อัลลอฮฺได้ทรงอธิบายแก่ฟิรฺเอาน์และวงศ์วานของเขาผ่านมูซาว่า ถ้าพวกเขาไม่ใส่ใจก็จงเตือนพวกเขา แต่แล้วปฏิกิริยาตอบกลับที่ได้จากพวกเขาก็คือการต่อต้าน พร้อมทั้งกล่าวหามูซาว่าไม่ซื่อสัตย์และต้องการครอบงำ อัลลอฮฺจึงได้ทรงเตรียมการจุดจบที่น่าอับอายแก่พวกเขา พระองค์ได้บอกแก่มูซาว่าอะไรจะเกิดขึ้น
“และเราได้ดลใจให้มูซาออกเดินทางในเวลากลางคืนพร้อมกันกับปวงบ่าวของข้า แท้จริง พวกเจ้ากำลังถูกติดตาม
แล้วฟิรฺเอาน์ได้ส่งคนไปตามหัวเมืองต่าง ๆ ให้มาร่วมชุมนุม (และว่า) แท้จริง เขาเหล่านั้นเป็นหมู่ชนส่วนน้อย และแท้จริง พวกเขาทำให้เราเกิดโทสะ และแท้จริง พวกเราทั้งหมดอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม
ดังนั้น เราได้ให้พวกเขาออกจากเรือกสวนและลำธารน้ำ และทรัพย์สินอันมากหลาย และที่พำนักอันโอ่อ่า
เช่นนั้นแหละ เราได้ให้วงศ์วานอิสรออีลได้รับมรดกครอบครองมัน แล้วพวกเขา (ฟิรฺเอาน์) ได้ติดตามพวกเขา (วงศ์วานอิสรออีล) เมื่อเวลาตะวันขึ้น
ครั้นเมื่อแต่ละฝ่ายได้มองเห็นกัน พวกพ้องของมูซาได้กล่าวว่า แท้จริง เราถูกตามทันแล้ว” (ซูเราะฮฺ อัชชุอะรออฺ : 52-61)
ส่วนอีกด้านหนึ่ง เมื่อลูกหลานชาวอิสราเอลฉุกคิดขึ้นมาว่าพวกเขาได้ตกหลุมพรางแล้ว และเหล่าทหารของฟิรฺเอาน์ก็จ้องจะจับลูกหลานเหล่านี้ให้ได้ มูซาจึงพูดว่าอย่าหมดความเชื่อมั่นศรัทธาในความช่วยเหลือของอัลลอฮฺ
“เขา (มูซา) ได้กล่าวว่า ไม่หรอก ! แท้จริง พระเจ้าของฉันทรงอยู่กับฉัน พระองค์ทรงชี้แนะทางแก่ฉัน” (ซูเราะฮฺ อัชชุอะรออฺ : 62)
ทันใดนั้น อัลลอฮฺก็ทรงช่วยชีวิตมูซาและลูกหลานชาวอิสราเอลเหล่านั้น โดยการแยกน้ำทะเลออก ส่วนฟิรฺเอาน์และเหล่าทหารเหล่านั้นก็จมน้ำตาย จากการรวมตัวของน้ำภายหลังจากที่มูซาและลูกหลานอิสราเอลได้ข้ามฝั่งอย่างปลอดภัย
“ดังนั้น เราได้ดลใจมูซาว่า จงฟาดทะเลด้วยไม้เท้าของเจ้า แล้วมันก็ได้แยกออก แต่ละข้างมีสภาพเหมือนภูเขาใหญ่ และเราได้ให้พวกอื่น (คือฟิรฺเอาน์และพรรคพวก) ให้เข้ามาใกล้ ณ ที่นั้น
และเราได้ให้มูซาและผู้ที่อยู่ร่วมกับเขาทั้งหมดรอดพ้นไป และเราได้ให้พวกอื่นจมน้ำตาย
แท้จริง ในการนั้นเป็นสัญญาณอย่างแน่นอน แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
และแท้จริง พระเจ้าของเจ้านั้น แน่นอน พระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจผู้ทรงเมตตาเสมอ” (ซูเราะฮฺ อัชชุอะรออฺ : 63-68)
ไม้เท้าของมูซานั้นมีคุณสมบัติที่น่าพิศวง กล่าวคือในการแสดงอำนาจของพระองค์ต่อมูซาในครั้งแรกนั้น พระองค์ได้ทรงทำให้ไม้เท้าของมูซานั้นกลายเป็นงู จากนั้นไม้เท้าอันเดียวกันก็ได้แปลงร่างเป็นงูอีกครั้ง และได้กลืนกินเอาเวทย์มนตร์คาถาของเหล่านักมายากลของฟิรฺเอาน์ไป และมาถึงตอนนี้มูซาก็ได้ใช้ไม้เท้าอันเดียวกันนี้แยกทะเลออกเป็นสองส่วน และนี่คือปาฏิหาริย์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่อัลลอฮฺได้ทรงมอบให้กับมูซา
เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นที่เมดิเตอเรเนียนชายฝั่งทะเลของอียิปต์หรือในทะเลแดง
ยังไม่เป็นที่ตกลงอย่างแน่ชัดว่าสถานที่ใดคือที่ที่มูซาทำการแยกทะเล เนื่องจากว่าในกุรอานนั้นไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน เราจึงไม่สามารถยืนยันได้อย่างแน่ชัดถึงเรื่องดังกล่าวได้ แหล่งข้อมูลบางแหล่งก็อ้างว่าเป็นชายฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียน
ในสารานุกรมขอชาวยิวมีกล่าวว่า :
ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักจะระบุว่าทะเลแดงแห่งเอ็กโซดัส กับทะเลสาบแห่งหนึ่งบนชายฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียน
เดวิท เบน กูเรียน (David Ben Gurion)ได้กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วยกษัตริย์รามเสสที่สอง (Ramses II)นั้นเป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดขึ้นหลังจากความพ่ายแพ้ต่อกาเดช (Kadesh) ในพันธสัญญาเก่า ในบทเอ็กโซดัส (การอพยพ) กล่าวว่าเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นในมิกดอล (Migdol) และบาลซีฟอน (BaalZephon) ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ
ในคำแปลของพันธสัญญาเก่าบทที่ว่าด้วยการอพยพนั้น กล่าวว่า ฟิรฺเอาน์และเหล่าบรรดาชายฉกรรจ์ได้จมลงไปในทะเลแดง แต่ถ้าอ้างอิงจากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้กล่าวว่า คำว่า “ทะเลแดง” ความจริงก็คือ “ทะเลแห่งพืชน้ำ” แต่ในหลาย ๆ แหล่งข้อมูลก็ยังคงระบุว่าเป็น “ทะเลแดง” อย่างไรก็ตาม คำว่า “ทะเลแห่งพืชน้ำ” นั้นก็มักจะหมายถึงชายฝั่งทะเลเมดิเตเรเนียนของอียิปต์ในพันธสัญญาเก่านั้น เมื่อใดที่มีการกล่าวถึงเส้นทางเดินของมูซษและเหล่าผู้ติดตามของท่าน คำว่า มิกดอล และบาลซีฟอน ก็จะปรากฏให้เห็นด้วย ซึ่งสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ทางเหนือของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์บนชายฝั่งของอียิปต์
ทะเลแห่งพืชน้ำ ความจริงแล้วก็จะสนับสนุนแนวคิดที่ว่าเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นบนชายฝั่งของประเทศอียิปต์ เพราะดินแดนบริเวณนั้นสอดคล้องกับความหมายของชื่อดังกล่าว พืชน้ำนั้นถูกสร้างขึ้นจากการทับถมของดินบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ
……………………………..
**** ฟิรฺเอาน์ผู้ที่จมอยู่ใต้น้ำ*****
ฮารูน ยะฮฺยา : เขียน
ซากี เริงสมุทร์ และกอมารียะฮ์ อิสมาแอ : แปล
(จากหนังสือ : ประชาชาติที่ถูกทำลาย)
อดทน เพื่อชัยชนะ โพสต์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น