การเลี้ยงดูบุตร
คือ การดูแลผู้เยาว์หรือผู้ไร้เดียงสาและปกป้องให้พ้นจากภัยอันตรายรวมทั้งอบรมบ่มนิสัย
และให้ความอุปถัมภ์ค้ำจุน เพื่อให้ดำรงอยู่ได้ด้วยตัวเอง
สิทธิในการปกครองเด็กมี 2
ประเภท
ประเภทที่
1 พ่อมีสิทธิเหนือกว่าแม่ คือ สิทธิปกครองเรื่องทรัพย์สินและการแต่งงาน
ประเภทที่
2 แม่มีสิทธิเหนือกว่าพ่อ คือ
สิทธิปกครองเรื่องการเลี้ยงดูและการให้นม
ผู้ที่สมควรให้การเลี้ยงดูบุตร
การเลี้ยงดูบุตรเป็นหนึ่งในความดีงามของอิสลาม
และอิสลามให้ความสำคัญกับผู้เยาว์
เมื่อพ่อแม่มีเรื่องทะเลาะวิวาทและเกิดเรื่องหย่ากัน ในขณะที่ทั้งสองมีบุตรที่ต้องให้การเลี้ยงดู
ผู้ที่สมควรให้การเลี้ยงดูระหว่างพ่อกับแม่ คือ แม่ เนื่องจากแม่มีความเมตตาสงสาร นุ่มนวลดีกว่าใครๆ
และเป็นผู้ที่มีความอดทน สามารถให้การอบรมบ่มนิสัยดีกว่า
เมื่อผู้เป็นแม่มีอุปสรรคไม่สามารถให้การเลี้ยงดูได้
ก็เป็นหน้าที่ของยายหรือผู้ที่อยู่ในลำดับที่สูงขึ้นไป ถ้าหากยายมีอุปสรรคทำการเลี้ยงดูไม่ได้ ก็เป็นหน้าที่ของพี่สาวหรือน้องสาวของแม่(น้าหรือป้า)
ถ้ามีอุปสรรค์อีกก็เปลี่ยนมาเป็นหน้าที่ของพ่อ หลังจากนั้นย่าหรือผู้ที่อยู่ในลำดับที่สูงขึ้นไป หลังจากนั้นเป็นหน้าที่ของปู่
หลังจากนั้นแม่ของปู่ หรือผู้ที่อยู่ในลำดับที่สูงขึ้นไป
หลังจากนั้นเปลี่ยนมาเป็นหน้าที่ของพี่น้องสาวพ่อแม่เดียวกัน พี่น้องสาวแม่เดียวกัน พี่น้องสาวพ่อเดียวกัน ตามลำดับ หลังจากนั้นเป็นหน้าที่ของพี่สาวหรือน้องสาวของพ่อหรือผู้ที่อยู่ลำดับใกล้ชิดหลังจากเขา
การเลิกภาระการเลี้ยงดู
ในเมื่อผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุดปฏิเสธให้การเลี้ยงดูหรือไม่มีความสามารถหรือไม่สมควรให้การเลี้ยงดู
หน้าที่การเลี้ยงดูจะถูกเลื่อนไปทางผู้เหมาะสมหลังจากเขา และเมื่อแม่ได้แต่งงานใหม่สิทธิการเลี้ยงดูของนางจะสิ้นสุดลง
และการเลี้ยงดูก็เลื่อนไปทางผู้ที่เหมาะสมหลังจากนางนอกจากสามีใหม่ของนางได้ยินยอมให้นางเลี้ยงดู
ผู้เยาว์จะอยู่กับใครเมื่อบรรลุศาสนภาวะ?
1.
เมื่อเด็กอายุครบเจ็ดขวบและมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ให้เขาเลือกว่าจะอยู่กับพ่อหรือกับแม่
และไม่อนุญาตให้เด็กอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ที่ไม่สามารถจะปกป้องเด็กให้พ้นจากความชั่วร้าย
และคนกาฟิรไม่อนุญาตให้การเลี้ยงดูแก่เด็กมุสลิม
2.
เด็กหญิงเมื่ออายุครบเจ็ดขวบควรจะอยู่กับพ่อหากได้รับการอุปการะเลี้ยงดูอย่างดี
และไม่ได้รับผลกระทบที่เสียหายจากแม่เลี้ยง ถ้าไม่แล้วควรจะกลับไปอยู่กับแม่
3.
เด็กชายเมื่อบรรลุศาสนภาวะจะไปอยู่กับใครก็ได้
ส่วนเด็กหญิงนั้นต้องอยู่กับพ่อจนกว่าจะแต่งงานและสามีรับไปอยู่ด้วยกับเขา
และพ่อไม่มีสิทธิที่จะหักห้ามเธอหากเธอจะไปเยี่ยมแม่ของเธอหรือแม่ของเธอจะมาเยี่ยมเธอ
.......................................
มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม บิน อับดุลลอฮฺ อัต-ตุวัยญิรีย์
محمد بن إبراهيم بن عبدالله التويجري
แปลโดย: ริซัลย์ สะอะ
ترجمة: ريزال أحمد
ตรวจทาน: ฟัยซอล อับดุลฮาดี
مراجعة: فيصل عبدالهادي
จากหนังสือ: มุคตะศ็อร อัล-ฟิกฮฺ อัล-อิสลามีย์
المصدر: كتاب مختصر الفقه الإسلامي
สำนักงานความร่วมมือเพื่อการเผยแพร่และสอนอิสลาม อัร-ร็อบวะฮฺ กรุงริยาด
المكتب التعاوني للدعوة وتوعية الجاليات بالربوة بمدينة الرياض
1429 – 2008
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น