อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2557

วิญญานนบีมาร่วมงานเมาลิดจริงหรือ




มีการอ้างหะดิษต่อไปนี้

قال رسول الله صلى الله عليه وسلم : إن روحي حاضر عند ذكر مولد الشريف

แปลว่า รอซูลพูดว่าแท้จริงวิญญาณของฉันจะมาร่วมในพิธีเมาลิดเมื่อมีการซิกีรถึงเมาลิดอันทรงเกียรติ

เช็คอับดุลอะซีซ บิน บาซ ได้ชี้แจงว่า

ومن ذلك: أن بعضهم يظن أن رسول الله صلى الله عليه وسلم يحضر المولد، ولهذا يقومون له محيين ومرحبين، وهذا من أعظم الباطل، وأقبح الجهل، فإن الرسول صلى الله عليه وسلم لا يخرج من قبره قبل يوم القيامة، ولا يتصل بأحد من الناس، ولا يحضر اجتماعهم، بل هو مقيم في قبره إلى يوم القيامة، وروحه في أعلى عليين عند ربه في دار الكرامة، كما قال الله تعالى في سورة المؤمنين: {ثُمَّ إِنَّكُمْ بَعْدَ ذَلِكَ لَمَيِّتُونَ ثُمَّ إِنَّكُمْ يَوْمَ الْقِيَامَةِ تُبْعَثُونَ}[10]، وقال النبي صلى الله عليه وسلم : ((أنا أول من ينشق عنه القبر يوم القيامة وأنا أول شافع وأول مشفع)) عليه من ربه أفضل الصلاة والسلام، فهذه الآية الكريمة، والحديث الشريف، وما جاء في معناهما من الآيات والأحاديث، كلها تدل على أن النبي صلى الله عليه وسلم وغيره من الأموات، إنما يخرجون من قبورهم يوم القيامة، وهذا أمر مجمع عليه بين علماء المسلمين ليس فيه نزاع بينهم، فينبغي لكل مسلم التنبه لهذه الأمور، والحذر مما أحدثه الجهال وأشباههم من البدع

จากดังกล่าวนั้น บางส่วนของพวกเขา เข้าใจว่า รซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม มาร่วมเมาลิด และเพราะเหตุนี้พวกเขา ได้ยืนขึ้น เพื่อแสดงการเคารพและให้การต้อนรับแก่ท่านรอซูล และนี้คือ ความเท็จอันมหันต์ และความโง่เขลาที่น่าเกลียดยิ่ง เพราะแท้จริง รซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะไม่ออกจากกุบูร(หลุมศพ)ของท่านก่อน วันกิยามะฮ และจะไม่ติดต่อกับมนุษย์คนใด และจะไม่มาร่วมการชุมนุมของพวกเขา แต่ทว่า ท่านอยู่ในหลุมศพ(กุบูร)ของท่าน จนกระทั่งวันกิยามะฮ และวิญญาณของท่านรซูล อยู่ในที่อันสูงส่ง ณ พระผู้อภิบาลของท่าน ในบ้านอันทรงเกียรติ ดังที่อัลลอฮ ตะอาลาตรัสในซูเราะฮอัลมุอฺมินูนว่า

ثُمَّ إِنَّكُمْ بَعْدَ ذَلِكَ لَمَيِّتُونَ، ثُمَّ إِنَّكُمْ يَوْمَ الْقِيَامَةِ تُبْعَثُونَ]

“หลังจากนั้นพวกเจ้าก็จะต้องพบกับความตาย และหลังจากนั้นในวันกิยามะฮฺพวกเจ้าก็จะถูกทำให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง”-อัลมุมินูน/15-16

ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

أنا أول من تنشق الأرض عنه يوم القيامة ولا فخر، وأنا أول شافع وأول مشفع ولا فخر

ฉันคือ บุคคลแรกที่ฟื้นคืนชีฟ ในวันกิยามะฮ และ ไม่ใช่เป็นการโอ้อวด และ ฉันคือ ผู้ที่ให้การอนุเคราะห์(แก่ผู้อื่น) และเป็นผู้ที่ได้รับการการอนุเคราะห์คนแรก และไม่ใช่เป็นการโอ้อวด 
พรอันประเสริฐและความสันติสุขจากพระเจ้า ได้โปรดประสบแด่ท่านด้วยเถิด

، فهذه الآية الكريمة، والحديث الشريف، وما جاء في معناهما من الآيات والأحاديث، كلها تدل على أن النبي صلى الله عليه وسلم وغيره من الأموات، إنما يخرجون من قبورهم يوم القيامة، وهذا أمر مجمع عليه بين علماء المسلمين ليس فيه نزاع بينهم، فينبغي لكل مسلم التنبه لهذه الأمور، والحذر مما أحدثه الجهال وأشباههم من البدع

ดังนั้น อายะฮและหะดิษอันทรงเกียรติ นี้ และสิ่งที่มีมาในความหมายของมันทั้งสอง จากบรรดาอายะฮและหะดิษ ทั้งหมด แสดงบอกว่า “ แท้จริงนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และผู้อื่นจากท่าน จากบรรดาผู้ที่เสียชีวิต ความจริงพวกเขาจะออกจากหลุมศพ(กุบูร)ของพวกเขาในวันกิยามะฮเท่านั้น และนี้คือ สิ่งที่เป็นมติเอกฉันท์ระหว่างบรรดาปราชญ์มุสลิม บนมัน โดยไม่มีการขัดแย้ง ดังนั้นสมควร มุสลิมทุกคนจะต้องตักเตือนให้ระมัดระวัง บรรดาเรื่องเหล่านี้ และ ระวังจากบรรดาบิดอะฮที่ บรรดาพวกโง่เขลาและบรรดาผู้ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับเขา ได้อุตริมันขึ้นมาใหม่

http://www.binbaz.org.sa/mat/8184


.......................
อะสัน หมัดอะดั้ม








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น