อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557

มุสลิมสัมผัสสุนัข




จากเหตุการณที่เกิดขึ้นที่รัฐหนึ่งของประเทศมาเลเซีย ได้มีการจัดกิจกรรมให้มุสลิมจับต้องสุนัขได้ โดยผู้จัดซึ่งเป็นมุสลิมพยายามบอกให้ทุกคนทราบว่า จับต้องสุนัขได้ ถ้ามันแห้ง ถ้าขนมันแห้ง ตัวมันแห้ง เฉพาะน้ำลายสุนัขเท่านั้น ที่เป็นนาญิส ที่ต้องชำระล้าง 7 น้ำสะอาด และ 1/7 นั้น เป็นน้ำดิน และมีผู้ที่ต่อต้านกิจกรรมดังกล่าว โดยเฉพาะผู้ที่ตามมัซฮับชาฟีอีย์ ซึ่งมีทัศนะว่า ตัวสุนัขทั้งหมดเป็นนะญิส (สิ่งสกปรก)รวมถึงขนของมันด้วยที่สุนัขต้องใช้น้ำลายเลียขนของมันตลอดเวลา  ซึ่งอุละมาอ์บางท่านมีความเห็นว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการลบหลู่ศาสนารวมถึงบรรดาอุละมาฮ์ด้วย

ทัศนะของอุละมาอ์ที่วินิจฉัยเกี่ยวตัวตัวสุนัขเป็นนะญิสหรือไม่ แบ่งออกเป็น 3 ทัศนะ

1.ตัวของสุนัขทั้หมดเป็นนะญิสรวมถึงขนของมันด้วย ถ้ามีการไปสัมผัสขนหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของสุนัข ก็จำเป็นต้องล้างน้ำ 7 น้ำด้วย ไม่เฉพาะน้ำลายของมัน  ซึ่งเป็นทัศนะของอิมามชาฟิอีย์ และอิมามอะหฺมัด

2.ตัวของสุนัขทั้หมดรวมถึงน้ำลายของมันนั้นถือว่าสะอาด (ไม่เป็นนะญิส) เป็นทัศนะของอิมามมาลิก

3.น้ำลายของสุนัขถือเป็นนะญิส ส่วนขนของมันนั้นถือว่าสะอาด เป็นทัศนะของท่านอิมามอบูหะนีฟะฮฺ

ส่วนทัศนะที่ถูกต้อง และมีหลักฐานรองรับ คือทัศนะที่ว่า เฉพาะน้ำลายเท่านั้นที่เป็นะญิส ส่วนขนของสุนัข(รวมถึงขนของสุกร) ถือว่าสะอาด (หนังสือ "ฟิกฮุสสุนนะฮ์ เล่ม 1 หน้า 22)

เช่นนั้นหากขนของสุนัขที่เปียกมาสัมผัสกับเสื้อผ้าของมุสลิมคนหนึ่งถือว่าสะอาด เป็นทัศนะมติของนักวิชาการทางด้านนิติศาสตร์อิสลามของอิมามอบูหะนีฟะฮ์ อิมามมาลิก และอิมามอะหฺมัด
สาเหตุที่ไม่เป็นนะญิส เนื่องจากพื้นฐานเดิมว่าด้วยขนของสุนัขและสุกรนั้นถือว่าสะอาด ครั้นเมื่อสิ่งนั้นว่าสะอาดก็ไม่อนุญาตให้กำหนดสิ่งนั้นว่าเป็นนะญิส ยกเว้นจะต้องมีหลักฐานมาอ้างอิงเท่านั้น (หนังสือ "อัลฟะตาวัลกุบรอ" ของชัยคุลอิสลาม อิบนุ ตัยมียะฮ์ เล่ม 1 หน้า 264)

สำหรับน้ำลายของสุนัขซึ่งมีหลักฐานหะดิษชัดเจนว่ามันเป็นะญิส และต้องทำความสะอาดด้วยน้ำ 7 น้ำ และ 1 ในนั้นต้องเป็นน้ำดินหากมีการเลี้ย ซึ่งหลักฐานทางวิทยาศาตร์พบว่าน้ำลายสุนัขนั้นมีเชื้อโรคต่างๆมากมาย ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคที่อัตรายถึงชีวิตได้ อย่างเช่น โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) เป็นต้น นักวิทยาศาสตร์ยังพบอีกว่าดินเท่านั้นที่มีองค์ประกอบจากธาตุต่างๆที่สามารถฆ่าเชื้อโรคที่มีอยู่ในน้ำลายสุนัขได้ ซึ่งในยุคนั้นไม่มีใครที่จะสามารถรู้ถึงวิทยาศาสตร์ได้ลึกถึงขั้นนี้ได้เลย

ท่านรสูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า:
“การทำความสะอาดภาชนะของบุคคลหนึ่งในหมู่พวกท่าน เมื่อสุนัขเลียภาชนะนั้นให้ล้าง 7 ครั้ง โดยครั้งแรกให้ล้างน้ำดิน” <บันทึกโดยมุสลิม และอะหฺมัด>


ท่านรสูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า:
“เมื่อสุนัขเลียภาชนะ ดังนั้นพวกท่านจงล้างน้ำเจ็ดครั้ง” <บันทึกโดยมุสลิม>

 หะดีษข้างต้นนั้นท่านนบีระบุเฉพาะภาชนะที่ถูกเลียจากสุนัขเท่านั้นที่ให้ล้างน้ำดิน ซึ่งหะดีษบทอื่นๆ ที่กล่าวถึงเรื่องการล้างน้ำดิน ล้วนกล่าวเฉพาะภาชนะเท่านั้น (ดังนั้นเฉพาะภาชนะเท่านั้นที่สุนัขเลีย ต้องล้างเจ็ดน้ำ ถ้าน้ำลายสุนัขไปสัมผัสสิ่งอื่น ให้ทำความสะอาด โดยไม่จำต้องล้างเจ็ดน้ำ ดั่งหะดิษที่สุนัขเข้าไปปัสสาวะในมัสยิด) ฉะนั้นหากมุสลิมเลี้ยงสุนัขภายในบ้าน ก็จะต้องตามล้างด้วยน้ำดินกันไม่รู้จักจับสิ้นนั่นเอง อีกประการหนึ่ง อิสลามไม่อนุญาตให้เลี้ยงสุนัขในภายบ้านก็เพราะ มลาอิกะฮฺเราะหฺมะฮฺ (มลาอิกะฮฺแห่งความเมตตา) จะไม่เข้าบ้านหลังที่มีสุนัขถูกเลี้ยงอยู่ในบ้านหลังนั้น <บันทึกโดยมุสลิม>

แต่ถึงแม้ขนสุนัขจะไม่เป็นนะญิสก็ตาม แต่การอยู่ร่วมกับมัน จับต้องกอดเล่นกับมัน อาจถูกสัมผัสน้ำลายของมันโดยง่าย ไม่ว่าจะจากน้ำลายของมันโดยตรง หรือจากการใช้น้ำลายเลียขนของมัน ซึ่งจำต้องทำความสะอาดหากต้องสัมผัสน้ำลายเหล่านั้น จึงไม่เป็นที่เหมาะสมที่มุสลิมคนใดจะไปจับสัมผัสอ้อมกอดสุนัข หรือเลี้ยงมันไว้ภายในบ้าน เว้นแต่จะเลี้ยงมันไว้เฝ้าสวน หรือเลี้ยงเพื่อให้มันดูแลฝูงสัตว์ หรือเลี้ยงเพื่อล่าสัตว์อื่นเป็นอาหารได้เฉพราะนั้น ทั้งไม่ปรากฎให้เห็นถึงการปฏิบัติของชาวสลัฟหรือจากชาวคอลัฟก็ตาม ถึงแม้พวกเขาเหล่านั้นจะมีทัศนะต่างกันถึงความเป็นนะญิสของขนสุนัขก็ตาม แต่ก็เห็นพ้องกันว่าน้ำลายของมันเป็นนะญิส ที่จะเลี้ยงมันไว้เป็นสัตว์เลี้ยงไว้ในบ้าน หรือนอกบ้าน เพื่อใช้เป็นเพื่อนเล่นจับต้องมัน หรืออ้อมกอดมัน  ดังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศมาเลเซียดังกล่าวเลย









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น