อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ความเชื่อของมุสลิมบ้านเรากรณีข้อห้ามสำหรับหญิงตั้งครรภ์



ยังมีความเชื่อต่างๆในสังคมมุสลิมบ้านเรา เกี่ยวกับข้อห้ามสำหรับหญิงมุสลิมตั้งครรภ์ เช่น ห้ามทั้งสามี และภรรยาที่ตั้งครรภ์เชือดสัตว์เพื่อทำเป็นอาหาร ห้ามไม่ให้ตีสัตว์ ทำร้ายสัตว์ หรือทรมานสัตว์ ห้ามตีงู ห้ามตกปลา เป็นต้น เพราะมันอาจจะส่งผลไม่ดีตกกับลูกทั้งร่างกายและจิตใจ และความเชื่อเหล่านี้ยังคงครอบงำสำหรับมุสลิมบ้านเรา จนทำให้มุสลิมบางคนต้องหลับหูหลับตาเชื่อมัน กลัวจะมีอันเป็นไปแก่ลูก หากมีการเชือดสัตว์ สามีของผู้ตั้งครรภ์ ก็ต้องวานผู้อื่นเชือดให้ เมื่อจะออกไปตกปลามาทำกับข้าวก็กลัวจะส่งผลต่อลูก เมื่อยุงกัดก็ไม่กล้าฆ่ามัน หรือเมื่อสัตว์พิษกัดต้อย ก็ปล่อยมันไป

ซึ่งความเชื่อเหล่านี้ไม่ปรากฎหลักฐานใดๆจากอัลกุรอาน หะดิษ หรือทัศนะความเห็นชาวสลัฟ หรือคอลัฟ อีหม่ามทั้งสี่ หรือนักวิชาการศาสนาท่านใดก็ตามแต่ เราต้องละทิ้งความเชื่อเหล่านี้ออกไปจากชีวิตของเรา และจงมอบหมายตะวักกุลต่อพระองค์อัลลอฮฺ เพราะพระองค์เท่านั้นที่จะทำให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นกับตัวเรา ภรรยาของเรา หรือบุตรของเรา หากพระองค์สงประสงค์แล้วเราก็ไม่สามารถจะหักห้ามมันได้ ซึ่งหากมุสลิมคนใดมีความเชื่อว่าการกระทำเหล่านั้นส่งผลในการให้คุณให้โทษด้วยตัวของมันเองไม่ใช่มาจากพระองค์อัลลอฮฺแล้ว ก็ถือว่าเป็นการตั้งภาคี (ชิรฺก์) นั้นเอง

สำหรับความเชื่อเหล่านี้ที่มีอยู่ในสังคมมุสลิมบ้านเรานั้น มันมีที่มาของหลักความเชื่อจากแหล่งที่ใดนั้นไม่ทราบแน่ชัด

แต่สำหรับคนต่างศาสนิก เช่นผู้นับถือพุทธศาสนา เขามีความเชื่อเหล่านี้สืบต่อกันมาจากคนโบรั่มโบราณ ได้แก่ ห้ามซ่อมแซม กระทบเกี่ยวกับบ้านที่อาศัย รวมถึงที่ทำงาน ที่มีสตรีตั้งครรภ์อาศัยอยู่
เพราะ เป็นเหตุให้เด็กทารกพิการ หรือเสียชีวิต, ห้ามหญิงตั้งครรภ์ ตั้งท้อง รังแก หรือทำร้ายสัตว์ เพราะจะเกิดผลร้ายสะท้อนกลับ, ห้ามหญิงมีครรภ์ ตั้งท้อง เย็บปักถักร้อย, ห้าม หญิงตั้งครรภ์ ตั้งท้อง ไปงานศพ สุสาน,  ห้ามนั่งคาบันไดเรือน, ห้ามอาบน้ำหลังสิ้นแสงตะวัน(กลางคืน), ห้ามสยายผม หรือห้ามตอกตะปู เป็นต้น

 เรามุสลิมก็มีอิสลามเป็นทางนำและสมบูรณ์อยู่แล้ว อย่าเอาความเชื่อของคนต่างศาสนิกมาปะปนกับชีวิตมุสลิมของเราเลย

ส่วนการทำร้ายสัตว์ การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ก็เป็นที่ต้องห้ามอยู่แล้วในบทบัญญัติอิสลาม และอิสลามยังสอนให้มีความมีเมตตาปราณีต่อเหล่าบรรดาสัตว์อีกด้วย

ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าว่า
“ผู้ใดที่มีเมตตา แม้แต่จะกับนกตัวเล็กๆ ที่เขาจะเชือดมัน อัลลอฮฺจะทรงเมตตาเขาในวันกิยามะฮฺ” (บันทึกหะดิษโดยอิมามอัฏฏอบรอนีย์)

ครั้งหนึ่งท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎียัลลอฮุอันฮา ได้ร่วมเดินทางไปกับท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ขณะที่เธอขี่อูฐ เธอดึงมันแรงๆ ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงกล่าวว่า
“เธอจงอ่อนโยนกับมันเถิด” (บันทึกหะดิษโดยอิมามมุสลิม)

ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“ผู้ใดหั่นตัวอวัยวะสัตว์ขณะมันยังมีชีวิตอยู่ เขาจะถูกสาปแช่งจากอัลลอฮฺ บรรดามาลาอิกะฮฺ และมนุษย์ทั้งมวล” (บันทึกหะดิษโดยอิมามอัฏฏอบรอนีย์)
ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
 ความว่า "บุคคลที่นำสิ่งหนึ่งที่มีวิญญาณมาเป็นเป้า (ประลองฝีมือ เช่นสัตว์), (เขาผู้นั้น) ถูกสาปแช่ง" (บันทึกโดยบุคอรีย์ และมุสลิม) 

กรณีที่มุสลิมยิงนกตกปลาเพื่อทำลายชีวิตเอาเป็นเรื่องสนุก เป็นงานอดิเรกโดยไม่มีเป้าหมายในการนำมาเป็นอาหารหรือสินค้าก็ย่อมถือว่าต้องห้ามโดยบัญญัติของศาสนาอยู่แล้วเพราะเป็นการสร้างความเสียหายบนหน้าโลกซึ่งศาสนาห้าม ยกเว้นสัตว์บางชนิดที่เป็นพิษภัยต่อชีวิตอนุญาตให้ฆ่าได้

ได้แก่ สั่งให้ฆ่างูซึ่งหางของมันด้วน และงูที่มีทางดำพาดหลังสองทาง, สาเหตุที่ฆ่าเพราะทำให้ดวงตาฝ้าฟางและทำให้สตรีที่ตั้งครรภ์แท้งลูก

 ท่านอบูลุบาบะฮฺเล่าว่า ความว่า
 "ฉันได้ฟังท่านนบีห้ามฆ่างูซึ่งพบในบ้านนอกจากงูหางด้วน และงูที่มีทางดำพาดหลังสองทาง เพราะแท้จริงมันทั้งสองจะทำให้ดวงตาเฝ้าฟาง และทำให้สตรีตั้งครรภ์แท้งลูก" (บันทึกโดยบุคอรีย์)

สั่งให้ฆ่างูที่อยู่บ้านเกิน 3 วัน เพราะถือว่างูตัวนั้นคือชัยฏอน

ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
 ความว่า " แท้จริงในเมืองมะดีนะฮฺมีญินกลุ่มหนึ่งที่เข้ารับอิสลาม ดังนั้นผู้ใดพบสิ่งใดจากบรรดางู (อาศัยอยู่ในบ้าน) ก็ให้เขาเตือนงูนั้นภายใน 3 วัน (เพราะหากฆ่ามันอาจจะเป็นญินมุสลิมก็ได้) แต่ถ้าหากปรากฏภายหลัง (3 วันแล้วงูตัวนั้นยังอยู่ในบ้านของท่าน) ท่านจงฆ่ามัน เพราะแท้จริงงูตัวนั้นชัยฏอน"

สั่งให้ฆ่างู หรือแมงป่องในขณะละหมาด

 ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
ความว่า "พวกท่านจงฆ่าสิ่งดังสองสิ่งในขณะละหมาด นั่นคือ งู และแมงป่อง" (บันทึกโดยอะหฺมัด, หะดีษหะสันเศาะหี้หฺ)
สั่งให้ฆ่าจิ้งจก เพราะมันช่วยเป่าไฟให้ประทุขึ้นขณะที่นบีอิบรอฮีมอยู่ในกองไฟนั้น (บันทึกหะดีษของอิมามบุคอรีย์)

สำหรับการห้ามหญิงตั้งครรภ์หรือสามีของนางกระทำใดๆแก่สัตว์นั้น ไม่มีระบุไว้โดยเฉพาะดั่งที่กล่าวมาข้างต้น แต่อย่างไรก็ตามการดำเนินการใดๆ เช่น ตีงู ตกปลาหาเลี้ยงชีพ เชือดไก่เพราะจะทำอาหาร ให้เป็นหน้าที่ของสามี โดยภรรยาสมควรหลีกเลี่ยงที่จะดูหรือมีส่วนร่วม เพราะอาจจะนำไปนึกคิดและเห็นภาพที่ไม่ดีจะเป็นเหตุให้เกิดความไม่สบายใจและคิดมาก ซึ่งไม่เป็นผลดีแต่อย่างใดสำหรับคนที่กำลังตั้งครรภ์ จึงควรเลี่ยงเสียจากสิ่งดังกล่าวเพราะเมื่อจิตใจฟุ้งซ่านเป็นกังวลและนึกถึงภาพที่เห็นซัยฏอนก็จะถือเป็นโอกาสในการรบกวนจิตใจได้ว่าจะเป็นอย่างนั้นจะเป็นอย่างนี้ ลูกในท้องจะเป็นอย่างนั้นจะเป็นอย่างนี้ จึงต้องปิดหนทางไม่ให้ซัยฏอนมีโอกาสในเรื่องนี้

والله ولي التوفيق





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น