ข้างต้นมาจากคนสองกลุ่ม กลุ่มที่หนึ่ง คือกลุ่มที่อ้างว่า เมื่อนบี ศอ็ลฯไม่ห้ามก็ทำไปเถอะ จึงมี่พิธีกรรมเกิดขึ้นใหม่มากมากมายโดยอ้างกฏข้อนี้ ใครห้ามก็ถูกกล่าวหาว่าสร้างฟิตนะฮ ทำให้คนแตกแยก และกลุ่มที่สองคือกลุ่มโลกสวย ไม่ยากทำตัวให้คนเกลียดจัง ก็มักจะบอกว่า อย่าเสียเวลาทะเลาะกันเล้ย..ใครถูกใครผิดอัลลอฮตัดสินเอง
ความจริงถ้าทุกคนคิดที่จะลอยตัวเหนือปัญหา ไครทำอะไร ใครทำผิด ทำถูก ก็ช่าง เอาไว้ให้อัลลอฮตัดสินเอง การพูดแบบนี้ คนพูดไม่ทราบเลยหรือว่า คนที่จะถูกตัดสินลงโทษด้วยคือ คนที่ไม่รับผิดชอบต่อสังคม
เขาไม่ได้ตระหนักเลยว่า "มุสลิมคือ คนที่อยู่ในเรือลำเดียวกัน
النعمان بن بشير أن النبي قال: ((مَثَلُ الْقَائِمِ عَلَى حُدُودِ اللَّهِ وَالْوَاقِعِ فِيهَا كَمَثَلِ قَوْمٍ اسْتَهَمُوا عَلَى سَفِينَةٍ، فَأَصَابَ بَعْضُهُمْ أَعْلاهَا وَبَعْضُهُمْ أَسْفَلَهَا، فَكَانَ الَّذِينَ فِي أَسْفَلِهَا إِذَا اسْتَقَوْا مِنَ الْمَاءِ مَرُّوا عَلَى مَنْ فَوْقَهُمْ، فَقَالُوا: لَوْ أَنَّا خَرَقْنَا فِي نَصِيبِنَا خَرْقًا وَلَمْ نُؤْذِ مَنْ فَوْقَنَا، فَإِنْ يَتْرُكُوهُمْ وَمَا أَرَادُوا هَلَكُوا جَمِيعًا، وَإِنْ أَخَذُوا عَلَى أَيْدِيهِمْ نَجَوْا وَنَجَوْا جَمِيعًا
รายงานจากอัลนุอฺมาน บิน บาชีร (ร.ฎ) กล่าวว่า “อุปมาผู้ที่ยืนหยัดอยู่บนกฎข้อห้ามของอัลลอฮ(ปฎิบัติตามกฏข้อห้ามต่างๆของอัลลอฮ) และผู้ที่ได้ตกอยู่ในมัน(ตกอยู่ในการฝ่าฝืนกฎข้อห้ามของอัลลอฮ)อุปมัยดังเช่น กลุ่มชนหนึ่ง พวกเขาได้มีการจับฉลากกันบนเรือลำหนึ่ง แล้วส่วนหนึ่งของพวกเขา ได้(อยู่)ชั้นบนของเรือ และส่วนหนึ่งของพวกเขาได้อยู่ชั้นล่างของเรือลำนั้น แล้วบรรดาผู้ที่อยู่ในชั้นล่างของเรือ เมื่อพวกเขาต้องการดื่มน้ำ พวกก็เดินผ่านผู้ที่อยู่เบื้องบนของพวกเขา ดังนั้นพวกเขา(พวกที่อยู่ชั้นล่าง)จึงกล่าวว่า “ถ้าพวกเราเจาะรูสักรูหนึ่งในส่วนของพวกเรา(เพื่อจะเอาน้ำมาใช้)และพวกเราก็จะไม่ทำความเดือดร้อนแก่ผู้ที่อยู่ข้างบนของพวกเรา ,ดังนั้น หากพวกเขา(พวกที่อยู่ชั้นบน)ปล่อยให้พวกเขา(พวกที่อยู่ชั้นล่างของเรือ)ทำตามความต้องการของพวกเขา แน่นอนพวกเขาทั้งหมด ก็จะประสบกับความวิบัติ และถ้าหากพวกเขายับยั้งพวกนั้นไว้(ไม่ให้เจาะท้องเรือ) แน่นอน พวกเขาปลอดภัยและพวกเขาปลอดภัยทั้งหมด” - รายงานโดยบุคอรี
----------------------------------
จากเนื้อหาของหะดิษข้างต้น จะเห็นได้ว่า มุสลิมนอกจากจะต้องรับผิดตนเองแล้ว ก็จะต้องรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย กล่าวคือ จะต้องช่วยกันดูแลคนในสังคมให้ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของศาสนาและจะต้องช่วยกันห้ามและยับยั้งผู้ที่ละเมิดและฝ่าฝืนข้อบังคับของศาสนา เพราะสังคมมุสลิม เปรียบเสมือนการอยู่ร่วมในเรือลำเดียวกัน หากมีใครสักคนเจาะท้องเรือ โดยไม่มีใครห้ามยับยั้ง ห้ามปราม แน่นอนคนโดยสารที่อยู่ในเรือทั้งหมด ก็จมน้ำตาย ในทำนองเดียวกันหากคนในสังคมได้กระทำการฝ่าฝืนกฎข้อบังคับของศาสนาและกระทำสิ่งที่ผิด สิ่งที่ส่งผลร้ายให้แก่คนในสังคม แน่นอน อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็จะเอาผิดคนที่ปล่อยปละละเลยเช่นกัน
อนึ่ง อิสลามคือ ศาสนา ที่มีคำสอนมาจากวะหยูของพระเจ้า คือ อัลกุรอ่าน ผ่านการถ่ายทอดและอรรถาธิบายโดยศาสนทูตคือ มุหัมหมัด ศอ็ลฯ ซึ่งมาในรูปของอัสสุนนะฮ ถ้าสองสิ่งนี้ ยังไม่ได้รับความไว้วางใจในการติดสินว่าใครถูก ใครผิด แต่ต้องคอยให้อัลลอฮตัดสินในวันกิยามะฮอย่างเดียว แล้วศาสนาอิสลามที่นับถือกันอยู่ในดุนยาตอนนี้ จะมีประโยชน์อะไร วัลอิยาซุบิลละฮ
والله أعلم بالصواب
.....................
อะสัน หมัดอะดั้ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น