มุสลิมบรรดาลูกหลานมุสลิมส่วนใหญ่ปัจจุบัน
เข้าเป็นสมาชิกหนึ่งของศาสนาอิสลามโดยง่ายดาย
เนื่องจากกำเนิดมาจากบรรพบุรุษที่เป็นมุสลิมเท่านั้น
ทั้งๆที่บางคนมิได้สมัครใจเสียด้วยซ้ำ
ฉะนั้นสิ่งที่ได้มาโดยง่ายนี้เองทำให้มุสลิมบางคนเกิดความมักง่ายในเรื่องยึดถือปฏิบัติจนขนาดทำให้ลูกหลานมุสลิมไม่น้อยต้องหลุดออกไปจากอิสลาม
ทั้งกรณีกรณีไม่เจตนา กระทั่งจงใจหรือท้าทายก็มี
พี่น้องมุสลิมทั้งหลาย
คงไม่มีใครปฏิเสธเลยว่า สาเหตุหนึ่งแห่งความตกต่ำ
และเสื่อมถอยในแทบทุกด้านของชีวิตบรรดาลูกหลานมุสลิมในปัจจุบน ก็คือความโง่เขล่า
(ญะฮิล) ของมุสลิมต่ออิสลาม
จนกระทั่งทำให้ขาดความมั่นใจต่อตนเองและต่อพลังซ่อนเร้นอันทรงอำนาจที่เรามีอยู่ในตัว
นั้นคือพลังแห่งเตาฮีด
และยังปราศจากความรู้อันลึกซึ้งต่อความหมายที่แท้จริงของ
“ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ” อยู่
ทั้งๆที่พวกเขากล่าวถ้อยคำนี้อยู่ในทุกเช้าเย็นของแต่ละวันอยู่บ่อยครั้งก็ตาม
ดังนั้น ตราบใดที่มุสลิมเราไม่ชัดเจนในเรื่องเตาฮีดนี้แล้ว
แน่นอนลักษณะการเป็นอยู่ตลอดถึงแนวคิด และวิถีชีวิตของเรา
ย่อมถูกครอบงำด้วยหมอกควันแห่งความคลุมเครือของชิริก และกุฟร์(การปฏิเสธ)อยู่ตลอดไป
จะเห็นจากการที่ลูกหลานมุสลิมเรา เมื่อเกิดปัญหาในชีวิต จากที่พวกเขายกมือขอดุอาอ์
หรือก้มลงสุญูดวิ่งวอนขอจากพระองค์อัลลอฮฺตะอาลา กลับไปหาโต๊ะหมอแขกทำนายสะเดาะเคราะห์ให้ แขวนอาซีมัต เส้นด้วย หรือเครื่องรางต่างๆ หรือไปวอนขอหรือก้มสุญูดต่อหลุ่มฝังศพโต๊ะวะลีย์
หรือโต๊ะกีแซะ
และเมื่อเป็นเช่นนี้เราย่อมไม่มี
โอกาสบรรลุความสำเร็จในชีวิตของการเป็นมุสลิมตามบรรดามุสลิมยุคแรกได้เลย
....................................
แน่นอนสิ่งนี้คือสิ่งที่อันตรายที่สุดของบิดอะฮฺ ซึ่งมันเคยปรากฏในสมัยท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ดังรายงานหนึ่งที่ว่า:
عن أبي واقد الليثي قال: خرجنا مع رسول الله صلى الله عليه وسلم إلى حنين ونحن حدثاء عهد بالكفر، وللمشركين سدرة يعكفون عندها وينوطون بها أسلحتهم يقال لها: ذات أنواط، فمررنا بسدرة فقلنا: يا رسول الله اجعل لنا ذات أنواط كما لهم ذات أنواط، فقال رسول الله صلى الله عليه وسلم: «الله أكبر، إنها السنن، قلتم ـ والذي نفسي بيده ـ كما قالت بنو إسرائيل لموسى ﴿ٱجۡعَل لَّنَآ إِلَٰهٗا كَمَا لَهُمۡ ءَالِهَةٞۚ قَالَ إِنَّكُمۡ قَوۡمٞ تَجۡهَلُونَ ١٣٨ ﴾ [الأعراف: ١٣٨]، لتركبن سنن من كان قبلكم» [ رواه الترمذي : 1280]
ความหมาย: รายงานจากท่านอบู วากิด อัล-ลัยษีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า พวกเราเคยร่วมเดินทางกับท่านเราะสูลจนกระทั่งถึง หุนัยนฺ (ชื่อสถานที่) และพวกเราก็เป็นมุสลิมใหม่ และสำหรับพวกตั้งภาคีแล้วพวกเขาจะมีต้นไม้หนึ่ง ซึ่งพวกเขาจะทำการอิอฺติกาฟ ณ ที่ต้นไม้นั้น และแขวนอาวุธต่างๆ ไว้ที่มัน (ก่อนการออกทำสงครามเพื่อเป็นการขอความมงคล และให้ทำศึกอย่างมีชัย) ซึ่งต้นไม้นั้นมันถูกเรียกว่า ซาตุ อันวาฎ พวกเราได้เดินผ่านต้นไม้นั้น และกล่าวว่า : โอ้ท่านเราะสูล ได้โปรดทำให้พวกเรามีต้นไม้ดังกล่าวนั้นเหมือนกับพวกตั้งภาคีด้วยเถิด! ท่านเราะสูลจึงกล่าวว่า : “อัลลอฮุ อักบัรฺ ! แท้จริงมันคือแบบอย่าง(ที่ถูกปฏิบัติมาอย่างผิดๆ) ขอสาบานด้วยกับผู้ที่ชีวิตของฉันอยู่ในอุ้งพระหัตของพระองค์ พวกเจ้าพูดออกมาเหมือนกับที่บรรดาบนีอิสรออีลเคยพูดกับนบีมูซาว่า “ได้โปรดทำให้สำหรับพวกเราด้วยเถิดสิ่งที่ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะสักองค์หนึ่ง เช่นเดียวกับที่พวกเขามีสิ่งที่เป็นที่เคารพสักการะหลายองค์ เขา(มูซา)กล่าวว่า : แท้จริงพวกท่านเป็นพวกที่โฉดเขลายิ่ง”(ความหมายอายะฮที่ 38 สูเราะฮฺ อัล-อะอฺรอฟ) แน่นอน (ในยุคต่อๆ ไป หลังจากยุคของท่านนบี)พวกเจ้าจะปฏิบัติตามแนวทางต่างๆ ของกลุ่มชนก่อนหน้าพวกเจ้า” (รายงานโดย อัต-ติรมิซีย์ : 2180)
«من عمل عملا ليس عليه أمرنا فهو رد» [ رواه مسلم : 1718 ]
ความว่า :บุคคลใดก็ตามที่ กระทำการงานหนึ่งการงานใด ขึ้นในการงานของเรา (ศาสนา)ซึ่งมันไม่มีในคำสั่งของเรา มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกตอบรับ(ณ ที่อัลลอฮฺ) (รายงานโดย มุสลิม :1718)
«وإياكم ومحدثات الأمور، فإن كل محدثة بدعة، وكل بدعة ضلالة» [رواه أبوداود : 3607 والترمذي : 2676]
ความว่า : “และพวกเจ้าจงระวังสิ่งใหม่ในศาสนา เพราะว่าทุกๆ บิดอะฮฺนั้นคือความหลงผิด” (รายงานโดย อะบู ดาวูด : 4607 และอัต-ติรมิซีย์ : 2676)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น