มันฮัจฺ หมายถึง "ระเบียบ หรือแนวทาง" นั้นคือมันฮัจฺ คือ ระเบียบของศาสนาที่กำหนดไว้ในเรื่องต่างๆ เมื่อหลักฐานของอิสลามล้วนแล้วแต่บันทึกอยู่ในอัลกุรอานและอัลหะดิษ ศาสนาก็มีมันฮัจฺหรือระเบียบว่าด้วยการเข้าใจและหยิบใช้ทั้งสองสิ่งด้วยเช่นกัน
สลัฟ หมายถึง มุสลิมที่มีชีวิตอยู่ในฮิจเราะฮิศักราชที่ 1 ถึง ฮิจเราะฮฺศักราชที่ 300
ท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซััลลัม กล่าวว่า
"ผู้คนที่ประเสร็ฐที่สุด คือ คนในศตวรรษของฉัน (รุ่นที่ 1) ถัดมาคือศตวรรษต่อจากนั้น (รุ่นที่ 2) ถัดมาก็คือศตวรรษต่อจากนั้นอีก (รุ่นที่ 3) จากนั้นจะมีบรรดากลุ่มที่กำหนดขึ้นมา พวกเขาไม่ให้ความสำคัญและทำเล่นๆ กับการสาบานและยกอ้างอัลลอฮฺเป็นสักขีพยาน บางครั้งก็ยกอ้าง(อัลลอฮฺ) ก่อนที่จะสาบานและบางครั้งก็สาบานก่อนจะยกอ้าง" (บันทึกหะดิษโดยอิมามบุคอรีย์ หมายเลขที่ 6249)
ในยุคสลัฟ ส่วนใหญ่แล้วมุสลิมได้อยู่บนความดี และหนทางของอิสลามที่ถูกต้อง การยึดเอาความเข้าใจของชาวสลัฟหมายถึงการยึดอธิบายทางศาสนาจากสลัฟในแต่ละเรื่องไปโดยดูว่าในเรื่องดังกล่าว ส่วนใหญ่ของชาวสะลัฟเข้าใจว่าอย่างไร
มันฮัจฺสลัฟ หมายถึงระเบียบของชาวสลัฟในการกำหนดสิ่งใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับศาสนาและการดำเนินชีวิตของชาวมุสลิม
ไม่ว่าในเรื่องหลักศรัทธา หรืออะกีดะฮฺ หลักศาสนกิจ หรืออิบาดะฮฺ และวิถีชีวิตประจำวัน หรือมุอามะลาต ที่จะต้องเป็นไปตามหลักธรรมศาสนา เพื่อให้มุสลิมได้อยู่บนหนทางของสาสนาได้อย่างถูกต้องนั้นก็ขึ้นอยู่กับ "มันฮัจฺสะลัฟ"
"มันฮัจฺสะลัฟ" จึงเป็นเครื่องมือที่ควบคุมทั้งสามประการข้างต้นให้อยู่ในร่องรอยหรือแนวทางที่อิสลามประสงค์ไว้ หากพวกเขาอยู่ในมันฮัจฺชาวสลัฟแล้วหลักศรัทธาของพวกเขาก็จะถูกต้องปลอดภัย แต่ถ้าหาก แต่ถ้าหากพวกเขามีมันฮัจฺที่เบี่ยงเบนไปจากมันฮัจฺที่ถูกต้องแล้ว พวกเขาก็จะหลงและประสบกับความหายนะในปั้นปลายชีวิต
พระองค์อัลลอฮฺ ศุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
وَمَن يَعْصِ اللَّهَ وَرَسُولَهُ وَيَتَعَدَّ حُدُودَهُ يُدْخِلْهُ نَارًا خَالِدًا فِيهَا وَلَهُ عَذَابٌ مُّهِينٌ ( 14 )
และผู้ใดฝ่าฝืนอัลลอฮฺ และร่อซูลของพระองค์ และละเมิดขอบเขตของพระองค์แล้วไซร้ พระองค์ก็จะทรงให้เขาเข้านรก โดยที่เขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล และเขาจะได้รับการลงโทษที่ยังความอัปยศให้(แก่เขา)
(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัน-นิสาอ์ 4:115)
ท่านอิมามอะห์มัดอิบนุฮัมบัล ร่อหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า
"รากฐานของสุนนะฮฺ ณ ที่พวกเราก็คือการยึดมั่นอยู่กับแนวทางของบรรดาสาวกของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม"
ท่านชัยคฺศอลิฮฺ อิบนุอุษัยมีน กล่าวว่า
"มันฮัจฺนั้นถุกสร้างขึ้นฐานของหลักศรัทธาอีกที ดังนั้นผู้ใดก็ตามที่หลักศรัทะาของเขามีความถุกต้อง มันฮัจฮัจฺของเขาก็จะปลอดภัยด้วยเช่นกันอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งนี้ก้เพราะว่าเมื่อท่านนบี ได้กล่าวถึงสภาพความแตกแยกออกเป็น 73 กลุ่มของประชาชาติอิสลาม โดยที่ทั้หมดพำนักอยู่ในนรกยกเว้นกลุ่มเดียว และเหล่าสาวกก็ถามว่ากลุ่มนั้นคือใคร? ท่านตอบว่า คือกลุ่มชนที่ดำรงอยู่บนสิ่งที่ตัวแันและเหล่าสาวกของฉันได้ดำรงอยู่ : คำพูดของท่านนบีตรงนี้หมายถึง ดำรงอยู่บนหลักศรัทธา มันฮัจฺ การประกอบคุณความดี และทุกสิ่งที่ท่านนบีและเหล่าสาวกได้ดำรงอยู่ ฉะนั้นจึงไม่เป็นที่อนุญาตที่หลักศรัทธากับมันฮัจฺจะถูกแยกออกจากันได้...และเมื่อบุคคลใดดำรงอยู่บนมันฮัจฺที่สวนทางกับมันฮัจฺของท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซััลลัม และบรรดาเคาะลีฟะฮฺผู้ได้รับทางนำ มันก็หมายความว่าหลักศรัทธาของพวกเขาไม่มีความถูกต้องปลอดภัยเสียแล้ว ในทางตรงข้าม หากหลักศรัทธาของพวกเขาถุกต้อง มันฮัจฺของเขาก็จะถุกต้องด้วย"(วิลซิละฮฺลิกออ์อัลบาบอัลมัฟตูฮฺ (เทปบรรยายของท่าน) ม้วนที่ 128 วินาทีที่ 15:40)
ท่านชัยคฺ บักรฺ อบู ซัยดฺ ร่อหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า
"ศรัทธา เปรียบเสมือนน้ำ มันฮัจฺ เปรียบเสมือนแก้วน้ำ หากศรัทธาไม่ดี ก็เปรียบเสมือน น้ำที่สกปรกเมื่อนำมาใส่แก้วก็ทำให้แก้วสกปรกและดื่มไม่ได้ ถ้ามันฮัจฺไม่ดี ก็เปรียบเสมือนแก้วน้ำที่สกปรก เมื่อนำน้ำที่สะอาดมาใส่ในแก่้ว ก็ทำให้น้ำมันสกปรกและดื่มไม่ได้เช่นกัน"
والله أعلم بالصواب
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น