
บรรนักวิชาการทางนิติศาสตร์อิสลามมีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับข้อชี้ขาดของความเป็นนะญิส(สิ่งสกปรก)ของสุนัขและสุกร ดังนี้
ตามทัศนะของสายมัซฮับอัลฮะนะฟียะฮ์
เห็นว่า ตัวของสุนัขนั้นไม่เป็นนะญิส เพราะมันถูกเอาประโยชน์จากการเฝ้าของ และล่าสัตว์
ส่วนสุกรนั้น ถือว่าตัวของมันเป็นนะญิส เพราะว่าตัวพยัญชนะ อัลหาอฺ ใน อายะฮฺอัลกุรอานที่ว่า "ฟาอินนาฮู ริจซู" มันจะกลับไปยังสุกร เพราะอยู่ใกล้ที่สุด
ปากสุนัขอย่างเดียวเท่านั้น หรือน้ำลายของมัน มูลของมัน ถือเป็นนะญิส จึงไม่อาจจะไปเทียบกับส่วนอื่นของร่างกาย ดังนั้น จึงจะต้องล้างภาชนะ 7 ครั้ง เมื่อสุนัขเลียภาชนะ เพราะท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้กล่าวว่า
"เมื่อสุนัขได้ดื่มในภาชนะของคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเจ้า เขาจงล้างมัน 7 ครั้ง"
สำหรับอะหฺมัด และมุสลิมบันทึกว่า
"ภาชนะของคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเจ้าจะสะอาดได้เมื่อสุนัขได้เลียภาชนะนั้น ด้วยการล้าง 7 ครั้ง หนึ่งในจำนวนนั้นด้วยดิน"
ตามทัศนะของสายมัซฮับมาลิกีย์ ได้กล่าวว่า สุนัขโดยทั่วไปไม่ว่าจะเป็นสุนัขที่ได้รับอนุญาตให้เอามาเลี้ยงดังเช่น สุนัขเฝ้าบ้าน เฝ้าสัตว์เลี้ยงหรือไม่ ถือว่าสะอาด
และเฉพาะที่มันเลียเท่านั้น อย่างอื่นไม่เกี่ยว เช่น มันเอาขาหรือเอาลิ้นของมันเข้าไปในภาชนะโดยไม่กระดิกลิ้น หรือน้ำลายมันหล่นลงไป
โดยจะต้องล้างในฐานปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น จำนวน 7 ครั้ง
สำหรับทัศนะตามสายมัซฮับอัชชาฟิอีย์ และฮัมบาลีย์ ได้กล่าวว่า สุนัข สุกร และสิ่งที่เกิดมาจากทั้งสองสิ่งที่เหลือจากรอยปากของมัน เหงื่อของมันถือเป็นะญิส โดยจะล้างสิ่งที่มันทำเปื้อน 7 ครั้ง หนึ่งในจำนวนนั้นด้วยดิน เพราะปรากฏว่าปากของมันเป็นะญิส และปากของมันเป็นส่วนที่ดีที่สุดของร่างกาย เพราะมันมาเลียเรื่อยๆ ส่วนอื่นที่เหลือย่อมยิ่งกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น