อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2557

มุมมองอิสลามเกี่ยวกับการแสดงละคร



การแสดงละครนอกจากไม่มีข้อดีแล้ว มันกลับเป็นโทษอย่างมหาศาล โดยที่คนบางคนอาจจะคิดไม่ถึง

ซึ่งการแสดงละครนี้ไม่ได้ปรากฎในวิธีการดะวะฮ์ของท่านนบีมุหัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) และจากบรรดาเศาะหาบะฮ์ และรุ่นสลัฟเรื่อยมา รวมบรรดาอิมามทั้งสี่เลย แต่มันเพิ่งมีขึ้นในยุคใหม่นี้ หลังจากโลกอาหรับได้ถูกรุมกินโต๊ะโดยชาติตะวันตกที่เป็นยิวและคริสต์ มุสลิมมีความคิดที่จะมีการลอกเลียนแบบวัฒนธรรมจากศาสนาอื่นมาใช้ในศาสนาอิสลาม

และการแสดงละครเดิมที่เป็นการแสดงละครในเชิงศาสนาของพวกยูนาน เป็นละครเวที ที่พวกเขาแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวศาสนาของพวกเขา และได้รับอิทธิพลนี้โดยยิวและคริสต์ สุดท้ายการแสดงละครก็กลายเป็นประเพณีของพวกเขา และเมื่ออิสลามได้ปรากฏโดยท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)มาประกาศนั้น และบรรดาชาวสลัฟเรื่อยมา ก็ไม่ได้ไปเลียนแบบชนเหล่านั้น และเอามาใช้ในศาสนาอิสลามแต่อย่างใดเลย เพราะมันเป็นประเพณีของพวกปฏิเสธศรัทธา และเป็นการอิบาดะฮ์ของพวกเขา

ทั้งการแสดงละคร ไม่ใช่ของจริง เป็นเรื่องที่ถูกสมมุติขึ้น การสอนให้ผู้อื่นเป็นนักแสดง ก็เหมือนได้สอนการโกหก การหลอกลวง ซึ่งมันจะนำไปสู่ความชั่วอื่นๆตามมาอีก การแสดงละครอาจเป็นการแสดงเกี่ยวกับเรื่องที่จินตนาการขึ้น ซึ่งไม่มีจริงในอดีตหรือปัจจุบัน ถือเป็นการโกหก หรือกุขึ้น และการโกหกเป็นสิ่งที่ต้องห้ามในศาสนา ไม่ว่าการโกหกโดยตั้งชื่อผู้แสดงที่ไม่ใช่ชื่อพวกเขา การสืบเชื่อสายไปยังผู้ที่ไม่ใช่พ่อจริง การแสดงเป็นสภาพหรือสถานะที่ไม่ใช่ของผู้แสดง การแกล้งทำเป็นคนเจ็บไม่สบาย เป็นคนโง่ หรือเป็นการแสดงตนเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์เป็นการยกย่องตัวเอง ซึ่งการโกหกนั้นเป็นนิสัยของคนสองหน้า หรือพวกมูนาฟิก


ส่วนการแสดงละครที่เป็นเรื่องเล่าประวัติศาสตร์ในอดีตกาล ที่ได้แสดงด้วยคนใดคนหนึ่งให้เห็นถึงเหตุการณ์ในอดีต ถือเป็นการโกหกด้วยการบอกชื่อ คนนั้น บุตรของคนนั้น ทั้งที่ไม่ใช่ชื่อของเขา การปลอมหรือแสดงตัวเป็นบุคคลอื่น เช่นแสดงเป็นซาลาฮุดดีน อัลอัยยูบี แสดงเป็นคนนี้โดยไม่รู้ว่าเขามีหน้าอย่างไร หากมีผู้ชมการแสดงได้ยินคนกล่าวชื่อของพวกเขาขึ้นมา ผู้ชมเหล่านั้นจะนึกถึงหน้าตาคนที่แสดง เป็นการแฉความชั่วของที่ตายไปแล้ว ทั้งที่ศาสนาได้ห้ามทำในสิ่งเหล่านี้ โดยการแสดงความไม่ดีของคนหนึ่งที่ตายไป การแสดงท่าทาง หรือลักษณะที่ไม่ดีของคนที่ตายไปแล้ว ถือเป็นการดูถูกดูแคลน

รวมทั้งการแสดงละครนั้นส่วนมากแล้วจะใกล้เคียงกับความตลก เพื่อให้ดึงดุดผู้ชมให้สนใจ และให้ติดตาม ซึ่งจะต้องแสดงท่าทางตลกหรือพูดในสิ่งที่ตลกทั้งที่รู้ว่าเป็นสิ่งโกหก

และการแสดงละครยังเป็นการล้อเล่นต่อศาสนา แสดงเป็นคนกาเฟรที่ดูถูกศานา เป็นคนยุญาฮิลียะหฺ แล้วกราบไหว้รุปปั้น หรือกราบไหว้คนตายที่หลุมศพ ทั้งที่รู้ว่าสิ่งดังกล่าวเป็นความเลวร้ายที่สุด  และเป็นบาปใหญ่ถึงตกศาสนาได้


การแสดงละครยังทำให้มีการทำสิ่งชั่วร้าย และเป็นการสอนให้คนชั่วในทางอ้อม ไม่ว่า สอนให้ลักขโมย การจีบสาว การหลอกลวง หรือการพูดลามก เลวทราม และเมื่อผู้ชมที่ดูก็ชอบและเอาไปทำตาม และสาเหตุหนึ่งที่คนปัจจุบันพูดหยาบก็เนื่องมาจากการดูละครนั่นเอง

และการแสดงละคร ทำให้ในอิสลามเกิดมีดาราชาย และดาราหญิง พระเอกหรือดาวร้าย ตามมาก็จะมีแฟนคลับ ซึ่งไม่แตกต่างอะไรกับคนกาเฟร ที่ไร้ความอาย มีรูปภาพ หรืออลัมบั้มนักแสดงละครมุสลิมขึ้น
ซึ่งจะทำให้เป็นฟิตนะฮ์ต่อนักแสดงเหล่านั้น เกิดความหลงไหลในตัวเอง มีการโอ้อวด และอาจเข้าใจผิดว่านักแสดงนั้นเป็นนักดาอีผู้เผยแพร่ศาสนา ทั้งที่บางคนก็เป็นคนโง่ในเรื่องศานา หรือมีอิหม่านที่อ่อนแอ หรืออาจเป็นคนชั่วเสียอีก กลายเป็นความเข้าใจที่ผิดเพื้ยนมองผิดเป็นถูก

และกาารแสดงละครยังเป็นฟิตนะฮ์แก่ผู้ชม หากนักแสดงเป็นชาย มันก็เป็นฟิตนะฮ์แก่ผู้หญิง และหากเป็นนักแสดงหญิง มันก็เป็นฟิตนะฮ์แก่ผู้ชาย การที่ผู้ชมชายได้มองสัดส่วนของนักแสดงหญิง  มีการปะปนระหว่างชายหญิง เป็นการทำลายเกลียดศักดิ์ศรีของผู้หญิง

"การมอง(ไปยังเพศตรงข้ามที่ไม่อนุมัติแก่เขา) คือธนูลูกหนึ่งจากบรรดาลูกธนูของอิบลิส(ที่แทงเข้าไปในหัวใจ) ส่วนผู้ใดที่ละทิ้งมัน (การมองนั้น) เนื่องจากการกลัว(ต่อการลงโทษของ)อัลลอฮฺ์ พระองค์จะตอบแทนให้เขาได้รับความอีหม่าน โดยเขาจะได้พบกับความหอมหวานของมันในหัวใจของเขา" (บันทึกหะดิษโดยอิมามต็อบรอนี และฮากิม ด้วยสายรายงานที่ถูกต้อง)


ด้วยเหตุนี้ การแสดงละคร มีสิ่งต้องห้ามอยู่ในตัวของมันอยู่หลายประการตามที่กล่าวมาข้างต้น ดังนั้นทางออกของเรื่องนี้ คือ การกลับไปยังอัลกุรอาน และสุนนะฮฺ เผยแพร่ด้วยกับอัลกุรอาน และสุนนะฮ์ เผยแพร่ศาสนาให้ถูกต้องและตรงกับวิธีการของท่านนบี  (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) และเศาะหาบะฮ์และผู้ติตามพวกเขาด้วยความดี ซึ่งผู้ที่เข้าอิสลามในอดีตจนถึงทุกวันนี้ ก็ไม่ใช่ด้วยการแสดงละครแต่อย่างใด นอกจากอัลกุรอานกับสุนนะฮฺ และด้วยความสัจจริง ใช้วิถีทางที่ถูกต้อง หรือที่ไม่มาขัดกับหลักการอิสลาม

พระองค์อัลลอฮ์ (ศุบฮานะฮูวะตะอาลา) ตรัสว่า


يَا أَيُّهَا الرَّسُولُ بَلِّغْ مَا أُنزِلَ إِلَيْكَ مِن رَّبِّكَ وَإِن لَّمْ تَفْعَلْ فَمَا بَلَّغْتَ رِسَالَتَهُ وَاللَّهُ يَعْصِمُكَ مِنَ النَّاسِ إِنَّ اللَّهَ لَا يَهْدِي الْقَوْمَ الْكَافِرِينَ

"ร่อซูลเอ๋ย ! จงประกาศสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้าจากพระเจ้าของข้า และถ้าเจ้ามิได้ปฏิบัติ เจ้าก็มิได้ประกาศสารของพระองค์ และอัลลอฮ์นั้นจะทรงคุ้มกันเจ้าให้พ้นจากมนุษย์ แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงแนะนำพวกที่ปฏิเสธศรัทธา" (อัลกุรอาน สูเราะฮ์อัล-มาอิดะฮฺ 5: 67)

الر كِتَابٌ أَنزَلْنَاهُ إِلَيْكَ لِتُخْرِجَ النَّاسَ مِنَ الظُّلُمَاتِ إِلَى النُّورِ بِإِذْنِ رَبِّهِمْ إِلَىٰ صِرَاطِ الْعَزِيزِ الْحَمِيدِ

"อะลิฟ ลาม รอ คัมภีร์ที่เราได้ประทานลงมาแก่เจ้า เพื่อให้เจ้านำมนุษย์ออกจากความมืดมนทั้งหลาย สู่ความสว่าง ด้วยอนุมัติของพระเจ้าของพวกเขา สู่ทางของพระผู้เดชานุภาพ ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ" (อัลกุรอาน สูเราะฮ์ อิบรอฮีม 14: 1)

لَّقَدْ كَانَ لَكُمْ فِي رَسُولِ اللَّهِ أُسْوَةٌ حَسَنَةٌ لِّمَن كَانَ يَرْجُو اللَّهَ وَالْيَوْمَ الْآخِرَ وَذَكَرَ اللَّهَ كَثِيرًا

"โดยแน่นอน ในร่อซูลของอัลลอฮฺมีแบบฉบับอันดีงามสำหรับพวกเจ้าแล้ว สำหรับผู้ที่หวัง (จะพบ) อัลลอฮฺและวันปรโลกและรำลึกถึงอัลลอฮฺอย่างมาก" (อัลกุรอาน สูเราะฮ์ อัล-อะห์ซาบ 33:21)


الله أعلم بالصواب


อนึ่ง อูลามาอ์ผู้ที่ฟัตวาชี้ขาด ว่า การแสดงละครเป็นสิ่งหะรอม(ต้องห้าม) มีดังนี้

-ท่นเชค อับดุลอาซีซ บิน บาซ (ร่อหิมาฮุลลฮ์)

-ท่านเชคนาซีรุดดีน อัลอัลบานี (ร่อหิมาฮุลลออ์)

-ท่านเชคอับดุรรอซซาก อัลอาฟีฟี (ร่อหิมาฮุลลอฮ์)

-ท่านเชคฮัมมาด อัลอันศอรี (ร่อหิมาฮุลลอฮ์)

-ท่านเชคบักร อาบูเซด (ร่อหิมาฮุลลอฮ์)

-ท่านเชครอเบียะอฺ บิน ฮาดีย์ อัลมัดคอลี (ฮาฟิศอฮุลลอฮ์)

-ท่านเชคศอและหฺ เฟาซาน อัลเฟาซาน (ฮาฟิศอฮุลลอฮ์)

-ท่านเชคอับดุลมุหซิน อัลอับบาด (ฮาฟิศอฮุลลอฮ์)

-ท่านเชคอับดุลมุหซิน อัลกอเซ็ม (ฮาฟิศอฮุลลอฮ์)

-ท่านเชค ศอและหฺ บิน ซอัด อัสสูฮัยมีย์ (ฮาฟิศอฮุลลอฮ์)











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น