร็อกอัตที่สองของละหมาดวิติร" ในรายงานอื่นระบุว่า "ท่านจะละหมาดวิติรสามร็อกอัตโดยไม่จะนั่ง(ตะชะฮฺฮุด)ยกเว้นในร็อกอัตสุดท้ายเท่านั้น" (บันทึกโดยอัน-นะสาอีย์ 3/234 อัล-บัยฮะกีย์ 3/13 อัน-นะวะวีย์ กล่าวใน อัล-มัจญ์มูอฺ 4/7 ว่า อัน-นะสาอีย์รายงานด้วยสายสืบที่หะสัน และอัล-บัยฮะกีย์ด้วยสายสืบที่เศาะฮีหฺ)

ทั้งนี้ไม่อนุญาตให้ละหมาดวิตรฺ 2 ครั้งในคืนเดียวกัน

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า
“ไม่อนุญาตให้ละหมาดวิตรฺ 2 ครั้งในคืนเดียวกัน” (บันทึกโดยอบุดาวูด หะดิษที่ 1441)

สำหรับการลูบหน้าขณะให้สลามเลิกละหมาดนั้น มีรายงานหะดิษ แต่เป็นหะดิษที่มีสถานะเฎาะอิฟมากทั้งหมด ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้

ท่านอิบนุเราะญับกล่าวว่า "สายรายงานทั้งหมด – ที่เกี่ยวกับการลูบหน้าผากหรือลูบหน้าหลังจากละหมาดเสร็จ - จากท่านอนัสนั้น "วาฮิยะฮฺ " .  นั่นคือ เฎาะอีฟมาก ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานและไม่สามารถนำมาสนับสนุนสายรายงานอื่นได้

ดังนั้น การที่มัซฮับฮานาฟีย์ไม่มีการลูบหน้าเมื่อสลามออกจากละหมาดนั้นถูกต้องแล้ว

والله أعلم بالصواب
***********

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น