อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2557

คำว่า “รูปร่าง” เกี่ยวกับอัลลอฮ


การกล่าวหาและตักฟีร บรรดาอุลามาอฺ ที่ยืนยันสิฟาตที่ปรากฏตามตัวบท มีมาไม่ขาดสาย จึงขอชี้แจง เพื่อขจัดฟิตนะที่ถูกนำมาทำลายอุลามาอฺที่เห็นต่างกับตน ดังนี้


การกล่าวถึงคำว่า “جسم (ญิสมฺ) เกี่ยวกับอัลลอฮ ไม่ว่า ในเชิงการยืนยัน (อิษบาตร)และการปฏิเสธ(นัฟยฺ) ไม่มีระบุในอัลกุรอ่าน ,อัสสุนนะฮ แต่เป็นคำพูดที่ถูกอะฮลุลกาลาม “อุปโลกห์ขึ้นมา เพื่อ หุกุมผู้ที่ยืนยันสิฟาตอัลเคาะบะรียะฮ เช่น มือ ,ตา ,ใบหน้า ฯลฯ ว่า เป็นกาเฟร โดยแอบอ้างปราชญ์สะลัฟ วัลอิยาซุบิลละฮ

ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ)กล่าวว่า


وَأَمَّا " الشَّرْعُ " فَمَعْلُومٌ أَنَّهُ لَمْ يُنْقَلْ عَنْ أَحَدٍ مِنْ الْأَنْبِيَاءِ : وَلَا الصَّحَابَةِ وَلَا التَّابِعِينَ وَلَا سَلَفِ الْأُمَّةِ أَنَّ اللَّهَ جِسْمٌ أَوْ أَنَّ اللَّهَ لَيْسَ بِجِسْمِ ; بَلْ النَّفْيُ وَالْإِثْبَاتُ بِدْعَةٌ فِي الشَّرْعِ

สำหรับในด้านศาสนบัญญัตินั้น เป็นที่รู้กันว่า ไม่ได้ถูกรายงานจากคนหนึ่งคนใด จากบรรดานบี ,เหล่าสาวก,บรรดาตาบิอีนและอุมมะฮยุคสะลัห ว่า อัลลอฮ ไม่ใช่รูปร่าง ยิ่งไปกว่านั้น การปฏิเสธ และการยืนยัน (คำนี้) คือ บิดอะฮในทางศาสนา – มัจญมัวะอัลฟะตาวา ๕/๓๓๔

กล่าวคือ คำว่า อัลลอฮเป็นรูปร่าง หรือ ไม่เป็นรูปร่าง ไม่ปรากฏหลักฐานยืนยัน เพราะฉะนั้น การอุตริคำว่า “รูปร่าง เกี่ยวกับซาตอัลลอฮ จึงเป็นสิ่งที่เป็นบิดอะฮ
การยืนยันสิฟาตอัลเคาะบะรียะฮ ตามตัวบทที่มีมานั้น ไม่ใช่เป็นการเปรียบเทียบว่าอัลลอฮมีรูปร่าง คล้ายครึงมัคลูคแต่อย่างใด

อิหม่ามอัซซะฮะบีย์ (ฮ.ศ ๗๔๘) กล่าวว่า

ليس يلزم من إثبات صفاته شيء من إثبات التشبيه والتجسيم، فإن التشبيه إنما يقال: يدٌ كيدنا ...

ส่วนหนึ่งจากการรับรองบรรดาคุณลักษณะของพระองค์ นั้น ไม่จำเป็นว่าเป็นส่วนหนึ่งจากการรับรองการตัชบิฮ(การคล้ายคลึง)และตัจญซีม(การมีรูปร่าง) เสมอไป ความจริงการตัชบิฮ(การเปรียบเทียบสิฟัตอัลลอฮกับมัคลูต)นั้น เช่น มือ เหมือนกับมือของเรา.....- อัลอัรบะอีน ฟี สิฟาติรอ็บบิลอาละมีน เล่ม 1 หน้า 104

............

การเชื่อตามความหมายตามที่ปรากฏในอัลกุรอ่านและหะดิษ โดยเชื่อว่าไม่เหมือนกับมัคลูค ไม่ถือว่า เป็นพวกมุชับบะฮฮะฮและมุญัสสิมะฮ ดังการกล่าวหาของอะชาอิเราะฮบางกลุ่ม
อิบนุอับดุลบัร อัลมาลิกีย์ (ฮ.ศ 463) กล่าวว่า
ومُحالٌ أن يكون مَن قال عن اللهِ ما هو في كتابه منصوصٌ مُشبهًا إذا لم يُكيّف شيئا، وأقرّ أنه ليس كمثله شيء
เป็นไปไม่ได้ว่า ผู้ที่กล่าวเกี่ยวกับอัลลอฮ ต่อสิ่งที่ถูกล่าวเป็นตัวบทในคัมภีร์ของพระองค์นั้น เป็นมุชับบะฮะฮ(เป็นผู้ที่เชื่อว่าสิฟัตอัลลอฮคล้ายคลึงกับสิฟัตมัคลูค) เมื่อพระองค์ไม่ถูกพรรณารูปแบบว่าเป็นอย่างไรแม้แต่น้อย และเขาก็ยอมรับ ว่าแท้จริง พระองค์นั้น ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ - อัลอิสติซกัร ของ อับดุลบิร เล่ม 8 หน้า 150
...........
คนที่กล่าวเกี่ยวสิฟัตอัลลอฮ ตามตัวบทในอัลกุรอ่าน โดยไม่อธิบายรูปแบบวิธีการและเขาเชื่อว่าอัลลอฮนั้น ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน ไม่ถือว่า เขาเป็น พวกมุชับบะฮะฮ ตามที่ถูกกล่าวหา
มีการอ้างคำพูดต่อไปนี้ มาหุกุมอุลามาอฺและผู้ที่ยืนยันความหมายสิฟาตเคาะบะรียะฮว่าเป็น กาเฟรเช่น
เช่นอ้างว่า
อิหม่ามอะหมัด (ร.ฮ) กล่าวว่า

مَنْ قَالَ اللهُ جِسْمٌ لاَ كَالأَجْسَامِ كَفَرَ

ผู้ใด กล่าวว่า อัลลอฮ คือ รูปร่าง ไม่เหมือนกับบรรดารูปร่างทั้งหลาย เขาเป็นกุฟุร -
ฮาฟิซบัดรุดดีน อัลซัรกะชีรายงานมันเอาไว้ในหนังสือของเขาชื่อ ตัชนีฟุลมะซาเมี๊ยะอ์
อิหม่ามอะหมัด มีชีวิตระหว่าง ฮ.ศ ๑๖๔ – ๒๔๑ และ อัซซัรกะชีย์ ผู้รายงานอิหม่ามอะหมัด มีชีวิต ระหว่าง ฮ.ศ ๗๔๕ – ๗๙๔ ระยะห่างกัน ๕๐๔ ปี แล้วเขาได้รับรายงานอิหม่ามอะหมัดจากใคร ใหนสายรายงานหรือ
นี้คือ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า เป็นหลักฐานปลอม ถ้ามีรายงานที่เศาะเฮียะ โปรดนำมาแสดงเถิด

قُلْ هَاتُواْ بُرْهَانَكُمْ إِن كُنتُمْ صَادِقِينَ

พวกท่านจงนำหลักฐานของพวกท่านมา ถ้าพวกท่านเป็นผู้พูดจริง – อัลบะเกาะเราะฮ /๑๑๑

จะว่าเป็นเรื่องปกติก็ว่าได้ ดังที่ ท่านอบูหาติมได้กล่าวว่า

عَلامَةُ الْجَهْمِيَّةِ : تَسْمِيَتُهُمْ أَهْلُ السُّنَّةِ مُشَبِّهَةً

และสัญลักษ์ของพวกญะฮฺมียยะฮฺคือการเรียกชื่อ อะฮฺลุสสุนนะฮฺว่า (มุชับบิฮะฮฺ)
(ดู อัลอุลูวฺ หน้า139 และ ชัรหฺ อุศูลุลอิอฺติกอด อะลิสุนนะฮฺ เล่มที่2 หน้า 179)

والله أعلم بالصواب



(Ah-lulquran Was-sunnah) อะสัน หมัดอะดั้ม










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น