อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

การทำความสะอาดภาชนะของต่างศาสนิก



ภาชนะที่วาญิบ(จำเป็น) จะต้องทำความสะอาดด้วยน้ำเจ็ดน้ำ และหนึ่งในเจ็ดน้ำน้ำนั้นต้องเป็นน้ำดิน มีเพียงกรณีเดียวเท่านั้น คือกรณีที่สุนัขเลียภาชนะ

ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ (ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ)เล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า
"เมื่อสุนัขดื่ม(น้ำ)ในภาชนะของบุคคลหนึ่งในหมู่พวกท่าน เช่นนั้นเขาจงล้างภาชนะนั้น 7 ครั้ง" (บันทึกหะดิษโดยอิมามอัลบุคอรีย์ เลขที่ 167)

ส่วนกรณีของสุกรเลียภาชนะนั้น ตามหลักฐานหะดิษกล่าวเพียงการเลียของสุนัขเท่านั้น โดยมิได้กล่่าวถึงการเลียของสุกร ซึ่งตามหลักฐานจากอัลกุรอานกล่าวห้ามการรับประทานเนื้อสุกรเท่านั้น

แต่ทว่านักวิชาการมัซฮับชาฟิอีย์ได้รวมบทบัญญัติการเลียภาชนะของสุกรกับการเลียของภาชนะของสุนัขเป็นบทบัญญัติเดียวกัน กล่าวคือต้องล้างด้วยน้ำเจ็ดครั้ง ครั้งแรกให้เป็นน้ำดิน

ซึ่งทัศนะของนักวิชาการส่วนใหญ่เห็นว่าเงื่อนไขของการล้างภาชนะด้วยน้ำ 7 ครั้ง ครั้งแรกให้ล้างด้วยน้ำดินมีเพียงกรณีที่สุนัขเลียหรือดื่่มในภาชนะเท่านั้น

รายงานจากท่านอบู ษะอฺละบะฮฺ อัลคุชะนีย์ ได้ถามท่านรสูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ว่า
"พวกเราเดินผ่านกลุ่มชาวคัมภีร์ในขณะที่พวกเขาปรุงอาหารในหม้อไหของพวกเขาด้วยเนื้อสุกร และพวกเขาดื่มสุราในภาชนะของพวกเขา ท่านรสูลกล่าวตอบว่า : หากพวกท่านพบภาชนะอื่น จากภาชนะ (ของชาวคัมภีร์) พวกท่านจงรับประทานและจงดื่มจากภาชนะนั้น แต่หากว่าไม่พบภาชนะอื่นจากภาชนะของชาวคัมภีร์แล้วไซร์ พวกท่านจงล้างด้วยน้ำ จากนั้นพวกท่านจงกินและดื่ม(จากภาชนะของชาวตัมภีร์เถิด)" (บันทึกหะดิษโดยอิมามอบูดาวูด เลขที่ 3342)


รายงานจากยาบิร ได้กล่าวว่า
“พวกเราได้เคยออกไปทำสงครามพร้อมกับท่านรสูล และพวกเราได้เอาภาชนะและถุงหนังใส่น้ำของมุชริกิน(พวกตั้งภาคี) พวกเราได้นำมาใช้ โดยท่านรสูลไม่ได้ตำหนิพวกเรา”
(บันทึกหะดิษโดยอบูดาวูด)

ท่านรสูลุลลอฮ์ ได้ถูกถามถึงหม้อหุงต้มของพวกบูชาไฟ(คือพวกที่ยึดถือว่า โลกนี้มีต้นกำเนิดอยู่สอง ได้แก่แสงสว่าง และความมืด แสงสว่างคือความดี ความมืดคือความชั่วร้าย) ท่านตอบว่า “พวกท่านจงล้างมันให้สะอาดและจงใช้มันในการหุงต้ม”
(บันทึกหะดิษโดยติรฺมีซีย์)


ท่านค็อฏฏอบบีย์กล่าวว่า
"เป็นที่ทราบแล้วว่า สภาพของปฏิเสธย่อมหุงหาอาหารในภาชนะของพวกเขาด้วยเนื้อสุกร และดื่มสุราจากถ้วยแลก้วของพวกเขา ฉะนั้นจึงไมอนุญาตให้นำภาชนะของพวกเขาให้ทำคอาหารหรือดื่ม ยกเว้นต้องล้างและทำความสะอาดให้หมดเสียก่อน" (หนังสือ ฎเอานุลมะอฺบูด" เล่ม 5หน่้า 224)


ภาชนะของต่างศาสนิกที่ใช้ในการต้มหมู หรือบรรจุสุรา หรือบรรจุอื่นๆ หากมุสลิมจะนำภาชนะนั้นมาใช้ปรุงหรือใช้รับประทานอาหาร เพียงแค่ล้างด้วยน้ำให้สะอาดโดยมั่นใจว่ามันสะอาดแล้วก็เพียงพอแล้ว (หนังสือ "อัสสุลูกุล อิจญ์ติมอีย์ ฟิล อิสลาม" โดยหะซัน อัยยูบ หน้า 393)

และหากมีบุคคลหนึ่งกล่าวว่า "คนกาเฟรฺหรือมุชริกร่างกายของพวกเขาเป็นนะญิส ดังนั้นภาชนะของพวกเขาก็ต้องเป็นนะญิสด้วยเช่นกัน
ดังหลักฐานจากอัลกุรอาน สูเราะฮฺอัต-เตาบะฮฺ อายะที่ 28 ความว่า
"โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย แท้จริงบรรดามุชริกนั้นเป็นะญิส"

คำว่า "นะญะสุน" ที่ถูกกล่าวในอายะฮฺดังกล่าว มิได้หมายถึงร่างกายของคนกาฟิรฺหรือมุชริกเป็นนะญิส แต่อย่างใด แต่ข้อความดังกล่าว นะญิส(สกปรก)ทางด้านความเชื่อ(อะกีดะฮฺ)ต่างหาก เนื่องจากการปฏิเสธศรัทธาของพวกเขา เป็นความสกปรกทางด้านยึดมั่น และปฏิเสธพระองค์อัลลอฮ์ เช่นนั้นพวกเขาประหนึ่งความสกปรกนั้นเอง" (หนังสือ "ศ็อฟวะตุตตะฟาสีรฺ" เล่ม 1 หน้า 530)

الله أعلم بالصواب




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น