อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เสียงของผู้หญิง



อิสลามห้ามผู้หญิงพูดคุยนิ่มนวลอ่อนหวานและพุดจาเพราะพริ้งในอากัปกิริยาที่บ่งชี้ถึงการเร้าและยั่วยวนต่อเพศชายซึ่งไม่ใช่สามีของตนเอง เพราะคำพูดที่อ่อนหวานที่ได้ล่อลวงผู้ที่มีหัวใจเป็นโรคที่กระตุ้นจากกิเลสตัณหา เป็นที่มาของการล่อลวงหรือการเย้ายวนใจต่อบุรุษเพศ

พระองค์อัลลอฮฺ (ศุบฮานะฮูวะตะอาลา) ตรัสว่า

إِنِ اتَّقَيْتُنَّ فَلَا تَخْضَعْنَ بِالْقَوْلِ فَيَطْمَعَ الَّذِي فِي قَلْبِهِ مَرَضٌ وَقُلْنَ قَوْلًا مَّعْرُوفًا

"...หากพวกเธอยำเกรง (อัลลอฮฺ) ก็ไม่ควรพูดจาเพราะพริ้งนัก เพราะจะทำให้ผู้ที่ในหัวใจของเขามีโรคเกิดความโลภ แต่จงพูดด้วยถ้อยคำที่พอเหมาะพอควร" (อัลกุรอาน สูเราะฮ์อัล-อะห์ซาบ, 33: 32)

และให้มีการสนทนาระหว่างชายหญิงด้วยเสียงที่พอเหมาะพอควร ผู้หญิงจะต้องลดเสียงของหล่อนลงเพื่อให้พูดแผ่วๆ หรือแม้กระทั่งเงียบไปเลย เว้นแต่ขณะที่นางพูดกับสามีของนาง ผู้ปกครงอของนาง หรือชายอื่นที่ห้ามในการแต่งงาน หรือผู้หญิงด้วยกัน เพราะดังพระองค์อัลลอฮฺตะอาลา ตรัสว่า

"وَقُلْنَ قَوْلًا مَّعْرُوفًا" (แต่จงพูดด้วยถ้อยคำที่พอเหมาะพอควร)


يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا لَا تَدْخُلُوا بُيُوتَ النَّبِيِّ إِلَّا أَن يُؤْذَنَ لَكُمْ إِلَىٰ طَعَامٍ غَيْرَ نَاظِرِينَ إِنَاهُ وَلَٰكِنْ إِذَا دُعِيتُمْ فَادْخُلُوا فَإِذَا طَعِمْتُمْ فَانتَشِرُوا وَلَا مُسْتَأْنِسِينَ لِحَدِيثٍ إِنَّ ذَٰلِكُمْ كَانَ يُؤْذِي النَّبِيَّ فَيَسْتَحْيِي مِنكُمْ وَاللَّهُ لَا يَسْتَحْيِي مِنَ الْحَقِّ وَإِذَا سَأَلْتُمُوهُنَّ مَتَاعًا فَاسْأَلُوهُنَّ مِن وَرَاءِ حِجَابٍ ذَٰلِكُمْ أَطْهَرُ لِقُلُوبِكُمْ وَقُلُوبِهِنَّ وَمَا كَانَ لَكُمْ أَن تُؤْذُوا رَسُولَ اللَّهِ وَلَا أَن تَنكِحُوا أَزْوَاجَهُ مِن بَعْدِهِ أَبَدًا إِنَّ ذَٰلِكُمْ كَانَ عِندَ اللَّهِ عَظِيمًا ( 53 )

"โอ้ บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ! พวกเจ้าอย่าได้เข้าไปในบ้านทั้งหลายของนะบี เว้นแต่จะเป็นที่อนุมัติแก่พวกเจ้า เพื่อรับประทานอาหารโดยมิต้องคอยการปรุงอาหารให้สุกเสียก่อน แต่เมื่อพวกเจ้าได้รับเชิญก็จงเข้าไปครั้นเมื่อพวกเจ้ารับประทานเสร็จแล้วก็จงแยกย้ายกันออกไป และอย่าเป็นผู้ชอบวิสาสะในการสนทนา แท้จริง ในการนั้นย่อมทำความรำคาญให้แก่ท่านนะบี ซึ่งท่านกระดากอายพวกเจ้า แต่อัลลอฮฺไม่ทรงกระดากอายต่อความจริง และเมื่อพวกเจ้าขอสิ่งใดจากพวกนาง ก็จงขอพวกนางจากหลังม่าน เช่นนั้นแหละเป็นการบริสุทธิ์อย่างยิ่งแก่จิตใจของพวกเจ้าและจิตใจของพวกนาง และไม่เป็นการบังควรแก่พวกเจ้าที่จะก่อความรำคาญให้แก่ร่อซูลของอัลลอฮฺ และพวกเจ้าจะต้องไม่แต่งงานกับบรรดาภริยาของท่าน หลังจากท่าน (ได้สิ้นชีพไปแล้ว) เป็นอันขาด แท้จริงในการนั้น ณ ที่อัลลอฮฺเป็นเรื่องที่ใหญ่หลวงนัก"  (อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัล-อะห์ซาบ ,33:53)

ซึ่งบรรดาภรรยานบีได้เคยให้คำฟัตวาแก่ผู้คนที่ไถ่ถามและเล่าหะดิษ เพื่อผู้ใดก็ตามที่ต้องการจะนำหะดิษใดๆไปถ่ายทอดในหมู่พวกเขา ทั้งผู้หญิงเคยที่จะยื่นคำถามต่างๆ ต่อท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮูอะลัยฮิวะซัลลัม) ขณะที่ผู้ชายอยู่นั่นด้วย



الله أعلم بالصواب








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น