อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

กรณีเสียศิลอด



A.การมีเพศสัมพันธ์

นั่นคือการสอดใส่อวัยวะเพศชายในอวัยวะเพศหญิง ประการนี้เป็นสิ่งที่ใหญ่หลวงที่สุดในจำนวนเหตุที่ทำให้การถือศีลอดนั้นเสีย และเป็นสิ่งที่มีบาปมหันต์ที่สุดสำหรับผู้ที่กำลังถือศีลอด ดังนั้นผู้ถือศีลอดคนใดที่มีเพศสัมพันธ์การถือศีลอดของเขาก็จะเสียไป ไม่ว่าจะเป็นการถือศีลอดที่เป็นฟัรฎูหรือที่เป็นสุนัตก็ตาม ถ้าหากว่าเขามีเพศสัมพันธ์ในช่วงกลางวันของเราะมะฎอนซึ่งเป็นการถือศีลอดวาญิบ เขาจำเป็นต้องถือศีลอดชดใช้และจ่ายกัฟฟาเราะฮฺที่ใหญ่ที่สุด นั่นคือ ต้องปล่อยทาสหนึ่งคน ถ้าไม่มีทาสเขาต้องถือศีลอดสองเดือนติดต่อกันโดยไม่ขาดช่วงแม้แต่วันเดียวยกเว้นมีเหตุจำเป็นจริงๆ ตามหลักศาสนา เช่นอยู่ในวันอีดทั้งสอง วันตัชรีก หรือความจำเป็นรูปธรรมอื่นๆ เช่น ป่วย การเดินทางที่ไม่มีเจตนาเพื่องดถือศีลอด ถ้าในช่วงสองเดือนนี้เขาได้ละเว้นไม่ถือศีลอดโดยไม่มีเหตุจำเป็นแม้เพียงวันเดียวก็ตาม เขาจะต้องเริ่มนับการถือศีลอดใหม่เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องไม่ขาดตอน ถ้าถือศีลอดสองเดือนติดต่อกันไม่ได้ เขาต้องจ่ายอาหารให้แก่คนยากจนหกสิบคน ให้จ่ายสำหรับแต่ละคนจำนวนสองกิโลกรัมกับอีกสิบกรัมจากแป้งอย่างดี  ในเศาะฮีหฺมุสลิมมีรายงานว่า ชายคนหนึ่งได้มีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของเขาในเดือนเราะมะฎอน แล้วเขาก็ได้ไปขอคำวินิจฉัยจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ท่านตอบว่า "เจ้ามีทาสไหม?" เขาตอบว่า ไม่มี ท่านถามต่อว่า "เจ้าถือศีลอดสองเดือนติดต่อกันได้ไหม ?" เขาตอบว่า ไม่ ท่านกล่าวอีกว่า "ดังนั้นจงจ่ายอาหารแก่คนยากจนจำนวนหกสิบคน" รายงานนี้มีอยู่อย่างละเอียดในตำราเศาะฮีหฺทั้งสอง


B.การหลั่งน้ำอสุจิด้วยเจตนา

เพราะว่ามันเกิดขึ้นด้วยอารมณ์ใคร่ ซึ่งการถือศีลอดจะใช้ไม่ได้นอกจากต้องงดจากสิ่งนี้ ดังที่มีปรากฏในหะดีษกุดสีย์ว่า "เขาได้ละทิ้งอาหาร เครื่องดื่ม และอารมณ์ใคร่ของเขา เพราะข้า" บันทึกโดยอัลบุคอรีย์. การจูบและสัมผัสโดยไม่หลั่งนั้นไม่ทำการถือศีลอดเสีย เนื่องจากมีหะดีษในตำราหะดีษเศาะฮีหฺทั้งสองจากอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮา ว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้จูบในขณะที่ถือศีลอด และได้คลุกคลีกับภรรยาในขณะที่ถือศีลอด แต่ท่านเป็นผู้ที่สามารถระงับอารมณ์ของท่านได้ดีที่สุด" ในเศาะฮีหฺมุสลิมมีรายงานว่า อุมัร บิน สะละมะฮฺ ได้ถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ว่า ผู้ถือศีลอดจูบได้ไหม ? ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า "จงถามนางผู้นี้ – ท่านหมายถึง อุมมุ สะละมะฮฺ – " นางก็ได้บอกกับเขาว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้เคยทำเช่นนั้น แล้วท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ก็กล่าวว่า "ทว่าพึงทราบเถิด ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ แท้จริงฉันเป็นผู้ที่ยำเกรงและหวาดหวั่นต่ออัลลอฮฺมากที่สุดในหมู่พวกเจ้า" แต่ว่า ถ้าหากผู้ถือศีลอดกลัวว่าตัวเขาจะหลั่งอสุจิด้วยการจูบของเขาหรือด้วยเหตุอื่นๆ หรืออาจจะนำพาไปถึงขั้นการมีเพศสัมพันธ์ในที่สุดเนื่องจากไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ ดังนั้นการจูบและการเล้าโลมนั้นก็หะรอมสำหรับเขาเพื่อเป็นการป้องกันสิ่งไม่พึงประสงค์ และป้องกันไม่ให้การถือศีลอดเสีย ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม จึงได้สั่งให้ผู้ที่อาบน้ำละหมาดสูดน้ำเข้าจมูกให้ลึก เว้นแต่ขณะนั้นเขาเป็นผู้ที่ถือศีลอดอยู่ ก็ไม่ต้องสูดน้ำเข้าจมูกให้ลึก เพราะกลัวว่าน้ำจะเข้าไปยังโพรงด้านใน
ส่วนการหลั่งอสุจิเนื่องด้วยการฝันหรือคิดเฉยๆ โดยไม่ได้ลงมือกระทำใดๆ นั้น ไม่ทำให้การถือศีลอดเสียไป เพราะการฝันไม่ได้เกิดจากเจตนาของผู้ถือศีลอด ส่วนการคิดจินตนาการนั้นถูกอนุโลม ดังคำพูดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ที่ว่า "แท้จริง อัลลอฮฺอนุโลมแก่ประชาชาติของฉัน ในสิ่งที่ใจพวกเขาครุ่นคิด ตราบใดที่ไม่ลงมือทำหรือพูดออกมา" เป็นหะดีษมุตตะฟะกุนอะลัยฮฺ บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์และมุสลิม


C.การกินและดื่ม

นั่นคือการให้อาหารและเครื่องดื่มเข้าไปถึงช่องทางเดินอาหารไม่ว่าทางปากหรือจมูก ไม่ว่าอาหารและเครื่องดื่มนั้นจะเป็นอะไรก็ตามแต่ เนื่องด้วยพระดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า
﴿وَكُلُواْ وَاشْرَبُواْ حَتَّى يَتَبَيَّنَ لَكُمُ الْخَيْطُ الأَبْيَضُ مِنَ الْخَيْطِ الأَسْوَدِ مِنَ الْفَجْرِ ثُمَّ أَتِمُّواْ الصِّيَامَ إِلَى الَّليْلِ﴾ (البقرة: 187)
ความว่า "และจงกินและจงดื่ม จนกระทั่งเส้นสีขาวได้ปรากฏชัดแก่พวกเจ้าจากเส้นสีดำอันหมายถึงว่าได้เวลารุ่งอรุณแล้ว จากนั้น ก็จงให้การถือศีลอดสมบูรณ์ไปจนถึงเวลากลางคืน" (อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 187)

ส่วนการสูดทางจมูกนั้นเหมือนการกินและดื่ม เนื่องจากหะดีษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ซึ่งรายงานจากละกีฏ บิน เศาะบุเราะฮฺ ว่า "จงให้ลึกในการสูดน้ำเข้าจมูก เว้นแต่ท่านเป็นผู้ที่ถือศีลอดอยู่" บันทึกโดยนักรายงานทั้งห้า และอัต-ติรมิซีย์กล่าวว่าเศาะฮีหฺ. ส่วนการดมกลิ่นนั้นไม่ทำให้การถือศีลอดเสีย เพราะกลิ่นไม่ใช่ของแข็งที่เข้าไปยังช่องทางเดินอาหาร

D.การอาเจียนโดยเจตนา

คือการทำให้สิ่งที่อยู่ในกระเพาะออกมาทางปาก ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่ม เนื่องด้วยหะดีษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ว่า "ผู้ใดที่อาเจียนเองโดยไม่เจตนาเขาไม่ต้องชดใช้(การถือศีลอด) ส่วนใครที่อาเจียนโดยเจตนาให้เขาถือศีลอดชด" รายงานโดยนักรายงานทั้งห้ายกเว้นอัน-นะสาอีย์ และอัล-หากิมเห็นว่ามันเศาะฮีหฺ ผู้ถือศีลอดที่เจตนาให้เขาออกจากการถือศีลอด ไม่ว่าจะด้วยการกระทำเช่น นวดท้อง สอดเข้าไปในคอ หรือด้วยการดม เช่นดมบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้อาเจียน หรือด้วยการดู เช่นเจตนาดูสิ่งที่ทำให้เกิดอาการอาเจียน เขาต้องเลิกถือศีลอดด้วยประการเหล่านั้นทั้งปวง ทว่าถ้าหากเกิดอาเจียนขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุก็ไม่มีผลเสียใดๆ ถ้ากระเพาะของเขามีอาการจะอาเจียนก็ไม่จำเป็นต้องพยายามระงับ เพราะมันจะเป็นโทษกับตัวเขา แต่ให้เขาปล่อยไปตามนั้น ไม่ต้องพยายามอาเจียนและไม่ต้องพยายามระงับการอาเจียน

E.การมีเลือดประจำเดือนหรือเลือดหลังคลอดบุตร

เนื่องด้วยหะดีษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ที่มีต่อผู้หญิงว่า "เมื่อนางมีประจำเดือนมา นางไม่ต้องละหมาดและไม่ต้องถือศีลอด มิใช่หรือ ?" ดังนั้น เมื่อใดที่นางเห็นเลือดประจำเดือนหรือเลือดหลังคลอดบุตร การถือศีลอดของนางก็ใช้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเห็นในช่วงเช้าของเวลากลางวัน หรือช่วงเย็นแม้ว่าก่อนดวงอาทิตย์จะตกดินเพียงแค่ครู่เดียวก็ตาม แต่ถ้าหากนางรู้สึกว่ามีการเคลื่อนที่ของเลือดแต่ไม่ปรากฏให้เห็นนอกจากหลังดวงอาทิตย์ตกดินไปแล้ว การถือศีลอดของนางถือว่าใช้ได้

والله أعلم بالصواب

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น