อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

กลุ่มคนที่ใช้จำนวนเป็นเกณฑ์ในการวัดความถูกต้องและสัจธรรม



เนื่องจากมีการโพสต์ในไทม์ไลน์ส่วนตัวของผมเกี่ยวกับ วาฮาบี และต้องการรับรู้ถึงข้อเท็จจริง ซึ่งผมไม่อยากเล่ารายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับวาฮาบี เพราะผมเชื่อว่า เชคมูหัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ และผู้ที่เห็นด้วยกับท่าน เป็นกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องความบริสุทธิ์ของอะกีดะห์ เป็นกลุ่มที่ยึดมัซหับอิหม่ามอะห์มัดทางด้านฟิกฮ์เป็นหลัก ไม่ได้เป็นกลุ่มที่ถูกสร้างโดยยิวตามที่สื่อชีอะห์ได้กล่าวอ้างแต่อย่างใด แต่คนที่บริโภคสื่อ ที่มีความเกลียดชังอยู่แล้วต่อกลุ่มนี้ กลับไม่แยกแยะและไม่ตรวจสอบ แต่บริโภคแบบเต็มๆ เนื่องจากสิ่งนั้นตรงกับความต้องการและอารมณ์ของตัวเอง

เรื่องความถูกต้องและความผิดพลาดนั้น ใครๆก็มีโอกาสที่จะผิดพลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องไหนก็ตาม แต่เกณฑ์ในการวัดความถูกต้องนั้น ไม่ใช่เพราะความถูกต้องอยู่กับคนจำนวนมาก มันช่างไร้ซึ่งวิชาการจริงๆ เมื่อมีกลุ่มคนอ้างว่า ความถูกต้องและสัจธรรมนั้น จะอยู่ควบคู่กับคนจำนวนมาก เนื่องจากผลการวิจัยปรากฏว่า มุสลิมในโลกนี้มีจำนวน 1.5 พันล้านคน ซึ่งเป็นรองจากชาวคริสต์ที่มีจำนวน 2.1 พันล้านคน ในขณะที่ 1.1 ล้านคนเป็นกลุ่มคนที่ไม่นับถือศาสนาครองอันดับสามของโลก หากสัจธรรมตามจำนวนคน แน่นอนศาสนาที่มีจำนวนคนที่นับถือมากกว่านั้นย่อมมีความสัจจริงและเป็นศาสนาที่ถูกต้อง ซึ่งมันคงเป็นไปไม่ได้สำหรับเราชาวอิสลาม และยิ่งใกล้วันกิยามะห์แล้ว นะบีบอกว่า วันกิยามะห์จะเกิดขึ้นในขณะที่ผู้คนไม่รู้จักอัลลอฮฺ แสดงให้เห็นว่า ต่อไปข้างหน้า คนที่ไม่นับถือศาสนา จะครองโลกนี้แน่นอน

ดังนั้น กลุ่มคนที่ใช้จำนวนเป็นเกณฑ์ในการวัดความถูกต้องและสัจธรรมนั้น ไม่ได้เป็นกลุ่มคนที่ไร้ซึ่งวิชาการอย่างเดี่ยว แต่เป็นกลุ่มคนที่ไม่มีหัวคิด สิ่งที่คิดอย่างเดี่ยว คือ ทำอย่างไรให้คนที่ไม่มีสมองคิดติดแหที่ได้วางไว้

ทั้งๆที่อิสลามและนักวิชาการอิสลามทั้งหมดก็ได้เห็นพ้องต้องกันว่า อัลกุรอานและสุนนะห์คือแหล่งที่มาของความถูกต้องและสัจธรรมทั้งหลาย

สิ่งที่เป็นข้อสังเกตจากสื่อต่างๆนั้น ผู้ที่ว่าร้ายกลุ่มวาฮาบีถึงขนาดกล่าวหาว่าเป็นกาฟิร เป็นกลุ่มคนที่มีความเห็นที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับกลุ่มนี้ โดยเฉพาะในประเด็นหลักๆ เช่น ประเด็นอะกีดะห์ และประเด็นการขอพร ณ กุโบร์ เป็นต้น ซึ่งผู้ที่มีสติปัญญาจะไม่ตัดสินข้างหนึ่งข้างใดว่าถูกหรือผิด จนกว่าเขาจะมีความรอบรู้เกี่ยวกับทั้งสองฝ่ายและประเด็นที่ทั้งฝ่ายเห็นต่าง ว่า มันถูกหรือผิดอย่างไร หากเขาไม่รู้ แน่นอนการเงียบและศึกษาค้นหาความรู้ต่อไปคือแนวทางสำหรับผู้ที่แสวงหาสัจธรรม ซึ่งต่างจากแนวทางของกลุ่มคนที่ต้องการฟิตนะห์ อะไรที่จับได้ก็โยนทันทีทันใด

อีกข้อสังเกตหนึ่งที่น่าขำมากๆ คือ เมื่อกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับวาฮาบี กลับเอาประเด็นปลีกย้อยในเรื่องฟิกฮ์ นำมาเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความเป็นวาฮาบี เพื่อเชิญชวนพี่น้องมุสลิมคนอื่นๆที่เห็นสัญลักษณ์นั้น ร่วมขบวนในการเกลียดชังพี่น้องมุสลิมด้วยกัน และเกิดความแตกแยกในสังคมมุสลิม เช่น เมื่อมีคนไม่อุศ็อลลี หรือ ไม่อ่านกูนูต หรือไม่อ่าน บิสมิลละห์ เขาผู้นั้น คือ วาฮาบี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความโง่เขลาและไร้ซึ่งวิชาการ เพราะการไม่กระทำสิ่งเหล่านั้นแท้จริงแล้วเป็นทัศนะของอุลามาอฺเสียงส่วนมากที่ยึดหลักฐานที่มีน้ำหนักกว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นหลังจากการเคลื่อนไหวของเชคมูหัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ แต่อย่างใด

และข้อสังเกตสุดท้าย คือ กลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มนี้ มักจะเอาข้อมูลจากฝ่ายตรงข้ามที่ไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว มาโจมตีกลุ่มนี้ ทั้งๆที่หลักวิชาการอิสลามมองว่า ไม่ควรนำข้อมูลจากฝ่ายหนึ่งที่มีความขัดแย้งกันมาตัดสินอีกฝ่ายที่เห็นต่างจากฝ่ายนั้น เพราะคนที่มีความขัดแย้งกันมักไม่เป็นกลางในการนำเสนอข้อมูล จึงจำเป็นสำหรับผู้บริโภคข้อมูลจะต้องตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อมูล ซึ่งจะเห็นได้จากแหล่งอ้างอิง หากแหล่งอ้างอิงนั้นเป็นคู่กรณี ความน่าเชื่อถือก็จะลดลง จนกว่าจะมีหลักฐานที่ชี้ชัด
ดังนั้น ผมขอนะศีหะห์ตัวเองและพี่น้องชาวเฟสทุกท่านว่า อย่าได้รีบร้อนสรุปและด่วนตัดสินสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จนกว่าท่านจะมีความรู้รอบด้าน จากหลายๆแหล่งข้อมูล เพราะท่านถูกสร้างมาเพื่อทำอิบาดัต ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อตัดสินคนนั้นคนนี้ว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ จงเตรียมเสบียงของท่านมากที่สุดเท่าที่จะเตรียมได้ แล้วอย่าได้ดึงผู้คนทั่วสารทิศมาเป็นคู่กรณีกับท่าน เพราะท่านและพวกเขาจะต้องถูกตัดสิน ณ อัลลอฮฺแน่นอน

ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในโลกดุนยาและอาคีระห์ อามีน

.......................
Iprohem Suemae
(ผศ.ดร.อิบรอเฮม สือแม)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น