อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2557

นางอาอีฉะฮทำนูหรีคนตายจริงหรือ




มีการอ้างการกระทำของท่านหญิงอาอีชะ (ร.ฎ)เพื่อเป็นหลักฐาน เลี้ยงอาหารเนื่องจากการตาย ดังนี้
عَنْ عَائِشَةَ زَوْجِ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَنَّهَا كَانَتْ إِذَا مَاتَ الْمَيِّتُ مِنْ أَهْلِهَا فَاجْتَمَعَ لِذَلِكَ النِّسَاءُ ، ثُمَّ تَفَرَّقْنَ إِلا أَهْلَهَا وَخَاصَّتَهَا ، أَمَرَتْ بِبُرْمَةٍ مِنْ تَلْبِينَةٍ فَطُبِخَتْ ، ثُمَّ صُنِعَ ثَرِيدٌ فَصُبَّتْ التَّلْبِينَةُ عَلَيْهَا ، ثُمَّ قَالَتْ : كُلْنَ مِنْهَا ، فَإِنِّي سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُول : ( التَّلْبِينَةُ مُجِمَّةٌ لِفُؤَادِ الْمَرِيضِ ، تَذْهَبُ بِبَعْضِ الْحُزْنِ ) رواه البخاري ( 5101 ) ومسلم ( 2216 )

รายงานจาก อุรวะฮ์(หลานของท่านหญิงอาอิชะฮ์) จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ภริยาของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า แท้จริง ท่านหญิงอาอิชะฮ์นั้น เมื่อมีคนในครอบครัวของนางได้เสียชีวิต บรรดาสตรีก็จะมารวมตัวกันเพื่อสิ่งดังกล่าว หลังจากนั้น พวกนางก็แยกย้ายกันไป นอกจากครอบครัวและบรรดาคนใกล้ชิดของนาง ดังนั้น ท่านหญิงอาอิชะฮ์จึงใช้ให้นำภาชนะหนึ่งที่มีตัลบีนะฮ์(คืออาหารที่ทำมาจากแป้งอย่างดี) แล้วนำตัลบีนะฮ์ราดบนษะรีด จากนั้นท่านหญิงอาอิชะฮ์กล่าวว่า พวกเธอจงรับประทานมันเถิด เพราะฉันได้ยินท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า (การรับประทาน)ตัลบีนะฮ์ จะทำให้ผู้ป่วยสบายใจคลายความโศรกเศร้า"
รายงานโดย อัลบุคอรี
………
ชี้แจง
ข้างต้นเป็นเรื่องของการเลี้ยงอาหารของคนในครอบครัวผู้ตายและคนใกล้ชิด ไม่ใช่ทำบุญเนื่องจากการตายแล้วเชิญบุคคลภายนอก เช่น โต๊ะละแบ มาชุมนุมกินอาหารที่บ้านผู้ตาย มีการอ่านอัลกุรอ่าน, การตะฮลีล และดุอา อุทิศบุญให้คนตายตามประเพณีนิยมในสังคม
ข้อความที่ว่า
، ثُمَّ تَفَرَّقْنَ إِلا أَهْلَهَا وَخَاصَّتَهَا ، أَمَرَتْ بِبُرْمَةٍ مِنْ تَلْبِينَةٍ فَطُبِخَتْ
หลังจากนั้น พวกนางก็แยกย้ายกันไป นอกจากครอบครัวและบรรดาคนใกล้ชิดของนาง ดังนั้น ท่านหญิงอาอิชะฮ์จึงใช้ให้นำภาชนะหนึ่งที่มีตัลบีนะฮ์(คืออาหารที่ทำมาจากแป้ง)จากนั้นทำการปรุง…..
……
เห็นได้ชัดเจนว่า คนอื่นๆที่เป็นคนนอกแยกย้ายกันกลับไปแล้ว เหลื่อแต่คนในครอบครัวและ คนที่ใกล้ชิดกับนางอาอิฉะฮเท่านั้น การอ้างกรณีนี้ เพื่อเป็นหลักฐานมาสนับสนุน การทำบุญเนื่องจากการตาย ตามประเพณีที่ทำกันปัจจุบัน เป็นการกล่าวเท็จให้แก่ท่านหญิงอาอีฉะฮ
อัลมะนาวีย์ (ร.ฮ)กล่าวว่า
قال القرطبي: الاجتماع إلى أهل الميت وصنعهم الطعام والمبيت عندهم كل ذلك من فعل الجاهلية، قال: ونحو منه الطعام الذي يصطنعه أهل الميت في اليوم السابع، ويجتمع له الناس يريدون به القربة والترحم عليه، وهذا لم يكن فيما تقدم، ولا ينبغي للمسلمين أن يقتدوا بأهل الكفر
อิหม่ามอัลกุรฏุบีย์( ปราชญ์มัซฮับชาฟิอี ผู้เชี่ยวชาญด้านตัฟสีร) กล่าวว่า
การชุมนุม ที่ครอบครัวผู้ตาย และการที่พวกเขาทำอาหารกินกันและพักแรมคืน ณ ที่พวกเขา ,ทั้งหมดดังกล่าวนั้น เป็นส่วนหนึ่งจากการกระทำของพวกญาฮิลียะฮ ,เขา(อิหม่ามกุรฏุบีย) กล่าวว่า เช่น อาหารที่ครอบครัวผู้ตายทำ ในวันที่เจ็ด(ของการตาย) และ ให้บรรดาผู้คนมาร่วมชุมนุมกันสำหรับมัน ด้วยการกระทำนั้น เพื่อจุดประสงค์ที่จะทำความใกล้ชิด(อิบาดะฮต่ออัลลอฮ) และ เป็นการแสดงความสงสารต่อเขา(ผู้ตาย) และการกระทำแบบนี้ ไม่ปรากฏในยุคก่อนๆ ที่ผ่านมา และไม่สมควรแก่บรรดามุสลิม ที่จะตาม (แบบอย่าง)ชาวกาเฟร ....ฟัยฎุลเกาะดีร เล่ม 1 หน้า 534
>>>>>>


والله أعلم بالصواب


.......................
อะสัน หมัดอะดั้ม








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น