อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558

ชี้แจงการบิดเบือนของ ลัทธิชีอะห์ ยกอายะฮ ที่ 24 ของ ซูเราะฮ์ อันนิซาอ์




ชี้แจงการบิดเบือนของ ลัทธิชีอะห์ ยกอายะฮ ที่ 24 ของ ซูเราะฮ์ อันนิซาอ์ เพียงครึ่งเดียว เพื่อหลอก มุตอะห์ สาวๆ รายชั่วโมง

คำกล่าวอ้างของลัทธิ ชีอะห์
“ อายะฮ์ที่ 24 ซูเราะฮ์ อันนิซาอ์ “ หมายถึง การแต่งงานแบบมุตอะฮ์ อัลลอฮ์ ตะอาลา ตรัสว่า
فَمَا اسْتَمْتَعْتُمْ بِهِ مِنْهُنَّ فَآَتُوهُنَّ أُجُورَهُنَّ فَرِيضَةً وَلَا جُنَاحَ عَلَيْكُمْ فِيمَا تَرَاضَيْتُمْ بِهِ مِنْ بَعْدِ الْفَرِيضَةِ إِنَّ اللَّهَ كَانَ عَلِيمًا حَكِيمًا
ดังนั้นหญิงใดที่พวกเจ้าได้ทำการนิกะห์มุตอะฮ์กับนางจากบรรดาหญิงเหล่านั้น ก็จงให้แก่พวกนาง ซึ่งสินตอบแทนแก่พวกนางตามที่มีกำหนดไว้
และไม่เป็นบาปใดๆแก่พวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าต่างพอใจต่อกันในสิ่งนั้น หลังจากที่มีการกำหนดนั้นขึ้น แท้จริงอัลลอฮ์ คือผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณยิ่ง
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

คำชี้แจง
1. ตัวอย่างอายะฮ ที่ 24 ซูเราะฮ อันนิสาอฺ เต็มๆ ที่มาที่ไปอัลลอฮ ตรัสเรื่องอะไร พร้อมคำอธิยายย่อๆ จากสมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ
وَالْمُحْصَنَاتُ مِنَ النِّسَاء إِلاَّ مَا مَلَكَتْ أَيْمَانُكُمْ كِتَابَ اللَّهِ عَلَيْكُمْ وَأُحِلَّ لَكُم مَّا وَرَاء ذَلِكُمْ أَن تَبْتَغُواْ بِأَمْوَالِكُم مُّحْصِنِينَ غَيْرَ مُسَافِحِينَ فَمَا اسْتَمْتَعْتُم بِهِ مِنْهُنَّ فَآتُوهُنَّ أُجُورَهُنَّ فَرِيضَةً وَلاَ جُنَاحَ عَلَيْكُمْ فِيمَا تَرَاضَيْتُم بِهِ مِن بَعْدِ الْفَرِيضَةِ إِنَّ اللَّهَ كَانَ عَلِيمًا حَكِيمًا
24. และบรรดาหญิงที่อยู่ในปกครองของสามี(*1*)นอกจากที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง(*2*) เป็นบัญญัติของอัลลอฮฺที่มีแก่พวกเจ้า และได้ถูกอนุมัติให้แก่พวกเจ้าที่นอกเหนือจากนั้น(*3*)ในการที่พวกเจ้าจะแสวงหามาด้วยทรัพย์ของพสกเจ้า(*4*) ในฐานะเป็นผู้แต่งงาน(*5*)มิใช่ในฐานะผู้ล่วงประเวณี ดังนั้นหญิงใดที่พวกเจ้าเสพสุขด้วยนางจากบรรดาหญิงเหล่านั้น(*6*) ก็จงให้แก่พวกนาง ซึ่งสินตอบแทนแก่พวกนาง(*7*) ตามที่มีกำหนดไว้และไม่เป็นบาปใด ๆแก่พวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าต่างยินยอมกันในสิ่งนั้น(*8*) หลังจากที่มีกำหนดนั้นขึ้นแท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ
----------------
(1) เป็นหญิงที่ถูกห้ามมิให้แต่งงานด้วยเช่นเดียวกัน
(2) หญิงที่มีสามี แต่ตกเป็นเชลยศึก แล้วถูกมอบให้เป็นกรรมสิทธิในฐานะหญิงทาส หญิงประเภทนี้อนุมัติให้ผู้เป็นนายสมสู่กับนางได้หลังจากที่นางพ้นอิดดะฮ์ โดยไม่ต้องทำพิธีสมรส แต่ถ้าเป็นชายอื่นต้องต่อสู่ขอจากผู้เป็นนาย และทำพิธีสมรสโดยจ่ายสินตอบแทนให้ ทั้งนี้หลังจากนางพ้นอิดดะฮ์ แล้วเช่นเดียวกัน
(3) หมายถึงหญิงที่นอกเหนือจากที่ได้ระบุห้ามไว้
(4) หมายถึงด้วยการจ่ายสินตอบแทน(มะฮัร)ให้แก่นาง
(5) แต่งงานกับนางโดยเจตนาที่จะครองเรือนกับนาง
(6) หญิงที่อนุมัติให้แต่งงานกับนางได้
(7) ให้มะฮัรแก่พวกนาง
(8) ยินยอมที่จะลดหรือเพิ่มมะฮัรให้หรือจะยกให้ก็ได้ หลังจากที่ได้กำหนดมะฮัรแล้ว
2. มาดู การอธิบายของบรรดานักตัฟสีรที่มีชื่อเสียง ในสำนวนของอายะฮที่ว่า
فَمَا اسْتَمْتَعْتُم بِهِ مِنْهُنَّ فَآتُوهُنَّ أُجُورَهُنَّ فَرِيضَةً
1. อิบนุกะษีร (ขออัลลอฮ เมตตาต่อท่าน) กล่าวว่า
وَالْعُمْدَة مَا ثَبَتَ فِي الصَّحِيحَيْنِ عَنْ أَمِير الْمُؤْمِنِينَ عَلِيّ بْن أَبِي طَالِب قَالَ : نَهَى رَسُول اللَّه صَلَّى عَنْ نِكَاح الْمُتْعَة وَعَنْ لُحُوم الْحُمُر الْأَهْلِيَّة يَوْم خَيْبَر وَلِهَذَا الْحَدِيث أَلْفَاظ مُقَرَّرَة هِيَ فِي كِتَاب الْأَحْكَام وَفِي صَحِيح مُسْلِم عَنْ الرَّبِيع بْن سَبْرَة بْن مَعْبَد الْجُهَنِيّ عَنْ أَبِيهِ أَنَّهُ غَزَا مَعَ رَسُول اللَّه صَلَّى يَوْم فَتْح مَكَّة فَقَالَ " يَا أَيّهَا النَّاس إِنِّي كُنْت أَذِنْت لَكُمْ فِي الِاسْتِمْتَاع مِنْ النِّسَاء وَإِنَّ اللَّه قَدْ حَرَّمَ ذَلِكَ إِلَى يَوْم الْقِيَامَة فَمَنْ كَانَ عِنْده مِنْهُنَّ شَيْء فَلْيُخْلِ سَبِيله وَلَا تَأْخُذُوا مِمَّا آتَيْتُمُوهُنَّ شَيْئًا
และสิ่งที่ถูกมุ่งหมายคือ สิ่งที่ปรากฏแน่นอนในเศาะเฮียะบุคอรีและมุสลิม รายงานจากผู้นำแห่งบรรดาศรัทธาชน อาลี บิน อบีฏอลิบ กล่าวว่า " รซูลุลลอฮ Solallah ได้ห้ามจากการนิกะห์มุตอะฮ และ (การบริโภค)เนื้อลาบ้าน ในวันทำสงครามคอ็ยบัร และสำหรับหะดิษนี้ มีหลายสำนวน ที่ถูกรับรอง ซึ่งมันอยู่ใน บทว่าด้วยเรื่องหุกุมต่างๆ และในเศาะเฮียะมุสลิม รายงานจากอัรรุบัยอฺ บิน สับเราะฮ บิน มุอฺบัด อัลญุฮันนีย์ จากบิดาของเขา ว่า เขาได้ออกไปทำสงครามพร้อมกับรซูลุลลอฮ Solallah ในการพิชิตมักกะฮ แล้วท่านได้กล่าวว่า "โอ้บรรดามนุษย์ทั้งหลาย แท้จริง ข้าพเจ้าได้เคยอนุญาตให้พวกท่านหาความสุขกับบรรดาผู้หญิงได้ (นิกะหมุตอะฮ) และแท้จริงอัลลอฮ ได้ทรงห้าม(นิกะหมุตอะฮ)ดังกล่าวตราบจนถึงวันกิยามะฮ ดังนั้น ผู้ใดมีสิ่งใดจากบรรดาพวกนาง ก็จงปล่อยหนทางของมัน และพวกท่านอย่าเอาสิ่งใดที่พวกท่านมอบให้กับพวกนาง - ดูตัฟสีรอิบนุกะษีร อรรถาธิบาย อายะฮที่ 24 ซูเราะฮอันนิสาอฺ
2. ท่านอิบนุญะรีร (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) กล่าวว่า
قَالَ أَبُو جَعْفَر : وَأَوْلَى التَّأْوِيلَيْنِ فِي ذَلِكَ بِالصَّوَابِ تَأْوِيل مَنْ تَأَوَّلَهُ : فَمَا نَكَحْتُمُوهُ مِنْهُنَّ فَجَامَعْتُمُوهُ فَآتُوهُنَّ أُجُورهنَّ ; لِقِيَامِ الْحُجَّة بِتَحْرِيمِ اللَّه مُتْعَة النِّسَاء عَلَى غَيْر وَجْه النِّكَاح الصَّحِيح أَوْ الْمِلْك الصَّحِيح عَلَى لِسَان رَسُوله صَلَّى اللَّه عَلَيْهِ وَسَلَّمَ
อบูยะอฺฟัร กล่าวว่า “ บรรดาการอรรถาธิบายในเรื่องดังกล่าวที่ถูกต้องที่สุด คือ การอรรถาธิบาย ของผู้ที่อรรถาธิบายมันว่า “ ดังนั้น ผู้หญิงใดที่พวกเจ้าได้แต่งงานกับนางจากบรรดาหญิงเหล่านั้น แล้วพวกเจ้าได้ร่วมหลับนอนกับนาง ดังนั้นจงมอบสินสอดให้แก่พวกนาง” เพราะมีหลักฐานได้ยืนยันถึงการที่อัลลอฮทรงห้ามมุตอะฮ(หาความสุขชั่วคราว)กับบรรดาผู้หญิง โดยไม่ผ่านวิธีการแต่งงานที่ถูกต้อง หรือ การครอบครองที่ถูกต้อง(กรณีเป็นทาสหญิง) บนคำพูดของรอซูลของพระองค์ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม – ดูตัฟสีร อิบนุญะรีร อัฏฏอ็บรีย์ อรรถาธิบาย อายะฮที่ 24 ซูเราะฮอันนิสาอฺ
……………..
แสดงให้เห็นว่า “คำว่า “فَمَا اِسْتَمْتَعْتُمْ بِهِ مِنْهُنَّ”( ดังนั้น หญิงใดที่พวกเจ้าเสพสุขกับนาง จากบรรดาหญิงเหล่านั้น) หมายถึง การแต่งงานที่ถูกต้อง เป็นการแต่งงานเพื่ออยู่กันตลอดไป ไม่ใช่ เพื่อสนองตัญหาชั่วคราวตามความเข้าใจ ของชีอะฮ
ท่านอิบนุญะรีร ได้คัดค้านรายงานนี้ว่า
وَأَمَّا مَا رُوِيَ عَنْ أُبَيّ بْن كَعْب وَابْن عَبَّاس مِنْ قِرَاءَتهمَا : " فَمَا اِسْتَمْتَعْتُمْ بِهِ مِنْهُنَّ إِلَى أَجَل مُسَمًّى " فَقِرَاءَة بِخِلَافِ مَا جَاءَتْ بِهِ مَصَاحِف الْمُسْلِمِينَ , وَغَيْر جَائِز لِأَحَدٍ أَنْ يُلْحِق فِي كِتَاب اللَّه تَعَالَى شَيْئًا لَمْ يَأْتِ بِهِ الْخَبَر الْقَاطِع الْعُذْر عَمَّنْ لَا يَجُوز خِلَافه
และสำหรับสิ่งที่ถูกรายงานมาจากอบี อุบัย บิน กะอับ และอิบนุอับบาส เกี่ยวกับการอ่านของคนทั้งสองว่า
“فَمَا اِسْتَمْتَعْتُمْ بِهِ مِنْهُنَّ إِلَى أَجَل مُسَمًّى
(ดังนั้น หญิงใดที่พวกเจ้าเสพสุขกับนาง จากบรรดาหญิงเหล่านั้น จนถึงเวลาที่ถูกกำหนดไว้)
เป็นการอ่านที่ขัดแย้งกับสิ่งที่ บรรดาคัมภีร์ของมุสลิม ได้นำมาด้วยมัน และไม่อนุญาตแก่คนหนึ่งคนใด นำสิ่งใดๆที่ไม่ปรากฏรายงานที่ตัดข้ออ้างจากผู้ที่ไม่อนุญาตให้เห็นต่างกับมัน(คือไม่ปรากฏรายงานที่เป็นหลักฐานที่เด็ดขาด) มาเพิ่มเติมในคัมภีร์ของอัลลอฮตาอาลา - ดูตัฟสีร อิบนุญะรีร อัฏฏอ็บรีย์ อรรถาธิบาย อายะฮที่ 24 ซูเราะฮอันนิสาอฺ
............
หมายถึง รายงานสำนวนข้างต้น ไม่ปรากฏในบรรดาคัมภีร์ของอัลลอฮเล่มใดที่บรรดามุสลิมมีอยู่ และ ไม่อนุญาตให้นำสิ่งใดที่ไม่ใช่หลักฐานที่เด็ดขาดที่สามารถมาหักล้างข้ออ้างของผู้ที่เห็นต่างได้ มาเพิ่มเติมในคัมภีร์ของอัลลอฮ ตะอาลา และขอเรียนว่า รายงานที่อ้างอิบนุอับบาส ว่า ท่านได้อรรถาธิบายว่า “ เป็นการหาความสำราญกับหญิงโดยมีกำหนดเวลานั้น เป็นรายงานที่ผิดเพี้ยน(ชาซ) ไปจากรายงานอื่นๆ ซึ่งเอามาเป็นหลักฐานไม่ได้
3. อิหม่ามชิฮาบุดดีน อัลอะลูซีย์ (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
فإذا استمتعتم وهو يدل على أن المراد بالاستمتاع هو الوطء والدخول لا الاستمتاع بمعنى المتعة التي يقول بها الشيعة والقراءة التي ينقلونها عمن تقدم من الصحابة شاذة
คำว่า “ดังนั้นเมื่อพวกเจ้าเสพสุข” โดยที่ มันแสดงบอกว่า ความหมายของคำว่า “เสพสุข” คือ การร่วมเพศ ไม่ใช่เสพสุข ด้วยความหมายว่า “มุตอะฮ(การเสพสุขชั่วคราว) ตามที่ชีอะฮ กล่าว และ การอ่านที่พวกเขาได้รายงานมัน จากผู้ที่อยู่ในยุคก่อนจากเหล่าเศาะหาบะฮนั้น(หมายถึงรายงานอิบนุอับาสที่ถูกนำมาอ้างเรื่องนิกะห์มุตอะฮ) เป็นรายงานที่เพี้ยน(หมายถึง แปลกแยกไปจากรายงานอื่นๆ) – ดู ตัฟสีร อะลูซีย์ เล่ม 5 หน้า 7
4. อิหม่ามอัลกุรฏุบีย์(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) กล่าวว่า
قَالَ اِبْن الْعَرَبِيّ : وَقَدْ كَانَ اِبْن عَبَّاس يَقُول بِجَوَازِهَا , ثُمَّ ثَبَتَ رُجُوعه عَنْهَا , فَانْعَقَدَ الْإِجْمَاع عَلَى تَحْرِيمهَا ; فَإِذَا فَعَلَهَا أَحَد رُجِمَ فِي مَشْهُور الْمَذْهَب
อิบนุอะเราะบีย์ กล่าวว่า “ ปรากฏว่า อิบนุอับบาส กล่าวถึงการอนุญาตของมัน(ของนิกะหมุตอะฮ) ต่อมา ได้มีการยืนยันถึงการกลับคำของเขา(อิบนุอับบาส)จากมัน ดังนั้น จึงกลายเป็นมติของนักวิชาการ(อัลอิจญมาอฺ) ถึงการห้ามมัน ดังนั้น เมื่อคนใดได้กระทำมัน(กระทำมุตอะฮ) เขาจะถูกลงโทษด้วยการขว้างด้วยก้อนหิน ตามทัศนะของมัซฮับที่แพร่หลาย - ดูตัฟสีร อัลกุรฏุบีย์ อรรถาธิบาย อายะฮที่ 24 ซูเราะฮอันนิสาอฺ
5. อิหม่ามอัลบัฆวีย์(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) กล่าวว่า
اتفق العلماء على تحريم نكاح المتعة، وهو كالإجماع بين المسلمين، وروي عن ابن عباس شيء من الرخصة للمضطر إليه بطول الغربة، ثم رجع عنه حيث بلغه النهي
บรรดานักวิชาการเห็นฟ้องกัน ว่า การนิกะหฺมุตอะฮเป็นสิ่งต้องห้าม และมันเป็นมติเอกฉันท์ระหว่างมุสลิมทั้งหลาย และมีสิ่งหนึ่งได้ถูกรายงานจากอิบนุอับบาส ว่า ได้การผ่อนปรนแก่ผู้ที่อยู่ในภาวะจำเป็นอันเนื่องมาจากอยู่ต่างถิ่นเป็นเวลานาน ต่อมาเขา(อิบนุอับบาส)ได้กลับคำ หลังจากที่ข่าวการห้าม(การมุตอะฮ)ได้มาถึงเขา – ชัรหุสสุนนะฮ เล่ม ๙ หน้า
การโดยสรุป อายะฮ ที่ 24 ใน ซูเราะฮ อันนิสา มิได้มีความเกี่ยวข้องกับ มุตอะห์ ของลัทธิ ชีอะห์ แต่อย่างใด ขอให้ลัทธิ ชีอะห์ เลิกใช้พฤติกรรม อ้างกุรอาน เพื่อทำพฤติกรรม โฉดชั่ว หากินบนเรือนร่างสตรี เสีย
โอ้อัลลอฮ ซ.บ.ขอพระองค์ทรงให้ มุสลิมที่แท้จริง ห่างไกลจาก ความเลวทราม ของลัทธิ ชีอะห์ ด้วยเถิด อามีนนนน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น