อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สตรีมุสลิมทำงานนอกบ้าน



แท้จริงแล้ว การงานที่มีค่ายิ่งและเป็นหน้าที่หลักของสตรี คือ การดูแลบรรดาลูกๆ และสามีของเธอ และงานบ้านของเธอ

สำหรับการทำงานนอกบ้าน หากมีความจำเป็น เพื่อให้ได้มาซึ่งปัจจัยในการดำเนินชีวิต เนื่องจากไม่มีผู้ใดรับภาระในส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆของเธอ หรือมีความจำเป็นที่จะต้องมีสตรีทำงานเป็นการเฉพาะสำหรับสาขาอาชีพ เช่น งานทางด้านการศึกษา และงานด้านการรักษาพยาบาล เพื่อเธอเหล่านั้นจะได้ทำการสอนและดูแลสตรีด้วยกันเอง โดยต้องอยู่ในเงื่อนไขต่อไปนี้ คือ

-เธอต้องยึดมั่นอยู่ในหลักการของอิสลาม ทั้งในเรื่องการแต่งกาย การพูดคุย การวางตัวกับผู้คนในสังคมหรือที่ทำงาน และมารยาทอื่นๆ ในทุกๆด้าน

-การงานนั้นต้องถูกต้องตามหลักการของอิสลาม ไม่อนุญาตให้สตรีมุสลิมทำงานในสถานที่ซึ่งเธอต้องอยู่ตามลำพังกับผู้ชายที่ไม่ใช่มะหฺร็อม หรือทำงานซึ่งมีการผลิต จำหน่าย ต้องสัมผัส หรือบริการอาหาร เครื่องดื่ม หรือสิ่งอื่นใดที่เป็นที่ต้องห้ามตามหลักการศาสนา

-สรตีที่ทำงานนอกบ้านจะต้องไม่ใช้เวลาในการทำงาน จนทำให้สูญเสียเวลาสำหรับหน้าที่หลัก นั้นคือ การดูแลลูกๆ และสามีของเธอ

จะเห็นได้จากความจำเป็นที่สตรีออกทำงานนอกบ้าน อันเนื่องจากความจำเป็นต่างๆ เช่น ไม่มีผู้ชายในบ้าน หรือ ผู้ชายไม่สามารถปฏิบัติงานนอกบ้านได้ เนื่องจากแก่ชรา พิการ หรือเป็นเด็ก เป็นต้น ดั่งเรื่องราวของบุตรีของนบีชุอัยบฺ (อาลัยฮิสลาม) ที่ถูกกล่าวไว้นอัลกุรอาน ความว่า

وَلَمَّا وَرَدَ مَاءَ مَدْيَنَ وَجَدَ عَلَيْهِ أُمَّةً مِّنَ النَّاسِ يَسْقُونَ وَوَجَدَ مِن دُونِهِمُ امْرَأَتَيْنِ تَذُودَانِ قَالَ مَا خَطْبُكُمَا قَالَتَا لَا نَسْقِي حَتَّىٰ يُصْدِرَ الرِّعَاءُ وَأَبُونَا شَيْخٌ كَبِيرٌ

"และเมื่อเขามาพบบ่อน้ำแห่ง (เมือง) มัดยัน เขาได้พบฝูงชนกลุ่มหนึ่งกำลังตักน้ำ และนอกจากพวกเขาเหล่านั้น เขายังได้พบหญิงสองคนคอยห้าม (ฝูงแกะ) เขา (มูซา) กล่าวถามว่า “เรื่องราวของเธอทั้งสองเป็นมาอย่างไร ?” นางทั้งสองกล่าวว่า “เราไม่สามารถตักน้ำได้ จนกว่าคนเลี้ยงแกะเล่านั้นจะถอยออกไป และบิดาของเราก็เป็นคนแก่มากแล้ว” (อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัล-เกาะศ็อศ, 28: 23)

แต่ไม่อนุญาตให้สตรีเป็นเจ้าเมือง ผู้ปกครอง หรือเคาะลีฟะฮฺของรัฐอิสลาม เว้นแต่สำหรับตำแหน่งที่แต่งตั้งเป็นผู้นำในสถาบันต่างๆ ซึ่งหน้าที่เหล่านั้นอยู่ภายใต้ผลประโยชน์ของประชาคมมุสลิม


الله أعلم بالصواب
















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น