วันอาชูรออ์ ตรงกับวันที่ 10 เดือนมุฮัรรอม ของฮิจเราะฮฺศักราชอิสลาม ซึ่งเป็นวันที่ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้ถือศิลอด เพื่อร่วมชู โกรต่อเอกองค์อัลลอฮฺที่ทำให้นบีมูซาและบนีอิสราเอลรอดพ้นจากการถูกตามล่า ของฟิรเอาน์และกองทหาร เ และนอกจากให้ถือศิลอดสุนนะฮฺในวันที่ 10 แล้ว ยังส่งเสริมให้ถือศิลอดในวันที่ 9 และวันที่ 11 มุฮัรรอมด้วย ซึ่งท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวในปีที่ท่านเสียชีวิตว่า หากท่านมีชีวิตอยู่จนถึงปีหน้า ท่านจะต้องถือศีลอดในวันที่เก้าด้วย
ท่านอิบนุอับบาส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า
قَدِمَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ الْمَدِينَةَ فَرَأَى الْيَهُودَ تَصُومُ يَوْمَ عَاشُورَاءَ فَقَالَ مَا هَذَا قَالُوا هَذَا يَوْمٌ صَالِحٌ هَذَا يَوْمٌ نَجَّى اللَّهُ بَنِي إِسْرَائِيلَ مِنْ عَدُوِّهِمْ فَصَامَهُ مُوسَى قَالَ فَأَنَا أَحَقُّ بِمُوسَى مِنْكُمْ فَصَامَهُ وَأَمَرَ بِصِيَامِهِ
“ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้มาที่นครมะดีนะฮ์ ท่านเห็นพวกยิวทำการถือศีลอดในวันอาชูรออฺ ดังนั้นท่านนะบีย์จึงถามว่า นี้คือวันอะไร พวกเขากล่าวว่า นี้คือวันดี เป็นวันที่อัลเลาะฮ์ได้ให้ท่านนะบีย์ของบะนีอิสรออีล (นะบีย์มูซา) รอดพ้นจากศัตรู (คือฟิรอูน) ดังนั้นท่านนะบีย์มูซาจึงถือศีลอด (เพื่อขอบคุณอัลเลาะฮ์) ท่านนะบีย์จึงกล่าวว่า ฉันมีสิทธิมากกว่าพวกท่านเกี่ยวกับมูซา ดังนั้นท่านนะบีย์จึงถือศีลอดวันอาชูรออฺและสั่งใช้ให้ถือศีลอด” รายงานโดยอัลบุคอรีย์, ฮะดีษลำดับที่ 2004
ท่านก่อตาดะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า
سُئِلَ عَنْ صَوْمِ يَوْمِ عَاشُوْرَاءَ فَقَالَ يُكَفِّرُ السَّنَةَ الْمَاضِيَةَ
“ท่านนะบีย์ได้ถูกถามเรื่องการถือศีลอดวันอาชูรออฺ ดังนั้นท่านนะบีย์ตอบว่า มันจะลบล้างความผิดของปีที่ผ่านไป” รายงานโดยมุสลิม, ฮะดีษลำดับที่ 1162 .
ท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า
كَانَتْ قُرَيْشٌ تَصُومُ عَاشُورَاءَ فِي الْجَاهِلِيَّةِ وَكَانَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَصُومُهُ فَلَمَّا هَاجَرَ إِلَى الْمَدِينَةِ صَامَهُ وَأَمَرَ بِصِيَامِهِ فَلَمَّا فُرِضَ شَهْرُ رَمَضَانَ قَالَ مَنْ شَاءَ صَامَهُ وَمَنْ شَاءَ تَرَكَهُ
“ชาวกุเรชเคยทำการถือศีลอดวันอาชูรออฺในสมัยญาฮีลียะฮ์ และท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ทำการถือศีลอดเช่นกัน ดังนั้นในขณะที่ท่านได้อพยพสู่นครมะดีนะฮ์ ท่านได้ใช้ให้ทำการถือศีลอด (วันอาชูรออฺ) และในขณะที่เดือนรอมะฎอนถูกฟัรดู (ให้ถือศีลอด) ท่านร่อซูลุลลอฮ์ จึงกล่าวว่า ผู้ใดต้องการจะถือศีลอด ก็จงทำเถิด และผู้ใดที่ต้องการละทิ้ง ก็ละทิ้งเถิด”รายงานโดยมุสลิม, ฮะดีษลำดับที่ 1897 .
ท่านอิบนุอับบาส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لَئِنْ بَقِيتُ إِلَى قَابِلٍ لَأَصُومَنَّ التَّاسِعَ
“ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า ถ้าหากฉันมีชีวิตอยู่จนถึงปีหน้า ฉันจะต้องถือศีลอดในวันที่เก้า” รายงานโดยมุสลิม, ฮะดีษลำดับที่ 1134 .
รายงานจากอิบนุอับบาสกล่าวว่า
“ฉันไม่เคยเห็นท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วะสัลลัม ไห้ความสำคัญกับการถือศีลอดมากกว่าวันนี้ หมายถึงวันอาชูรออฺ และการถือศีลอดในเดือนนี้ หมายถึงเดือนรอมฎอน” (บันทึกโดย บุคอรีย์ หมายเลข 2006)
ท่านอิมามอัลค่อฏีบ อัชชัรบีนีย์ ได้กล่าวว่า
فَإِنْ لَمْ يَصُمْ مَعَهُ تَاسُوْعَاءَ سُنَّ أَنْ يَصُوْمَ مَعَهُ الحَادِيَ عَشَرَ بَلْ نَصَّ الشَّافِعِيُّ فِي الأُمِّ وَالإِمْلاَءِ عَلَي إسْتِحْبَابِ صَوْمَ الثَّلاَثَةِ
“ถ้าหากเขามิได้ถือศีลอดวันที่ 9 พร้อมกับวันที่ 10 มุฮัรร็อม ก็สุนัตให้เขาทำการถือศีลอดในวันที่ 11 มุฮัรร็อม ยิ่งกว่านั้น อิมามอัชชาฟิอีย์ได้กล่าวระบุในหนังสือ อัลอุมมฺและหนังสืออัลอิมลาอฺว่า สุนัตให้ถือศีลอดในสามวัน (คือวันที่ 9, 10, และ 11 มุฮัรร็อม)” มุฆนิลมั๊วะห์ตาจญฺ, เล่ม 2 หน้า 197
จากหะดิษข้างต้น แบบฉบับของท่านบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) และเหล่าอัส-สะละฟุศศอลิหฺนั้นคือ การถือศิลอด ไม่ใช่การดื่มกิน เฉลิมฉลอง หรือวันไว้อาลัยโศกนาฏกรรมใดไม่
ท่านฟัยรูซฺ อะบาดีย์ กล่าวว่า “ได้มีหะดีษ (ที่ถูกต้อง) ที่บ่งบอกถึงสุนนะฮฺให้ถือศีลอดในวันอาชูรอ ส่วนหะดีษอื่นๆที่เกี่ยวกับความประเสริฐของการละหมาดในวันอาชูรอ การให้ทาน การย้อมสีเคราและมือ การใส่น้ำหอมบนหัว การทาขนตาให้ดำ การหุงต้ม (เช่นการกวนชูรอ เป็นต้น) และอื่นๆ ล้วนเป็นหะดีษที่เมาฎูอฺและกุขึ้นมาทั้งสิ้น” (สิฟรุล สะอาดะฮฺ หน้า 150) วัลลอฮุ อะลัม
ดังนั้นเราต้องยืนยัด และยึดแบบฉบับของท่านรสูลของอัลลอฮฺตะอาลาไว้ให้แน่น ท่านสั่งใช้ทำอะไรเราก็ต้องปฏิบัติตามนั้น ท่านปฏิบัติไว้เป็นแบบอย่างแล้วสำหรับวันอาชูรออ์ เราจะไปปฏิบัติผิดแปลกแตกต่างไปตามใจชอบในแต่ละท้องถิ่นกระนั่นหรือ ทั่งการกินการดื่ม เป็นการปฏิบัติที่สวนทางตามแบบฉบับของท่านนบีที่ให้มีการอดอาหารและเครื่องดื่มในอาชูรออ์โดยสิ้นเชิง
ท่านรสูลไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญ กับการถือศีลอดในวันอาชูรอเท่านั้น ซ้ำท่านยังมีคำสั่งให้บรรดาเศาะหาบะฮฺออกป่าวประกาศตามหมู่บ้านต่างๆให้ทุก คนถือศีลอดกันในวันอาชูรออีกด้วย ด้วยคำกล่าวที่ว่า “จงป่าวประกาศแก่ประชาชนว่า ผู้ใดที่ได้ทานอะไรลงไปแล้วก็จง(หยุดทานและ)ถือศีลอดในเวลาที่ยังเหลืออยู่ และผู้ใดที่ยังไม่ได้ทานอะไรลงไปก็จงถือศีลอดเสีย เพราะวันนี้คือวันอาชูรอ” (บุคอรีย์ หมายเลข 2007) เช่นเดียวกับบรรดาเคาะลีฟะฮฺทั้งสี่ ซึ่งทุกท่านต่างให้ความสำคัญกับการถือศีลอดในวันอาชูรอเป็นอย่างมาก (เอาญะซุลมะสาลิก 5/96)
ดังที่มีรายงานจากอุมัร บิน อัลค็อฏฏอบว่า ท่านได้ส่งตัวแทนให้ป่าวประกาศแก่ประชาชนว่า “พรุ่งนี้เป็นอาชูรออฺ ดังนั้นพวกเจ้าทั้งหลายจงถือศีลอดเสีย และจงสั่งกำชับให้ลูกเมียของพวกเจ้าถือศีลอดด้วย”. (บันทึกโดย มาลิก หมายเลข 668)
ท่านมุอาวิยะฮฺ บิน อบีสุฟยาน ได้กล่าวปราศรัยในวันอาชูรอหลังจากเทศกาลฮัจญ์ว่า “บรรดาอุลามาอฺของพวกเจ้าอยู่ใหน? วันนี้คือวันอาชูรอ อัลลอฮฺไม่ได้บังคับให้พวกเจ้าถือศีลอดในวันนี้ แต่ฉันเป็นคนที่ถือศีลอดในวันนี้ ดังนั้นผู้ใดในหมู่พวกเจ้าพอใจที่จะถือศีลอดก็จงถือเสีย และผู้ใดที่จะทานอาหาร (ไม่ถือศีลอด) ก็จงทานเสีย”. (บันทึกโดย บุคอรีย์ หมายเลข 2003 มุสลิม หมายเลข 1129)
ทั้งมุสลิมบางท่านกลับกล่าวว่าหะดิษที่ท่านนบีให้ถือศิลอดในวันอาชูรออ์ว่าเป็นหะดิษปลอมที่พวกอุมัยยะฮฺอุตริขึ้น เพื่อเอาไปใช้ในทางการเมือง โดยอ้างว่าพวกชีอะฮ์ได้การรำลึกของฮุเซ็นด้วยการทำบุญเลี้ยงอาหารและแจกน้ำดื่ม และมีการเล่าเรื่องสงครามอัลกัรบาลาอฺ ที่ท่านฮุเซ็นถูกฆ่า ทำให้พวกเขาเกิดเกลียดชังตระกูลอุมัยยะฮ์ จึงได้สร้างหะดิษให้ถือศิลอดในวันอาชูรออ์ เพื่อไม่อยากให้ไปร่วมอาชูรออ์ของชีอะฮฺ นั้นเป็นการกุความเท็จสาดใส่ให้บรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านรสูล โดยนำข้อกล่าวหาเหล่านี้จากชีอะฮฺมาเป็นข้อกล่าวอ้างที่จะร่วมกันทำการกวนอาชูรออ์ และละทิ้งการถือศิลอดตามแบบอย่างของท่านนบีไป ทั้งที่มีหะดิษที่เศาะเฮียะฮฺมากมายที่ยีนยันถึงการถือศิลอดของท่านนบีในวันอาชูรออ์ ดังหะดิษที่ยกมาดังกล่าวข้างต้น
แต่พวกเขากลับเลือกที่จะทำการกวนอาชูรออ์ ที่คล้ายครึงการบริจาคอาหารและน้ำดื่มเช่นเดียวกับพวกชีอะฮฺในการรำลึกถึงท่านฮุเซ็น โดยมีความเชื่อว่าอาหารเครื่องดื่มนั้นจะช่วยเขากระหายความร้อนในวันกิยามะฮฺ ทั้งมีการทำพิธีกรรมที่คล้ายครึ่งกัน ในกรณีนำอายะฮฺอัลกุรอานตอนหน้าและตอนท้ายของสูเราะฮฺอัลบากอเราะฮ์มากล่าวในพิธี
ซึ่งความเข้าใจของพวกเขาและผู้ที่สืบทอดต่อๆมานั้น วันอาชูรออ์ก็คือวันที่มีการร่วมกันกวนอาชูรออ์ พวกเขาบางคนไม่ทราบเสียด้วยซ้ำว่ามีการถือศิลอดในวันนี้ พวกเขาจึงเห็นความสำคัญในการทำพิธีกวนซุฆอหรืออาชุรออ์ในวันนี้ มากกว่าการถือศิลอดตามแบบอย่างของท่านนบีและเหล่าอัส-สะละฟุศศอลิหฺ
และพวกเขาอ้างว่าการกวนอาชูรอเป็นเศาะดะเกาะฮฺที่ศาสนาอนุญาตและส่งเสริม นั้นก็เป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง หากไม่เป็นการทำเฉพาะเจาะจง และมีความเชื่อต่างๆที่ไม่เคยมีแบบอย่างจากท่านนบีและเหล่าอัส-สะละฟุศศอลิหฺ นั้นคือ ถ้าทำไปไม่เฉพาะเจาะจงเฉพาะวันอาชุรออ์ ทำวันไหนก็ได้ ไม่มีความเชื่อที่ผิดแปลกไปในการการทำอาหารและในการบริจาคอาหารนั้น หรือมีความเชื่อที่ต่างไปจากผลบุญของการทำเศาะดะเกาะฮ์ทั่วๆไป
الله أعلم بالصواب
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น