มุฮัมมัดศิดดีก อัลมินซาวีย์ : เขียน
นาอีม วงศ์เสงี่ยม : แปล
(จากหนังสือ : 101 เรื่องเล่าจากชีวิต “อบูบักร อัศศิดดีก”)
Jiyah Abdulloh โพสต์
………………………………………..
ชายคนหนึ่งซึงเป็นเครือญาติกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ทางการแต่งงานได้มาหาท่านนบี หลังกลับจากสงคราม ขณะนั้นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อยู่ในบ้านของท่านหญิงอาอิชะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงกล่าวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า
: เชิญ เชิญผู้ที่เพิ่งกลับจากสงคราม ท่านต้องการอะไรหรือ ?
ชายคนนั้นกล่าวว่า
: ใครคือบุคคลที่ท่านรักมากที่สุด ?
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงกล่าวว่า
: เธอที่อยู่ข้างหลังฉันนี่อย่างไร (ท่านนบีหมายถึง ท่านหญิงอาอิชะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา)
ชายคนนั้นส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า
: ผมไม่ได้หมายถึงผู้หญิง ผมหมายถึงผู้ชายต่างหากครับ
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
: พ่อของเธอ (หมายถึงอบูบักร อัศศิดดีก)
.......................................................
**** 31. พึงทราบข่าวดีเถิด ชัยชนะได้มายังท่านแล้ว ***
เช้าวันศุกร์ที่ 17 เดือน รอมฎอน อันเป็นวันแห่งสงครามบะดัร ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เข้าไปยังเต้นท์กระโจมของท่าน อบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ ตามหลังเข้าไป โดยไมมีใครคนอื่นอีก
ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ยืนขึ้นวิงวอนขอต่อัลลอฮ์ในสิ่งที่พระองค์สัญญาว่าจะประทานชัยชนะให้ ท่านนบีได้ยกสองมือของท่านวงวอนอย่างนอบน้อม
: “โอ้อัลลอฮ์ หากพระองค์ทำให้พวกเขา (บรรดาผู้อยู่ร่วมกับท่านนบี) พินาศในวันนี้พระองค์จะไม่ถูกสักการะอีกแล้ว”
อบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ ได้อยู่ข้าง ๆ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ปลอบโยนท่านว่า
: โอ้นบีของอัลลอฮ์ แท้จริงอัลลอฮ์ต้องดำเนินตามสิ่งที่พระองค์สัญญาไว้กับท่านอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้นั่งลงหลังจากที่ยืนอยู่เป็นเวลานานา แล้วท่านก็ได้หลับไปครู่หนึ่ง
ภายหลังจากที่ตื่นขึ้นท่านก็กล่าวว่า
: พึงทราบข่าวดีเถิดอบูบักร ว่าการช่วยเหลือของอัลลอฮ์ไดมาถึงแล้ว ญิบรีลกำลังกุมบังเหียนม้าศึกมาฝุ่นตลบเลย
................................................................
**** 32. ฉันได้ทำให้ผุ้ที่ฉันขอได้ยินแล้ว ****
คืนหนึ่ง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ออกจากบ้านไปดูความเป็นอยู่ของผู้คน
ท่านได้เห็นอบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ กำลังละหมาดอยู่โดยใช้เสียงที่แผ่วเบา หลังจากนั้นไม่นานท่านก็เห็นอุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ กำลังละหมาดโดยใช้เสียงดัง
เมื่อทั้งสองมายังท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั่งอยู่ต่อหน้าท่านแล้วท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็กล่าวว่า : อบูบักร (คืนนั้น) ฉันเดินผ่านท่าน พบว่ากำลังละหมาดอ่านเสียงแผ่วเบาอยู่ ?!
อบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ จึงกล่าวว่า : ฉันได้ทำให้ผู้ที่ฉันวิงวอนขอไดยินแล้วครับท่านเราะซูล
แล้วท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมก็กล่าวแก่อุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ ว่า : ฉันเดินผ่านท่าน ก็เห็นว่ากำลังละหมาดอ่านเสียงดัง
อุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ จึงกล่าวว่า : ท่านเราะซูลครับ ฉันกำลังปลุกคนที่นอนหลับและกำลังไล่ชัยฎอนด้วย
แล้วท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็พูดอย่างเปิดอกด้วยความดีใจกับสิ่งที่ได้ยินและเป็นการกล่าวตักเตือนให้แต่ละคนอยู่ในสายกลางว่า
: อบูบักร !! ท่านอ่านให้เสียงดังอีกนิด
: ส่วนอุมัร !! ท่านอ่านให้เบาลงหน่อย
...................................................
**** 33. หากฉันจะยึดใครเป็นบุคคลใกล้ชิด ****
เมื่อครั้งที่ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่สบายอันเป็นเหตุให้ท่านเสียชีวิตในเวลาต่อมา ท่านได้ออกจากบ้านโดยโพกผ้าผืนหนึ่งไว้บนศีรษะของท่าน แล้วท่านก็ขึ้นนั่งบนมิมบัร ท่านได้กล่าวสรรเสริญและสดุดีอัลลอฮ์ หลังจากนั้นก็กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาว่า
: แท้จริงไม่มีใครคนใดที่จะมีบุญคุณต่อฉันทั้งในชีวิตและทรัพย์สินของเขามากไปกว่าอบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ อีกแล้ว หากฉันจะยึดใครในหมู่ผู้คนเป็นผู้ใกล้ชิดแล้ว แน่นอนฉันต้องยึดอบูบักรเป็นผู้ใกล้ชิด แต่ทว่าการใกล้ชิดกันในอิสลามนั้นประเสริฐกว่า
หลังจากนั้นท่านนบีก็พูดเสียงสูงเป็นการสั่งใช้ว่า
: พวกท่านจงปิดประตูทุกบานในมัสญิดนี้นอกจากประตูของอบูบักร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น