อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557

อย่าเป็นคนมีนิสัยญะฮีลิยะห์กับพี่น้องมุสลิม



บทเรียนจากหะดีษของอะบูซัร

عَنِ الْمَعْرُورِ بْنِ سُوَيْدٍ قَالَ مَرَرْنَا بِأَبِى ذَرٍّ بِالرَّبَذَةِ وَعَلَيْهِ بُرْدٌ وَعَلَى غُلاَمِهِ مِثْلُهُ فَقُلْنَا يَا أَبَا ذَرٍّ لَوْ جَمَعْتَ بَيْنَهُمَا كَانَتْ حُلَّةً. فَقَالَ إِنَّهُ كَانَ بَيْنِى وَبَيْنَ رَجُلٍ مِنْ إِخْوَانِى كَلاَمٌ وَكَانَتْ أَمُّهُ أَعْجَمِيَّةً فَعَيَّرْتُهُ بِأُمِّهِ فَشَكَانِى إِلَى النَّبِىِّ -صلى الله عليه وسلم- فَلَقِيتُ النَّبِىَّ -صلى الله عليه وسلم- فَقَالَ « يَا أَبَا ذَرٍّ إِنَّكَ امْرُؤٌ فِيكَ جَاهِلِيَّةٌ ». قُلْتُ يَا رَسُولَ اللَّهِ مَنْ سَبَّ الرِّجَالَ سَبُّوا أَبَاهُ وَأُمُّهُ. قَالَ « يَا أَبَا ذَرٍّ إِنَّكَ امْرُؤٌ فِيكَ جَاهِلِيَّةٌ هُمْ إِخْوَانُكُمْ جَعَلَهُمُ اللَّهُ تَحْتَ أَيْدِيكُمْ فَأَطْعِمُوهُمْ مِمَّا تَأْكُلُونَ وَأَلْبِسُوهُمْ مِمَّا تَلْبَسُونَ وَلاَ تُكَلِّفُوهُمْ مَا يَغْلِبُهُمْ فَإِنْ كَلَّفْتُمُوهُمْ فَأَعِينُوهُمْ ».
أخرجه البخاري في صحيحه برقم: 30، ومسلم في صحيحه برقم: 4403، واللفظ له


ความว่า จากอัลมะอฺรูร บิน สุวัยด์ กล่าวว่า ฉันได้เดินผ่านอะบูซัร ณ ร่อบะซะห์ ซึ่งมีชิ้นผ้าบนตัวท่านและคนรับใช้ของท่านเช่นเดี่ยวกัน พวกเราจึงกล่าวว่า โอ้ อะบูซัร หากเจ้ารวบรวม (ชิ้นผ้า) ระหว่างเจ้าสองคน แน่นอนมันสามารถเป็นเสื้อผ้าได้ อะบูซัร จึงกล่าวว่า แท้จริงแล้ว ระหว่างฉันและชายคนหนึ่งจากพี่น้องของฉัน(เกิดการใช้) คำพูด (ที่กระทบกระทั่งกัน) ซึ่งแม่ของเขาไม่ได้เป็นชาวอาหรับ ฉันเลยตำหนิเขาด้วยมารดาของเขา และแล้วเขาก็ได้ไปร้องเรียนต่อท่านนะบี ศ็อลลอลเลาะห์อะลัยฮิวะสัลลัม เมื่อฉันได้เจอท่านนะบี ท่านนะบีจึงกล่าวแก่ฉันว่า โออะบูซัร แท้จริงเจ้านั้น เป็นบุคคลคนหนึ่งที่มีในตัวเจ้าสิ่งที่เป็นญาฮิลียะห์ ฉันจึงกล่าวว่า โอ้ ท่านร่อซูลุลเลาะห์ ผู้ใดด่าว่าลูกผู้ชาย แน่นอนพวกเขาจะต้องโต้ตอบด่าว่าพ่อแม่ของเขา นะบีก็กล่าวอีกว่า โอ้ อะบูซัร แท้จริงเจ้านั้น เป็นบุคคลคนหนึ่งที่มีในตัวเจ้าสิ่งที่เป็นญาฮิลียะห์ พวกเขาเหล่านั้นคือพี่น้องของพวกเจ้า พระองค์อัลลอฮฺได้ทำให้พวกเขาเหล่านั้นอยู่ภายใต้การดูแลของพวกเจ้า ดังนั้น พวกเจ้าจงให้อาหารแก่พวกเขา จากสิ่งที่พวกเจ้าได้กิน พวกเจ้าจงสวมใส่เสื้อผ้าแก่พวกเขาจากสิ่งที่พวกเจ้าสวมใส่ พวกเจ้าอย่่าได้สั่งใช้พวกเขาทำในสิ่งที่เกินความสามารถของพวกเขา หากพวกเจ้าสั่งใช้พวกเขา ก็จงช่วยเหลือพวกเขา

บทเรียนที่ได้จากหะดีษนี้มีดังนี้

๑. ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม แม้พวกเขาจะมีฐานะทางสังคมต่ำต้อยกว่ามุสลิมบางคน หรืออาจจะมาจากครอบครัวที่ไม่มีฐานะก็ตาม แต่พวกเขาเหล่านั้นเป็นพี่น้องกัน

๒. ไม่ควรอย่างยิ่งที่พี่น้องมุสลิมจะตำหนิหรือว่าร้ายพี่น้องมุสลิมด้วยกันโดยการใช้วาจาหรือคำพูดที่อิสลามไม่อนุญาติ หากเห็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับพี่น้องของเขา สิ่งที่เขาจะต้องทำ คือ การนะศีหะห์ ด้วยวิธีการที่ดี อย่างมีหิกมะห์ ไม่ใช่ใส่ร้ายหรือประจางเขา ซึ่งระหว่างนะศีหะห์กับประจางมีความแตกต่างอย่างแน่นอนและเห็นชัด

๓. มุสลิมบางคนอาจมีนิสัยญะฮีลิยะห์อยู่ในตัว ซึ่งญะฮิลียะห์ ณ ที่นี้ หมายถึง สิ่งที่ไม่ใช่อิสลามแต่อย่างใด หรือนักวิชาการร่วมสมัยหลายท่านให้ความหมายว่า สิ่งที่เป็นกุฟร์ และการที่มุสลิมมีนิสัยของคนกาฟิรอยู่ในตัวของเขา หรือไปพูดด้วยคำพูดที่เป็นกุฟร์ หรือไปกระทำด้วยการกระทำที่เป็นกุฟร์ มิได้มีความหมายว่า เขาผู้นั้นได้ตกมุรตัดและเป็นกาฟิร เว้นแต่ว่า เขาจะรู้ดีว่ามันเป็นสิ่งต้องห้าม แต่กลับตัดสินว่ามันเป็นที่อนุญาติในอิสลาม เช่น คนที่พูดโกหก แน่นอนการโกหกไม่ใช่นิสัยที่มาจากอิสลามอย่างแน่นอน คนที่โกหกก็รู้ดีว่า การโกหกเป็นสิ่งต้องห้าม หากเขาเห็นสิ่งต้องห้ามว่า มันเป็นสิ่งฮะลาล แน่นอนเขาจะตกมุรตัด ซึ่งมุสลิมหลายคนอาจกระทำมะศียะห์โดยที่เขาเองก็รู้ว่ามันเป็นมะศียะห์

๔. อย่าได้ใช้อารมณ์ในการตัดสินผู้อื่น เพราะการใช้อารมณ์จะทำให้เขาเกิดความผิดพลาดในการตัดสิน

๕.มุสลิมเป็นพี่น้องกัน มีอะไรก็ควรแบ่งปันซึ่งกันและกัน อย่าดูดายพี่น้องของท่านที่ตกอยู่ในความลำบาก ทั้งๆที่ท่านสามารถช่วยเหลือเขาได้

๖. คนที่เป็นนายคน ไม่ควรมอบมายงานให้กับคนที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาโดยไม่ประเมินความสามารถของเขาในการปฎิบัติงานนั้นๆ หากสิ่งท่านมอบมายให้กับลูกน้องของท่านเกินความสามารถของเขา ก็จงช่วยเหลือเขาในการทำภารกิจให้สำเร็จ

ขอให้ทุกคนเป็นพี่น้องกัน แม้จะแตกต่างทางความคิด ก็อย่าได้ทำให้หัวใจของการเป็นมุสลิมแตกแยกเลย มีอะไรที่ผิดพลาดก็จงใช้ระบบการนะศีหะห์ เพราะไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบนอกท่านนะบีศ็อลลอลเลาะห์อะลัยฮิวะสัลลัม



.............................
ผศ.ดร.อิบรอเฮม  สือแม




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น