อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เรือนบีนุห์หรือเรือโนอาห์




ความจริงที่พิสูจน์ได้ และถูกต้องตรงกับที่อัลกุรอานได้ระบุไว้ชัดเจน

ภาพของเรือนบีนั๊วะห์ที่ภูเขาอัลญูดีย์ ในระยะเวลาที่นาน ทำให้สภาพของเรือกลายเป็นหิน เรือบนีนั๊วะห์นั้น ยาว 1200 ศอก กว้าง 600 ศอก มี 3 ชั้น ซึ่งชั้นแรกสำหรับสาราสัตว์ทั้งหลาย
ชั้นที่ 2 สำหรับมนุษย์ และทั้งที่ 3 สำหรับสัตว์ปีก
นักสำรวจชาวคริสต์ เมื่อทราบว่าเรือนบีนั๊วะห์ไม่ได้เกยค้างอยู่บนเทือกเขาอารารัต แต่เกยค้างอยู่บนภูเขาอัลญูดีย์ตามที่อัลกุรอานได้ระบุยืนยันเอาไว้ ซึ่งสร้างความโกรธเคืองให้แก่พวกเขาที่อัลกุรอานนั้น เป็นคำภีร์ที่ยืนยันในเรื่องสัจจะธรรม พวกเขาเคยพยายาม
เจาะทำลายเรือ ดังกล่าวเท่าที่จะสามารถกระทำได้




อัลเลาะฮ์ตาอาลา ประสงค์ที่จะให้เราทราบถึงประการต่าง ๆ ต่อไปนี้

1. ในขณะที่กลุ่มชนระดับสูงสร้างความเสื่อมเสียและก่อกรรมทำบาปโดยไม่มีการลงโทษเกิดขึ้นแก่พวกเขา อันเนื่องจากมีความใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจนั้น ความเท่าเทียมจากการนำกฏหมายมาปฏิบัติในสังคม ไม่สมควรทำการสอบสวนและลงโทษประชาชนทั่วไปโดยรวม แท้จริงท่านนบีนั๊วะห์ได้ปล่อยให้บุตรชายของท่านได้รับการลงโทษพร้อมกับมนุษย์คนอื่น เขาไม่ได้รับการช่วยเหลืออันใดเลยทั่งที่เป็นบุตรของศาสนทูต ยิ่งกว่านั้น ในขณะที่ท่านนบีนั๊วะห์วอนขอต่อองค์อภิบาล
เกี่ยวกับบุตรชายของนั้น อัลเลาะฮ์ก็ทรงห้ามจากสิ่งดังกล่าว เพื่ออธิบายให้รู้ว่าเขานั้นได้ก่อกรรมบาป สมควรได้รับการลงโทษไม่ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์กับนบีนั๊วะห์ อะลัยฮิสลาม ก็ตาม

2. สังคมใหม่ หากมีองค์ประกอบขึ้นจากบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลเลาะฮ์แล้วก็ตาม แต่ทว่ามันจะเปลี่ยนไปในกลุ่มชนยุคต่อ ๆ ไปตามยุคสมัยของบรรดาศาสนทูตอื่น ๆ ดังนั้นกลุ่มชนหนึ่งจากพวกเขาก็จะหลงออกจากแนวทางของอัลเลาะฮ์ ซึ่งดังกล่าวคือวิถีของอัลเลาะฮ์ที่พระองค์ทรงให้มันดำเนินอยู่ในมนุษย์ เนื่องจากสังคมจะไม่อยู่บนสิ่งที่เคยเป็นอยู่ แต่ทว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงและการบิดเบือนในหลักการศรัทธา อัลเลาะฮ์ตาอาลาทรงตรัสความว่า
"มีกระแสดำรัสว่า "โอ้นูห์! เจ้าจงลง (จากเรือ) เถิด โดยสันติสุขจากเรา และด้วยความสิริมงคลแก่เจ้า และแก่บรรดาประชาชาติจากผู้อยู่ร่วมกับเจ้าทั้งมวล และมีบรรดาปวงชนที่เราจะให้ความภิรมย์แก่พวกเขา
(เพียงชั่วคราวในโลกนี้) หลังจากนั้น จะมีการลงโทษอันทรมานยิ่งจากเรา สัมผัสพวกเขา" 11:48
ดังนั้นประชาชาติที่อัลเลาะฮ์จะให้พวกเขาเสวยสุข ต่อมา การลงโทษอันเจ็บปวดได้มาประสบกับพวกเขานั้น คือ กลุ่มชนบางส่วนที่จะมาเปลี่ยนแปลงเผ่าพันธุ์ในสงคมใหม่นี้ ให้ไปสู่วัตถุนิยมและเจว็ดภาคี ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้คือปรากฏการณ์ของสังคมที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น เพราะอัลเลาะฮ์ทรงกำหนดให้มนุษย์มีความแตกต่างกันในเรื่องของการปฏิเสธและการศรัทธาตราบจนถึงวันสิ้นโลก

3. ปรากฏว่าอัลเลาะฮ์ทรงเล่าเรื่องของนบีนูห์ให้แก่ท่านนบีมุฮัมมัด ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เพื่อชี้แจงให้มนุษย์ทราบถึงความสัจจริงในการเผยแพร่เรียกร้องของนบีนูห์ อะลัยฮิสลาม และเพื่อแจ้งให้มนุษย์ทราบว่าจุดจบที่ดีงามนั้น ย่อมเป็นของบรรดาผู้ยำเกรงทั้งมวล




ที่มา Muttaqeen Al Islam











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น