อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ธนูดอกนี้ได้สังหารลูกชายฉัน


มุฮัมมัดศิดดีก อัลมินซาวีย์ : เขียน

นาอีม วงศ์เสงี่ยม : แปล

(จากหนังสือ : 101 เรื่องเล่าจากชีวิต “อบูบักร อัศศิดดีก”)

Jiyah Abdulloh โพสต์
………………………………………..

ในวันแห่งสงครามเมืองฏออิฟ อับดุลลอฮ์ อิบนุอบีบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา ถูกยิงด้วยธนูดอกหนึ่งแล้วเขาก็เสียชีวิตในสภาพชะฮีด อบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ เข้าไปหาอาอิชะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา แล้วกล่าวว่า : ลูกรัก การจากไปของอับดุลลอฮ์ สำหรับพ่อแล้วเหมือนกับการที่หูของแกะตัวหนึ่งถูกนำออกจากบ้านของเราไป (อบูบักร พูดเพื่อให้เห็นว่าเป็นบททดสอบที่เล็กน้อย)

อาอิชะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุฮันฮา จึงกล่าวว่า

: ขอสรรเสริญต่ออัลลอฮ์ที่ผูกหัวใจของคุณพ่อให้มั่นคง และทำให้ท่านอยู่บนทางนำที่หนักแน่น

อบูบักรได้ออกไปแล้วก็กลับเข้ามาโดยท่านกล่าวว่า

: ลูกเอ๋ย ...พวกท่านน่าจะฝังอับดุลลอฮ์ไปในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ ?

อาอิชะฮ์จึงกล่าวว่า

: อินนาลิลลาฮ์ วะอินนาอิลัยฮีรอญีอูน คุณพ่อค่ะ

อบูบักร จึงกล่าวด้วยความเสียใจว่า

: ฉันขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้ให้พ้นจากชัยฏอนที่ถูกสาปแช่ง จากนั้นท่านก็ได้พูดต่อไปว่า

: ลูกเอ๋ย ความจริงแล้วไม่มีใครหอรกนอกจากเขาจะมี 2 ความรู้สึก นั่นคือ “ความรู้สึกที่มาจากมลาอิกะฮ์ และความรู้สึกที่มาจากชัยฏอน”

หลังจากนั้นระยะหนึ่ง ได้มีคณะจากเผ่าษะกีฟ แห่งเมืองฏออิฟเดินทางมาหาอบูบักร ซึ่งปรากฏว่า ลูกธนูที่สังหารลูกชายนั้นยังคงอยู่กับท่าน อบูบักรจึงนำมันออกไปยังพวกเขา แล้วกล่าวว่า

: มีใครในหมู่พวกท่านรู้จักธนูดอกนี้บ้างไหม ?

สะอด์ อิบนุอุบัยด์ ซึ่งเป็นพี่น้องของ “บนิลอัจญ์ลาน” ไดกล่าวว่า

: ธนูดอกนี้ฉันเป็นคนเหลา ติดขนนก และสะพายมันมาเอง แล้วฉันก็เป็นคนยิงมัน

อบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ จึงกล่าวว่า

: ความจริงแล้วธนูดอกนี้ได้สังหารอับดุลลอฮ์ลูกชายของแน การสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์ที่พระองค์ให้เกียรติเขาเสียชีวิตด้วยกับน้ำมือของท่าน ทำให้เขาได้เป็นชะฮีด โดยท่านมิได้ตายด้วยน้ำมือเขาในสภาพที่ปฏิเสธศรัทธา (กล่าวคือ ชายคนนี้ได้เข้ารับอิสลามหลังจากสงครามครั้งนั้น) พระองค์เป็นผู้ที่กว้างขวางยิ่งนัก
.......................................................
**** 52. ตีฉันกลับสิ ***

ครั้งหนึ่ง อบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ ตะโกนสั่งให้แบ่งอูฐเศาะดะเกาะฮ์ จำนวนหนึ่งแก่ผู้คน

เมื่ออูฐเหล่านั้นถูกนำมาอบูบักรกล่าวว่า

: อย่าให้ใครเข้ามาตรงนี้นอกจากต้องได้รับอนุญาตก่อน

ภรรยาคนหนึ่งส่งเชือกอูฐให้แก่สามีของเธอ พลางกล่าวว่า

: เก็บเชือกอูฐนี้ไว้หวังว่าอัลลอ์ ตะอาลา จะประทานอูฐให้แก่ท่าน

แล้วชายคนนั้นก็ไปหาอบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ พบท่านกับอุมัรเข้าไปที่บริเวณอูฐอยู่เขาจึงตามทั้งสองท่านเข้าไป

เมื่ออบูบักรหันมาก็พบชายคนนั้นยินอยู่ต่อหน้าท่าน มีเชือกอูฐอยู่ในมือของเขา อบูบักรจึงกล่าวแก่เขาวา

: ทำไมท่านถึงเข้ามาโดยพละการ ?

แล้วอบูบักรก็หยิบเชือกอูฐนั้นนำมาตีเขา ครั้นเมื่ออบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ แบ่งอูฐเสร็จเรียบร้อยก็เรียกชายคนนั้นมาแล้วคืนเชือกอูฐให้เขา

อบูบักรกล่าวว่า

: ตีฉันกลับสิ

อุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันอ์ จึงกล่าวว่า

: ขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่าเขาต้องไม่ตีท่านกลับ ท่านอย่าทให้เป็นแบบอย่างเลย

อบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ จึงกล่าวว่า

: แล้วใครจะช่วยเหลือฉันจากอัลลอฮ์ในวันกิยามะฮ์ได้ล่ะ ?

อุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ จึงกล่าวว่า

: ขอให้เขายกโทษให้ท่านสิ !

แล้วอบูบักร เราะฏิยัลลอฮุอันฮ์ ก็มอบอูฐให้เขาตัวหนึ่งใส่อานให้พร้อมผ้าคลุมแล้วยังมอบเงินอีก 5 ดีนาร แก่เขาเป็นการสร้างความพอใจแก่เขาด้วยกับสิ่งเหล่านี้ ชายคนนั้นจึงกลับไปอย่างมีความสุขและพอใจ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น