อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ผู้ทรงรู้ความลับในหัวอกของมนุษย์



ซูเราะฮฺ อัล-มุลก์ อายะฮฺที่ 13 - 15
...........................................................

ความหมาย อายะฮฺ ที่ 13
ไม่ว่าสูเจ้าจะปิดบังคำพูดของสูเจ้า หรือพูดออกมาดัง ๆ (มันก็เหมือนกันสำหรับอัลลอฮฺ) พระองค์ทรงรู้ความลับที่อยู่ในหัวอกของสูเจ้า (1)

ความหมาย อายะฮฺ ที่ 14
ผู้ทรงสร้างจะไม่รู้กระนั้นหรือ ? (2) พระองค์เป็นผู้ทรงรู้อย่างถี่ถ้วน (3) และทรงรอบรู้

ความหมาย อายะฮฺ ที่ 15
พระองค์คือผู้ทรงทำให้แผ่นดินเป็นประโยชน์สำหรับสูเจ้า ดังนั้น จงเดินไปตามขอบเขตของมันและจงกินสิ่งที่อัลลอฮฺทรงจัดเตรียมไว้ให้ (4) และยังพระองค์ที่สูเจ้าจะต้องฟื้นคืนชีพขึ้นมา (5)
..................................................

(1) นี่เป็นการพูดกับมนุษย์ทุกคนไม่ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ศรัทธาหรือผู้ปฏิเสธ สำหรับผู้ศรัทธามันมีข้อตักเตือนว่า ขณะที่มีชีวิตอยู่บนโลก เขาจะต้องจดจำไว้เสมอว่าไม่เพียงแต่การกระทำที่เปิดเผยและซ่อนเร้นของเขาเท่านั้น แม้แต่เจตนาลับ ๆ และความคิดลึก ๆ ของเขาก็ไม่อาจถูกซ่อนเร้นไปจากอัลลอฮฺได้ สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธ นี่เป็นการตักเตือนว่าเขาจะทำอะไรก็ได้ที่เขาต้องการโดยไม่กลัวพระเจ้า แต่ไม่มีสิ่งใดที่เขาทำจะสามารถรอดพ้นไปจากการเฝ้ามองของพระองค์ได้

(2) ตรงนี้สามารถแปลได้อีกอย่างหนึ่งว่า “พระองค์จะไม่รู้ถึงสิ่งที่พระองค์สร้างขึ้นมาเองหรือ ?” ในที่นี้ได้มีการใช้คำว่า مَنْ خَلَقَ ซึ่งอาจหมายถึง “ผู้ที่ได้สร้าง” และ “ผู้ที่พระองค์ได้ทรงสร้างมา” ในทั้งสองกรณี ความหมายก็ยังคงเหมือนเดิม นี่เป็นข้อโต้แย้งสำหรับสิ่งที่ได้ถูกกล่าวไว้ในประโยคก่อนหน้านี้ นั่นคือ เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ทรงสร้างจะไม่รู้ถึงสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมา ? สิ่งถูกสร้างอาจจะไม่รู้จักตัวเอง แต่ผู้สร้างไม่มีทางที่จะไม่รู้ พระองค์ทรงสร้างเส้นเลือดทุกเส้นในหัวใจ ในสมองและในร่างกายของสูเจ้า สูเจ้าหายใจได้ก็เพราะพระองค์ทรงทำให้สูเจ้าสามารถหายใจได้ อวัยวะของสูเจ้าทำงานได้ก็เพราะพระองค์ทรงทำให้มันทำงานได้ แล้วมีสิ่งใดของสูเจ้าที่จะซ่อนเร้นไปจากพระองค์ ?

(3) คำว่า للَّطِيفُ หมายถึง ผู้ทำงานในลักษณะที่ไม่อาจนึกถึงและผู้ที่รู้ถึงสัจธรรมและความจริงที่ซ่อนเร้น

(4) นั่นคือ “โลกนี้ไม่ได้เอื้ออำนวยประโยชน์ต่อสูเจ้าตามความต้องการของมันเอง และปัจจัยทั้งหลายที่สูเจ้ากำลังกินอยู่นั้นก็ไม่ได้มีอยู่ที่นี่โดยตัวของมันเอง แต่อัลลอฮฺต่างหากที่ได้ทรงจัดเตรียมไว้ให้ด้วยความปรีชาสามารถและอำนาจของพระองค์ พระองค์ต่างหากที่ทำให้ชีวิตของสูเจ้าเป็นไปได้บนโลกนี้และทำให้โลกอันสวยงามใบนี้มีความสงบ จนสูเจ้าสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างสบายใจและกลายเป็นโต๊ะอาหารขนาดมหึมาที่เต็มไปด้วยอาหารมากมายหลายชนิดจนนับไม่ถ้วน ถ้าหากสูเจ้าไม่หลงผิดและมองดูตัวเองด้วยการใช้สติปัญญา สูเจ้าจะพบความปรีชาสามารถอันมากมายที่อยู่ภายใต้การทำให้โลกนี้เป็นที่อาศัยและการจัดเตรียมปัจจัยอย่างมากมายสำหรับสูเจ้า
..........................................................

จากหนังสือ : ตัฟฮีมุลกุรอาน ความหมาย คัมภีร์ อัล-กุรอาน เล่ม 8 //อรรถาธิบายโดย : เมาลานา ซัยยิด อบุล อะลา เมาดูดี // แปลโดย : บรรจง บินกาซัน
อดทน เพื่อชัยชนะ โพสต์





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น