อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อบูบักร กับ ฟินฮาศชาวยิว



มุฮัมมัดศิดดีก อัลมินซาวีย์ : เขียน

นาอีม วงศ์เสงี่ยม : แปล

(จากหนังสือ : 101 เรื่องเล่าจากชีวิต “อบูบักร อัศศิดดีก”)

Jiyah Abdulloh  โพสต์
………………………………………..

ในทางเดินใต้ดินของชัยฏอน แกนนำชาวยิวในมะดีนะฮ์ได้รวมตัวกัน พวกเขาเริ่มวางแผนและกลอุบายอย่างแยบยล กล่าวหาทั้งอัลลอฮ์และเราะซูลของพระองค์ด้วยคำพูดที่เป็นประหนึ่งมีดคอยกรีดชีวิตและเกียรติยศของผู้อื่น

ทันใดนั้น อบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ ได้จู่โจมเข้ามาท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยการวางแผนและความวุ่นวายท่านได้พบพวกเขากำลังรวมตัวอยู่กับชายคนหนึ่งที่รู้จักกันในนาม “ฟินฮาศ” ผู้เป็นปราชญ์และบาทหลวงของพวกเขา

อบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ กล่าวว่า : อนิจจาเอ๋ย ฟินฮาศ ! จงยำเกรงอัลลอฮ์ และเข้ารับอิสลามเถิด ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่าท่านนั้นรู้ว่ามุฮัมมัดคือเราะซูลของอัลลอฮ์ ท่านนบีได้นำเอาความจริง ณ อัลลอฮฺมายังพวกท่านแล้ว พวกท่านพบว่ามุฮัมมัดนั้นถูกจารึกในคัมภีร์เตารอดและอินญีลของพวกท่าน

ฟินฮาศจึงกล่าวอย่างหยาบคายว่า : ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ อบูบักรเอ๋ย พวกเราไม่ถือว่ายากจน ณ ที่อัลลอฮ์ (หมายถึงไม่ต้องการพระองค์ – ผู้แปล) อัลลอฮ์ต่างหากที่ยากจน ณ ที่พวกเขา และพวกเราก็ไม่วอนขอต่อพระองค์เหมือนกับที่พระองค์ต้องวอนขอพวกเรา พวกเรานั้นไม่ต้องพึ่งพระองค์ แต่พระองค์ต่างหากที่ต้องพึ่งพิงพวกเรา หากอัลลอฮ์ไม่ต้องพึ่งพวกเราแล้ว พระองค์ก็คงไม่ขอยืมทรัพย์สินของพวกเราตามที่สหายของพวกเจ้า (นบีมุฮัมมัด) ได้อ้างเช่นนั้นหรอก พระองค์ห้ามพวกท่านจากดอกเบี้ยแต่กลัวให้พวกเราเสียเอง หากพระองค์ไม่ต้องพึ่งพาพวกเราแล้วก็คงไม่ต้องให้ดอกเบี้ยแก่พวกเราหรอก

อบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ โกรธมากรับเข้าไปหาฟินฮาศและชกเข้าที่หน้าอย่างแรง จากนั้นท่านได้ตะโกนด้วยเสียงดังประหนึ่งการคำรามของสิงโตว่า : ขอสาบานต่อผู้ที่ชีวิตฉันอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ของพระองค์ หากไม่มีพันธะสัญญาระหว่างพวกเรากับพวกเจ้าแล้ว ฉันจะต้องตัดคอเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าศัตรูของอัลลอฮ์

ฟินฮาศจึงไปหาเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และกล่าวทั้งน้ำตาว่า

: มุฮัมมัด ดูสิว่าสหายของท่านทำอย่างไรกับฉัน

ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวกับอบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ ว่า

: ทำไมท่านจึงทำอย่างนั้น ?

อบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ ตอบว่า : โอ้ท่านเราะซูล ! ฟินฮาศผู้เป็นศัตรูของอัลลอฮ์ได้กล่าวคำพูดที่ยิ่งใหญ่ออกมา เขาอ้างว่าอัลลอฮ์นั้นยากจน และพวกเขานั้นร่ำรวย เมื่อเขากล่าวอย่างนั้นฉันจึงโกรธขึ้นมา ฉันโกรธเพื่ออัลลอฮฺและได้ชกหน้าเขา

ฟินฮาศตะโกนปฏิเสธออกมาว่า : มุฮัมมัด อบูบักรนั้นโกหก พวกเราไม่ได้พูดอย่างนั้นเสียหน่อย

แล้วอัลลอฮ์ ตะอาลา ก็ได้ตอบโต้คำกล่าวของฟินฮาศ และยืนยันถึงความสัจจริงของอบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ ด้วยคำพูดของพระองค์ที่ว่า

ความว่า “แน่นอนยิ่งอัลลอฮ์ทรงได้ยินคำพูดของบรรดาผู้ที่กล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ยากจนและพวกเรานั้นเป็นผู้มั่งมี เราจะจารึกสิ่งที่พวกเขาได้กล่าวไว้และการที่พวกเขาเข่นฆ่าบรรดานบีโดยปราศจากความเป็นธรรมและเราจะกล่าวว่าพวกเจ้าจงลิ้มการลงโทษแห่งเปลวเพลิงเถิด” (ซูเราะฮ์ อาละอิมรอน อายะฮ์ที่ 181)
.......................................................

**** 19. อิสลามของอบูกุฮาฟะฮ์ ***

เวลาผ่านไปไม่กี่อึดใจ ภายหลังที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้พิชิตมักกะฮ์ ขับไล่การคืบคลานแห่งการปฏิเสธศรัทธา และการตั้งภาคี ท่านได้เข้าไปที่บัยตุลลอฮ์ อัลหะรอม และทำลายรูปเคารพต่าง ๆ เสียงตักบีรกล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์ได้ดังกระหึ่มไปทั่ว จนกระทั่งอบูบักรได้ไปหาบิดาของท่าน “อบูกุฮาฟะฮ์” นำท่านผู้เป็นชายชราตาบอดออกมาหาท่านนบี

เมื่อเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เห็นอบูกุฮาฟะฮ์ออกมาจึงกล่าวเชิงตำหนิอบูบักรว่ : ทำไมไม่ปล่อยผู้ใหญ่อาวุโสไว้ที่บ้านล่ะ ฉันจะได้ไปเยี่ยมเขาด้วยตัวฉันเอง?

อบูบักร เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ จึงกล่าวว่า

: โอ้ท่านเราะซูล เขาเดินมหาท่านย่อมเป็นการสมควรกว่าที่ท่านจะเดินไปหาเขาด้วยตัวท่านเอง

หลังจากนั้นอบูกุฮาฟะฮ์จึงนั่งแบบคนอาวุโสอย่างสงบต่อหน้าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แล้วท่านนบีก็ได้ใช้มืออันมีเกียรติของท่านลูบไปที่อกอบูกุฟะฮ์เพื่อให้ตะกอนสกปรกแกห่งการปฏิเสธศรัทธาได้ออกไป

และกล่าวแก่ท่านว่า : เข้ารับอิสลามเถิด

แล้วอบูกุฮาฟะฮ์ก็เข้ารับอิสลาม อัลลอฮ์ได้ให้ทางนำแก่ท่านด้วยกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น