อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

มาลาลา จนถึง ISIS จิตวิทยา/แผนสกัดรัฐอิสลาม



เรารู้กันดีว่านักสร้างฟิตนะฮฺมักจะฉวยจังหวะเก่ง เวลามีช่องให้เล่นงาน หรือมีโอกาสนำใครมาเป็นประเด็นสร้างฟิตนะฮฺ หรือทำลายสิ่งเป้าหมาย เขาจะทำได้อย่างชำนาญและแยบยล

สื่อยิวและตะวันตกที่สร้างฟิตนะฮฺวาดภาพเท็จต่อชาวโลกมาตลอดว่า อิสลามเป็นศาสนาที่กดขี่สตรี ปิดกั้นการศึกษา นิยมความรุนแรง เข่นฆ่าคนนอกรีตและนอกศาสนา

เขาก็ดันมาตลอดเวลามีคนที่อ้างตัวเป็นมุสลิมแต่ทำลายอิสลาม โดยเฉพาะยิ่งถ้าเจอคนที่เป็นสตรีเพศแล้วจะตกเป็นเครื่องมือที่ยิวใช้ทำลายอิสลามได้ง่าย

มาลาลา เป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกวาดภาพให้เป็นนักสู้หญิง สู้กับความล้าหลังของอิสลาม (ในความคิดของเขา) สู้กับความกดขี่ทางเพศของอิสลาม (ในความคิดของเขา) เป็นฮีโร่แห่งเสรีชน ..มีสัญลักษณ์ผ้าคลุมแบบเปิดผมส่วนหน้า (สัญลักษณ์แอนตี้อิสลามหรือเซคิวล่าร์ทั่วไปในตะวันออกกลางไปถึงอัฟกานิสถาน) และเชื่อว่าการคลุมหน้าเป็นประเพณีคนยุคก่อน และมีการตีความกุรอานผิด

สโลแกนที่โปรโมทหนังสือ I Am Malala บอกว่า
"เด็กหนึ่งคน ครูหนึ่งคน หนังสือหนึ่งเล่ม และปากกาหนึ่งด้าม สามารถเปลี่ยนโลกนี้ได้"
ซึ่งเป็นคำที่มีนัยยะ สื่อถึงเจตนาในตัวของมัน คือเขาคิดว่าเขาสามารถเปลี่ยนโลก เข้าสู่โลกเสรีและขจัดอิสลามทิ้งได้ด้วยกับบุคคลเหล่านี้

ถ้อยคำของ มาลาลา กล่าวว่า
"หยิบปากกาและหนังสือของเราขึ้นมา มันเป็นสิ่งที่ทรงอานุภาพกว่าอาวุธ"

>> แน่นอนว่า อาวุธที่จะปราบมาลาลาและผู้ทำลายอิสลามนั้นก็คือปากกาและหนังสือ (จึงขอให้พี่น้องมุสลิมช่วยกันหยิบปากกา หรือจับคีย์บอร์ด และร่วมปราบพวกโลกเสรีและเซคิวล่าร์ที่ทำลายอิสลาม)
เสียดายจริงๆว่า มาลาลาไม่ได้เกิดเมืองไทย เลยไม่รู้ว่า ถ้ามาอยู่นี่ เมื่อเทียบกับมุสลิมที่เคร่งครัด อย่างมาลาลาเขาเรียกว่าเป็นคนไม่มีความรู้
เพราะถ้าเป็นคนที่มีความรู้ในศาสนาและสามัญเหมือนมุสลิมบ้านเราแล้ว จะไม่หลงทางและตกเป็นเครื่องมือยิวอย่างมาลาลาแน่นอน

สิ่งเหล่านี้ ขอให้พี่น้องรู้เท่าทันสถานการณ์ ทันเหลี่ยมศัตรูี อย่าคล้อยตาม บางคนอาจเห็นว่าก็กลุ่มฏอลิบันก็มีความไม่ถูกต้องจริงๆหลายเรื่อง แต่อย่าได้นำประเด็นนี้มาทำให้เราเสียจุดยืนและถูกล่อลวง

เหมือนอีกกรณีหนึ่งก็คือสถานการณ์กลุ่ม ISIS หรือ IS นี่ก็เป็นอีกกลุ่มที่นักสร้างฟิตนะฮฺฉวยจังหวะทำลายอิสลาม ส่วนชีอะฮฺก็ฉวยจังหวะพ่นพิษใส่วะฮาบีย์

เมื่อมีกลุ่มที่ใช้นามว่า Islamic state (รัฐอิสลาม) ซึ่งมีความสุดโต่ง และโลกมุสลิมก็ไม่เอาด้วย แต่สื่อยิวก็ใช้จิตวิทยา สื่อภาพให้คนเก็บในมโนว่า ถ้ารัฐอิสลาม คือรุนแรงโหดร้ายแบบนี้ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องเดียวกันกับข่าวฏอลิบันยิงมาลาลา ซึ่งฏอลิบันก็คือกลุ่มเรียกร้องรัฐอิสลาม
นักทฤษฎีสมคบคิดชาวตะวันตกเองมองว่าทั้ง IS และชีอะฮฺอิหร่านคือผลงานของอเมริกาเสียด้วยซ้ำ หรือขั้นต่ำคือแอบหนุน

พี่น้องบางส่วนอาจให้น้ำหนักโทษไปผิดฝ่ายว่า ก็เป็นความผิดของฏอลิบันและ IS เองที่ทำให้ภาพลักษณ์อิสลามเสียหาย ..
ขอให้พี่น้องลองคิดอย่างนี้ว่า ถ้าโลกนี้ไม่มีฏอลิบันและ IS สื่อยิวจะไม่โจมตีมุสลิมและศาสนาอิสลามใช่หรือไม่? คำตอบก็แน่นอนว่าไม่ใช่ เพราะสื่อยิวย่อมหาช่องทางโจมตีอิสลามได้เสมออยู่แล้ว
และสำหรับกรณีข่าวของฏอลิบันและ IS ที่ออกมาจากสื่อยิว โดยมากก็เป็นข้อมูลเท็จ กุเสริมเติมแต่ง จากเดิมๆทีที่โลกเห็นใจชาวอิรัคที่ถูกรุกราน และเห็นใจชาวซีเรียที่ถูกรัฐบาลเข่นฆ่า ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป จะกลายเป็นว่าชาวโลกจะเห็นใจนักต่อสู้ของมุสลิม ไม่ว่าจะสู้กับรัฐบาลซีเรีย หรือสู้กับอเมริกาและหุ่นเชิดในอิรัค แต่พอมีกลุ่ม IS เกิดขึ้นมา ภาพมันออกมากลายเป็นว่า เลวร้ายกว่ารัฐบาลซีเรีย ที่ฆ่าคนเป็นแสน หรือลืมไปเลยว่าอเมริกาและชีอะฮฺเคยฆ่าชาวอิรัคตายเป็นแสนเช่นกัน ..นี่คือจิตวิทยาการเบี่ยงความสนใจ และสร้างภาพลักษณ์ที่เสียหายต่อนามรัฐอิสลามไปในตัว

ขอให้ทุกท่านโปรดตั้งสติ และโปรดติดตามเถอะว่า หากเราได้เจาะค้นหาข้อมูลเรื่อยๆนั้น จะพบว่า สมาชิกที่เข้าไปร่วมจำนวนมาก ไม่ได้มีแนวคิดสุดโต่ง และมีคุณภาพ มีหลักการ หากแต่ข่าวที่ออกมานั้นมักมาจากแหล่งข่าวที่เข้าไม่ถึง อีกทั้งมีข่าวกระแสอื่นที่รายงานขัดแย้ง
อินชาอัลลอฮฺ เชื่อว่า เมื่อเวลาผ่านไป อีกหลายๆปีข้างหน้า ทั้งเรื่องบินลาดิน อัลกออิดะฮฺ จนถึง IS ความสับสนและข้อมูลต่างๆจะถูกตีแผ่จำแนกจริงเท็จออกมา และเมื่อนั้นเราจะรู้ว่าใครดีใครชั่ว ใครยืนผิดใครยืนถูก
(อย่าดูแค่ท่าทีโลกมุสลิม, คำวิจารณ์, ตลอดจนฟัตวา แล้วก็ปักหลักยิดติดโดยไม่เผื่อใจ เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วมาจากข้อจำกัดจากการได้รับข้อมูลในสถานการณ์ปัจจุบัน)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น