อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ท้องฟ้าและดวงดาวอาวุธไล่ชัยฏอน



พระองค์อัลลอฮฺตะอาลา ไม่ได้ทรงสร้างจักวาลขึ้นมาอย่างมืดมิดและอ้างว้าง แต่พระองค์ได้ตกแต่งและประดับประดามันด้วยดวงดาวที่มีความสุกสว่างไปทั่วท้องฟ้า ซึ่งทำให้มนุษย์ตื่นตาตื่นใจในตอนกลางคืน

และสำหรับสะเก็ดดาวจำนวนมากมายมหาศาลที่มีต้นกำเนิดจากดวงดาวต่างๆ และโคจรอยู่อวกาศด้วยความเร็วสูง จนกระทั่งตกลงมายังโลกนั้น จะป้องกันชัยฏอนจากโลกนี้มิให้ไปยังชั้นฟ้า ถึงแม้พวกมันพยายามจะขึ้นไป ฝนดาวตกเหล่านี้ก็จะขับไล่มัน

ซึ่งมนุษย์เชื่อในเรื่องหมอดู และพวกหมอดูจะอ้างชัยฏอนอยู่ภายใต้อำนาจของตน หรือพวกตนมีความใกล้ชิดกับชัยฏอน และชัยฏอนเหล่านีเองที่พวกเขาได้รับข่าวเร้นลับ จึงสามารถบอกชะตากรรมในอนาคตของผู้คนได้ แต่พวกชัยฏอนไม่มีทางที่จะขึ้นไปสู่ชั้นฟ้าทั้งหลาย และนำข่าวเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นลงมาได้ ด้วยการพระองค์สร้างชั้นฟ้า และดวงดาวในจักรวาลให้มีวงและบรรยากาศของมันเองที่ยากจะหนีออกมา และยากที่จะเข้าไปพอๆกัน ทั้งที่เรามองมันเป็นเพียงอวกาศว่างเปล่า แต่ความจริงในอวกาศมีอาณาบริเวณมากมายที่ได้ถูกป้องกันไว้อย่างแข็งแรงยิ่งกว่ากำแพงเหล็กกล้า ซึ่งชัยฏอนไม่มีทางที่จะเข้าไปสู่ชั้นฟ้า พวกมันไม่มีอำนาจที่จะได้ยินการสนทนาของบรรดามลาอิกะฮ์ และนำคำสนทนามาบอกคนอื่น ถ้าหากว่าคำสนทนาดังกล่าวเพียงนิดหนึ่งไปเข้าหูของชัยฏอน และมันพยายามจะนำข่าวนั้นลงมา มันก็ถูกตามด้วยเปลวไฟที่ส่องสว่าง

พระองค์อัลลอฮฺ (ศุบฮานะฮูวะตะอาลา) ตรัสว่า

وَلَقَدْ زَيَّنَّا السَّمَاءَ الدُّنْيَا بِمَصَابِيحَ وَجَعَلْنَاهَا رُجُومًا لِّلشَّيَاطِينِ وَأَعْتَدْنَا لَهُمْ عَذَابَ السَّعِيرِ ( 5 )

"และโดยแน่นอนเราได้ประดับท้องฟ้าของโลกนี้ด้วยดวงดาวเป็นแสงประทีป และเราได้ทำให้มันเป็นอาวุธไล่ชัยฏอน และเราได้เตรียมการลงโทษด้วยไฟอันร้อนแรงสำหรับพวกมัน"(อัลกุรอาน สูเราะฮฺอัล-มุลก์ ,  67:5)


إِنَّا زَيَّنَّا السَّمَاءَ الدُّنْيَا بِزِينَةٍ الْكَوَاكِبِ ( 6 )

"แท้จริง เราได้ประดับท้องฟ้าแห่งโลกดุนยาอย่างสวยงามด้วยดวงดาวทั้งหลาย"

وَحِفْظًا مِّن كُلِّ شَيْطَانٍ مَّارِدٍ ( 7 )

"และเพื่อป้องกันจากชัยฏอนมารร้ายทุกตัวที่ดื้อรั้นพยศ"

لَّا يَسَّمَّعُونَ إِلَى الْمَلَإِ الْأَعْلَىٰ وَيُقْذَفُونَ مِن كُلِّ جَانِبٍ ( 8 )

"พวกมันจะไม่สามารถรับฟัง (จากมะลาอิกะฮฺผู้อยู่) ในชั้นฟ้าชั้นสูงได้ และพวกมันจะถูกขว้างจากทุกๆ ด้าน"

دُحُورًا وَلَهُمْ عَذَابٌ وَاصِبٌ ( 9 )

"ถูกขับไล่ใสส่งออกมา และสำหรับพวกมันนั้นจะได้รับการลงโทษอย่างต่อเนื่อง"

إِلَّا مَنْ خَطِفَ الْخَطْفَةَ فَأَتْبَعَهُ شِهَابٌ ثَاقِبٌ ( 10 )

"เว้นแต่ตัวใดที่มันฉกฉวยเอาไปได้แม้แต่ครั้งเดียว ก็จะมีเปลวเพลิงอันโชติช่วงไล่ติดตามมันไป" (อัลกุรอาน สุเราะฮฺอัศ-ศอฟฟาต, 37:6-10)



الله أعلم بالصواب










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น