อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เขาอ้างว่าผู้ที่พูดเกี่ยวกับความหมายอายะฮและหะดิษสิฟาต คือ พวกบิดอะฮในยุคสะลัฟ




ผู้เขียนหนังสือ อะกีดะฮ์พระเจ้ามีรูปร่างจากยิวสู่ความเชื่อกลุ่มบิดอะฮ์ ได้ระบุคำพูดอิหม่ามนะวาวีย์ ในหน้า 53 ว่า

مَذْهَبُ مُعْظَمِ السَّلَفِ أَوْ كُلِّهِمْ أَنَّهُ لَا يُتَكَلَّمُ فِي مَعْنَاهَا ، بَلْ يَقُولُونَ : يَجِبُ عَلَيْنَا أَنْ نُؤْمِنَ بِهَا وَنَعْتَقِدَ لَهَا مَعْنًى يَلِيقُ بِجَلَالِ اللَّهِ تَعَالَى وَعَظَمَتِهِ مَعَ اعْتِقَادِنَا الْجَازِمِ أَنَّ اللَّهَ تَعَالَى لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَأَنَّهُ مُنَزَّهٌ عَنِ التَّجَسُّمِ وَالِانْتِقَالِ وَالتَّحَيُّزِ فِي جِهَةٍ وَعَنْ سَائِرِ صِفَاتِ الْمَخْلُوقِ ،
ผู้เขียนหนังสือข้างต้นแปลว่า
แนวทางสะลัฟส่วนใหญ่(ยกเว้นพวกบิดอะฮในยุคสะลัฟ)หรือสะลัฟ(อะฮลุสสุนนะฮทั้งหมดนั้น) กล่าวคือ จะไม่พูดในความหมายอายะฮและหะดิษที่กล่าวถึงสิฟาตของอัลลอฮ แต่พวกเขากล่าวว่า จำเป็นบนเราต้องศรัทธาต่อตัวบท และเชื่อมันว่ามีความหมายหนึ่งที่เหมาะสม กับความมีเกียรติและความยิ่งใหญ่ของอัลเลาะฮ์ พร้อมกับเราเชื่ออย่างมั่นใจเด็ดขาดว่า แท้จริงอัลเลาะฮ์ ตะอาลา "ไม่มีสิ่งใดคล้ายเหมือนพระองค์" และพระองค์ทรงบริสุทธิ์จากการเป็นรูปร่าง บริสุทธิ์จากการเคลื่อนย้าย ต้องการที่อยู่ในทิศใดทิศหนึ่ง และบริสุทธิ์จากบรรดาคุณลักษณะของสิ่งที่ถูกสร้าง.
>>>>>>>>>>>>>>
ผู้อ่านโปรดสังเกตจากคำแปลของผู้เขียนคือ
ผู้เขียน ใส่วงเล็บและเพิ่มข้อความว่า (“ยกเว้นพวกบิดอะฮในยุคสะลัฟ”) ทั้งๆที่ในตัวบทคำพูดไม่ได้ระบุการยกเว้นเอาไว้เลย แล้วทำไม่จึงเพิ่มข้อความเข้ามา ทั้งนี้เพื่อที่จะให้ผู้อ่านเชื่อว่าคนยุคสะลัฟที่ให้ความหมายสิฟาตคือ พวกบิดอะฮในยุคนั้น
ขอเรียนว่า ความจริง ไม่มีสะลัฟท่านใด อ้างว่าห้ามพูดเกี่ยวกับความหมายเลย
เช็คมุหัมหมัดรอชีด ริฎอ กล่าวว่า
لَمْ يَقُلْ أَحْمَدُ وَلَا غَيْرُهُ مِنَ السَّلَفِ : إِنَّ فِي الْقُرْآنِ آيَاتٍ لَا يَعْرِفُ الرَّسُولُ وَلَا غَيْرُهُ مَعْنَاهَا بَلْ يَتْلُونَ لَفْظًا لَا يَعْرِفُونَ مَعْنَاهُ .
อะหมัด และ คนอื่นจากเขา จากสะลัฟ ไม่ได้กล่าวว่า แท้จริงในอัลกุรอ่าน มีบรรดาอายะฮ ที่รอซูลและอื่นจากท่านไม่รู้ความหมายของมัน แต่ทว่า พวกเขาอ่านถ้อยคำ โดยพวกเขาไม่รู้ความหมายของมัน – ดูตัฟสีรอัลมะนาร 3/145
>>>>>>
หมายความว่า อิหม่ามอะหมัดและสะลัฟคนอื่น ไม่เคยพูดว่า ในอัลกุรอ่านมีอายะฮที่รอซูลและคนอื่นไม่รู้ความหมาย แต่อ่านถ้อยคำอย่างเดียว ไม่รู้ความหมาย
คำอธิบายของอิหม่ามนะวาวีย์ข้างต้น ที่อ้างว่า
وأنه منزه عن التجسيم والإنتقال والتحيز في جهة
และพระองค์ทรงปราศจากการเป็นร่างกาย(ตัวตน) ปราศจากการเคลื่อนย้าย ปราศจากการอยู่ในทิศใดทิศหนึ่ง
..............
ข้อความข้างต้นเป็นความเห็นของท่านอิหม่ามนะวาวีย์เองไม่ใช่ทัศนะของปราชญ์ชาวสะลัฟ เพราะไม่มีสะลัฟคนใด กล่าวถึง คำว่าอัลลอฮ “เป็นมวลสารหรือรูปร่าง ในเชิงรับรอง(อิษบาตร)และ ในเชิงปฏิเสธ และคำว่า “ทิศ” ก็เช่นเดียวกัน สะลัฟไม่ได้กล่าวถึงคำนี้
ดังอิหม่ามอัลกุรฏุบีย์ ซึ่งเป็นปราชญ์ตัฟสีรที่มีแนวคิดเอนเอียงไปทางอะชาอิเราะฮ ได้ยืนยันไว้คือ
وَقَدْ كَانَ السَّلَف الْأَوَّل رَضِيَ اللَّه عَنْهُمْ لَا يَقُولُونَ بِنَفْيِ الْجِهَة وَلَا يَنْطِقُونَ بِذَلِكَ , بَلْ نَطَقُوا هُمْ وَالْكَافَّة بِإِثْبَاتِهَا لِلَّهِ تَعَالَى كَمَا نَطَقَ كِتَابه وَأَخْبَرَتْ رُسُله
บรรดาสลัฟยุคแรก (ร.ฎ) พวกเขาไม่ได้ปฏิเสธ คำว่า"ทิศ" และพวกเขาไม่ได้พูดมัน ในทางตรงกันข้าม พวกเขาเองทั้งหมด ต่างก็กล่าวรับรอง มัน(ทิศ) แก่อัลลอฮ (ซ.บ) ดังที่ คัมภีร์ของพระองค์ได้กล่าวเอาไว้และบรรดารซูลของพระองค์ได้บอกเอาไว้ - - อัลญามิอุนอะหกามอัลกุรอ่าน 7/219
ส่วนการปฏิเสธทิศ เกี่ยวกับอัลลอฮนั้น ไม่ใช่ทัศนะสะลัฟ
คำว่า “รูปร่าง”หรือเป็นรูปร่าง ก็เช่นเดียวกัน ชาวสะลัฟไม่ได้พูดถึง แต่เป็นคำที่อุตริขึ้นมา อธิบายเกี่ยวกับสิฟัตอัลลอฮ ของคนยุคหลังเท่านั้น ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮ กล่าวว่า
ليس في كتاب الله ولا سنة رسول الله صلى الله عليه وسلم ولا قول أحد من سلف الأمة وأئمتها أنه ليس بجسم وأن صفاته ليست أجساما وأعراضا فنفي المعاني الثابتة بالشرع بنفي ألفاظ لم ينف معناها شرع ولا عقل جهل وضلال
ไม่ปรากฏในคัมภีร์อัลลอฮ และสุนนะฮรซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ และไม่ปรากฏคำพูดคนหนึ่งคนใดจากอุมมะฮยุคสะลัฟ และบรรดาอิหม่ามของพวกเขา ว่า แท้จริงพระองค์ ไม่ใช่รูปร่าง/มวลสาร และ(ไม่มีผู้ใดที่กล่าวมา กล่าวว่า)แท้จริงบรรดาคุณลักษณะของพระองค์ ไม่ใช่บรรดามวลสาร/รูปร่างและบรรดาสิ่งของ ดังนั้น การปฏิเสธ บรรดาความหมายที่ยืนยันด้วยบทบัญญัต ด้วย การปฏิเสธ บรรดาถ้อยคำ ที่ บทบัญญัติ(หมายถึงอัลลอฮและรอซูล)และสติปัญญาไม่ได้ปฏิเสธความหมายของมัน นั้น คือ ความงี่เง้าและหลุ่มหลง – ดู บะยานตัลบิสอัลญะมียะฮ เล่ม 1 หน้า 101
...........
กล่าวคือ ไม่มีสะลัฟคนใดกล่าวว่า อัลลอฮ เป็นมวลสาร หรือไม่เป็นมวลสาร(รูปร่าง) และการปฏิเสธความหมายของบรรดาถ้อยคำที่อัลลอฮและรอซูลได้ยืนยันไว้ และไม่ได้ปฏิเสธความหมายของมันนั้น ถือเป็นความโง่เขลาและหลุ่มหลง

والله أعلم بالصواب


....................
อะสัน หมัดอะดั้ม


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น