อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

อิสลาม VS อิสราเอล

 

มหาตมะ คานธี : "...จะกล่าวหาพวกอาหรับแม้แต่อย่างใดไม่ได้ ถ้าพวกนี้ต้องต่อสู้ต่อการรุกราน"
มหาตมะ คานธีกล่าวว่า-

“ข้าพเจ้าเห็นใจพวกยิว แต่การเห็นใจนี้ไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้าตาบอดต่อการต้องการความยุติธรรม เสียงเรียกร้องที่จะให้มีรัฐของพวกยิวนั้นไม่เป็นที่ชวนใจแก่ข้าพเจ้านัก ปาเลสไตน์เป็นของพวกอาหรับในความหมายเดียวกันอย่างที่ประเทศอังกฤษเป็นของชาวอังกฤษและประเทศฝรั่งเศสเป็นของชาวฝรั่งเศส เป็นการผิดพลาดที่จะเอาเรื่องพวกยิวมา บังคับบนพวกอาหรับ ถ้า พวกยิวไม่มีที่อยู่ นอกจากในปาเลสไตน์เท่านั้น พวกเขาอยากคิดบ้างไหมที่จะต้องถูกขับออกจาก ภาคอื่นๆ ของโลกที่พวกเขาตั้งหลักแหล่ง อยู่ ? หรือว่าพวกเขาอยากมีสองบ้าน ซึ่งพวกเขาจะได้เลือกอยู่ได้ตามใจชอบ ? ประเทศปาเลสไตน์ตามความหมายของพระคัมภีร์ไบเบิลนั้นไม่ใช่ดินแดนทางภูมิศาสตร์ แต่ว่าเป็นเรื่องอยู่ในดวงจิตของพวกเขา แต่ถ้าพวกเขาอยากจะได้ปาเลสไตน์ทางภูมิศาสตร์เป็นที่อยู่ของพวกเขา เป็นความผิดพลาดทีเดียวที่จะ เข้าไปในประเทศนั้นโดยมีปืนของอังกฤษคุ้มกันอยู่ จะกล่าวหาพวกอาหรับแม้แต่อย่างใดไม่ได้ ถ้าพวกนี้ต้องต่อสู้ต่อการรุกราน”



มหาตะมะ คานธี
บทความในหนังสือพิมพ์ ฮาริยัน
วันที่ 12 พฤศจิกายน 1938


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น