อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

คนที่ปฏิเสธหะดิษญารียะฮ ปราชญ์บอกว่าเป็นคนงี้เง้าเบาปัญญา



อาชาอิเราะฮ ท่านหนึ่ง ปฏิเสธหะดิษญารียะฮ โดยอ้างหะดิษคัดค้าน ว่า ท่านอิหม่ามมาลิก กล่าวในหนังสืออัลมุวัฏเฏาะของท่านว่า

و حَدَّثَنِي مَالِك عَنْ ابْنِ شِهَابٍ عَنْ عُبَيْدِ اللَّهِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ عُتْبَةَ بْنِ مَسْعُودٍ
أَنَّ رَجُلًا مِنْ الْأَنْصَارِ جَاءَ إِلَى رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ بِجَارِيَةٍ لَهُ سَوْدَاءَ فَقَالَ يَا رَسُولَ اللَّهِ إِنَّ عَلَيَّ رَقَبَةً مُؤْمِنَةً فَإِنْ كُنْتَ تَرَاهَا مُؤْمِنَةً أُعْتِقُهَا فَقَالَ لَهَا رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَتَشْهَدِينَ أَنْ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ قَالَتْ نَعَمْ قَالَ أَتَشْهَدِينَ أَنَّ مُحَمَّدًا رَسُولُ اللَّهِ قَالَتْ نَعَمْ قَالَ أَتُوقِنِينَ بِالْبَعْثِ بَعْدَ الْمَوْتِ قَالَتْ نَعَمْ فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَعْتِقْهَا

ท่านอิมามมาลิกได้รายงานจากอุบัยดิลลาฮ์
บิน อับดิลลาฮ์ บิน อุตบะฮ์ บิน มัสอูด ว่า"มีชายคนหนึ่งจากชาวอันซอรได้มาหาท่านร่อซูลุลลอฮ(ซ.ล.)พร้อมกับเด็กทาสหญิงผิวดำ แล้วเขากล่าวว่า โอ้ท่านศาสนทูตของอัลเลาะฮ์ บนฉันนั้นต้องปล่อยทาสมีศรัทธาหนึ่งคน หากท่านเห็นว่าท่านเป็นผู้ศรัทธาก็จงปล่อยนางเถิด ดังนั้นท่านนบีจึงกล่าวแก่นางว่า เธอจะกล่าวปฏิญาณว่า
"ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮ์" หรือไม่?
นางตอบว่า "จ้ะ"
(ฉันขอปฏิญาณ) ท่านนบีกล่าวอีกว่า แล้วเธอจะปฏิญาณว่า "แท้จริงนบีมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลเลาะฮ์"
……
หรือไม่? นางตอบว่า "จ้ะ" (ฉันขอปฏิญาณ) ท่านนบีถามอีกว่า
"เธอเชื่อในการพื้นคืนชีพหลังจากความตายหรือไม่" นางตอบว่า "จ้ะ" ดังนั้นท่านร่อซูลุลลอฮ์(ซ.ล.)
จึงกล่าวว่า ท่านจะปล่อยนางเถิด"

.......................
ขอชี้แจงดังนี้

หะดิษเศาะเฮียะ ที่นบี ศอ็ลฯ ถาม ทาสหญิงคนหนึ่งว่า

اَيْنَ اللهُ ؟ قَالَتْ : فِى السَّمَاءِ .

อัลลอฮ อยู่ใหน ? นางกล่าวตอบว่า “อยู่บนฟ้า .......รายงานโดย อิหม่ามมุสลิม ,อบูดาวูด และคนอื่นๆ
หะดิษนี้ เป็นหะดิษเศาะเฮียะชัดเจน

อิบนุอับดุลบัร อัลมาลิกีย์ (ฮ.ศ ๔๖๒) กล่าวว่า

وأما قوله في هذا الحديث للجارية: ”أين الله؟“ فعلى ذلك جماعة أهل السنة وهم أهل الحديث ورواته المتفقهون فيه وسائر نقلته كلهم يقول ما قال الله تعالى في كتابه {الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى} [طه : 5] وأن الله عز وجل في السماء وعلمه في كل مكان

สำหรับ คำพูดของท่านนบี ในหะดิษเกี่ยวกับทาสหญิง ที่ว่า “อัลลอฮอยูใหน? คณะหนึ่งของอะฮลุสสุนนะฮ อยู่บนดังกล่าวนั้น (คือเชื่อตามนั้น) พวกเขาคือ นักหะดิษ และบรรดานักรายงานมัน เป็นบรรดาผู้ที่เห็นฟ้องในมัน และบรรดาผู้รายงานของมันที่เหลือทั้งหมด กล่าวเกี่ยวกับสิ่งที่อัลลอฮตะอาลาตรัสไว้ในคัมภีรของพระองค์ ที่ว่า (พระเจ้าผู้ทรงเมตตาทรงประทับบนบัลลังค์ – ฏอฮา/๕ ว่า “และแท้จริง อัลลอฮผู้ทรงสูงส่ง และทรงเลิศยิ่ง อยู่บนฟ้า และความรู้
ของพระองค์ อยู่ในทุกสถานที่ – อัลอิสติซกัร ของ อิบนุอับดิลบัร เล่ม 7 หน้า 337)


อิหม่ามอัศศอบูนีย์ ได้กล่าวถึงอะกีดะฮของอิหม่ามชาฟิอีว่า

وإنما احتج الشافعي رحمة الله عليه على المخالفين في قولهم بجواز إعتاق الرقبة الكافرة في الكفارة بهذا الخبر؛ لاعتقاده أن الله سبحانه فوق خلقه، وفوق سبع سماواته على عرشه، كما معتقد المسلمين من أهل السنة والجماعة، سلَفِهم وخلفِهم؛ إذ كان رحمه الله لا يرو خبرًا صحيحًا ثم لا يقول به.

และความจริง อัชชาฟิอี (ร.ฮ) ได้อ้างหลักฐาน ตอบโต้บรรดาผู้ที่มีความเห็นขัดแย้งในทัศนะของพวกเขา (ที่อ้างว่า) อนุญาตให้ปล่อยท่านหญิงที่เป็นกาเฟร ในสภาพที่เป็นกาเฟร ด้วยหะดิษนี้(หมายถึงหะดิษญารียะฮ ที่ตอบนบีว่าอัลลอฮอยู่บนฟ้า) เพราะ อะกีดะฮของเขา(หมายถึงชาฟิอี)เชื่อว่า แท้จริงอัลลอฮ( ซ.บ) ทรงอยู่เหนื่อมัคลูคของพระองค์ และเหนือ บรรดาฟากฟ้าทั้งเจ็ดของพระองค์ ดังที่เป็นหลักความเชื่อของบรรดามุสลิม จากอะฮลุสสุนนะฮ วัลญะมาอะฮ ยุคสะลัฟและยุคเคาะลัฟ เพราะ ปรากฏว่าเขา(หมายถึงอิหม่ามชาฟิอี) เขาจะไม่รายงานหะดิษที่เศาะเอียะใดๆ แล้วต่อมาเขาไม่นำมากล่าวด้วยมัน
عقيدة السلف وأصحاب الحديث للصابوني ص118 و189]
....
อิหม่ามชาฟิอี ก็นำหะดิษญารียะฮมาอ้างเป็นหลักฐาน

อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์กล่าวว่า

قِصَّةِ الْجَارِيَةِ الَّتِي سَأَلَهَا النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَنْتِ مُؤْمِنَةٌ؟ قَالَتْ نَعَمْ ، قَالَ فَأَيْنَ اللَّهُ ؟ قَالَتْ فِي السَّمَاءِ ، فَقَالَ أَعْتِقْهَا فَإِنَّهَا مُؤْمِنَةٌ ، وَهُوَ حَدِيثٌ صَحِيحٌ أَخْرَجَهُ مُسْلِمٌ

เรื่องราวของทาสหญิง ที่นบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ถามนางว่า เธอเป็นผู้ศรัทธาใช่ไหม ? นางกล่าวว่า “ค่ะ ,ท่านนบีถามว่า “อัลลอฮอยู่ใหน?นางตอบว่า อยู่บนฟากฟ้า ,แล้วท่านนบีกล่าวว่า “จงปล่อยนางให้เป็นอิสระ เพราะแท้จริงนาง เป็นผู้ศรัทธา ,โดยที่มันเป็นหะดิษเศาะเฮียะ บันทึกโดย มุสลิม – ดูฟัตหุลบารีย์ เล่ม ๑๓ หน้า ๓๕

อิหม่ามอัลบัฆวีย์ กล่าวว่า

قَالَ : ائْتِنِي بِهَا فَجِئْتُ بِهَا ، فَقَالَ : أَيْنَ اللَّهُ ؟ قَالَتْ : فِي السَّمَاءِ ، قَالَ : مَنْ أَنَا ، قَالَتْ : أَنْتَ رَسُولُ اللَّهِ ، قَالَ : أَعْتِقْهَا فَإِنَّهَا مُؤْمِنَةٌ هَذَا حَدِيثٌ صَحِيحٌ ، أَخْرَجَهُ مُسْلِمٌ

ท่านนบี กล่าวว่า จงนำนางมาหาฉัน แล้วข้าพเจ้า ก็นำนางมา แล้วท่านนบี กล่าวว่า “ อัลลอฮอยู่ใหน ? นางกล่าวตอบว่า “อยู่บนฟ้า ,ท่านนบีกล่าวว่า “ฉันเป็นใคร ,นางกล่าวตอบว่า “ ท่านคือ ศาสนทูตของอัลลอฮ ,ท่านนบีกล่าวว่า “จงปลอยนางให้เป็นไท เพราะแท้จริงนางคือ หญิงผู้ศรัทธา ,นี้คือ หะดิษเศาะเฮียะ บันทึกโดย อิหม่ามมุสลิม – ชัรหุสุนนะฮ เล่ม 3 หน้า 43

และอิหม่ามอัซซะฮบีย์ ได้กล่าวถึงหะดิษข้างต้นอีกว่า

هذا حديث صحيح أخرجه مسلم وأبو داود والنسائي وغير واحد من الأئمة في تصانيفهم ، يمرونه كما جاء ولا يتعرضون له بتأويل ولا تحريف ، وهكذا رأينا كل من يسأل : أين الله ؟ ، يبادر بفطرته ويقول : في السماء ، ففي الخبر مسالتان :إحداهما : شرعية قول المسلم : أين الله .الثانية : قول المسؤول : في السماء . فمن أنكر هاتين المسألتين فإنما ينكر على المصطفى صلى الله عليه وسلم

นี้คือ หะดิษเศาะเฮียะ บันทึกโดย มุสลิม,อบูดาวูด,อันนะสาอีย์ และหลายคนจากบรรดาอิหม่ามในงานเขียนของพวกเขา ,โดยพวกเขาปล่อยให้มันผ่านไปและพวกเขาไม่คัดค้านมันด้วยการตีความและเปลี่ยนความหมาย และในทำนองเดียวกันนี้ เราเห็นว่า ทุกๆคนที่ถูกถามว่า “อัลลอฮอยู่ใหน? ด้วยธรรมชาติของเขา เขาจะตอบทันทีว่า “ อยู่บนฟากฟ้า” ดังนั้น ในหะดิษนี้ แบ่งออกเป็นสองประเด็นคือ

1. คำพูดของมุสลิมที่ว่า “อัลลอฮอยู่ใหน” ชอบด้วยหลักศาสนบัญญัติ

2. คำพูดของผู้ถูกถาม คือ อยู่บนฟากฟ้า

ดังนั้น ใครคัดค้าน สองประเด็นนี้ ความจริง เขาได้คัดค้านนบีมุหัมหมัด ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม – มุคตะศอรอัลอะลูย์ หน้า 81

. อิบนุกุดามะฮ กล่าวว่า

هذا حديث صحيح ، رواه مسلم في " صحيحه " ومالك في " موطئه " وأبو داود والنسائي وأبو داود الطيالسي

นี้คือ หะดิษเศาะเฮียะ รายงานโดย มุสลิมในเศาะเฮียะของเขา,มาลิกรายงานในมุวัฏเฏาะ และ อบูดาวูด,อันนะสาอีย์และอบูดาวูดอัฏฏิยาลิสีย์ – กิตาบุลอะลูวีย์ หน้า 47

มาดูความพยายามปฏิเสธหะดิษ ที่ระบุ “ อัลลอฮอยู่บนฟ้า ของอะชาอิเราะฮดังนี้

อะชาอิเราะฮ นำหะดิษเฎาะอีฟ ที่มีข้อความว่า

أُعْتِقُهَا فَقَالَ لَهَا رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَتَشْهَدِينَ أَنْ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ قَالَتْ نَعَمْ قَالَ أَتَشْهَدِينَ أَنَّ مُحَمَّدًا رَسُولُ اللَّهِ قَالَتْ نَعَمْ

ดังนั้นท่านนบีจึงกล่าวแก่นางว่า เธอจะกล่าวปฏิญาณว่า "ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮ์" หรือไม่? นางตอบว่า "จ้ะ" (ฉันขอปฏิญาณ) ท่านนบีกล่าวอีกว่า แล้วเธอจะปฏิญาณว่า "แท้จริงนบีมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลเลาะฮ์"
หรือไม่? นางตอบว่า "จ้ะ" (ฉันขอปฏิญาณ)
......
หะดิษเต็มๆข้างต้นคือ

حديث مرفوع) وَحَدَّثَنِي مَالِك ، عَنْ ابْنِ شِهَابٍ ، عَنْ عُبَيْدِ اللَّهِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ عُتْبَةَ بْنِ مَسْعُودٍ ، أَنَّ رَجُلًا مِنْ الْأَنْصَارِ جَاءَ إِلَى رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ بِجَارِيَةٍ لَهُ سَوْدَاءَ ، فَقَالَ : يَا رَسُولَ اللَّهِ ، إِنَّ عَلَيَّ رَقَبَةً مُؤْمِنَةً ، فَإِنْ كُنْتَ تَرَاهَا مُؤْمِنَةً ، أُعْتِقُهَا ؟ فَقَالَ لَهَا رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : " أَتَشْهَدِينَ أَنْ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ ؟ " قَالَتْ : نَعَمْ . قَالَ : " أَتَشْهَدِينَ أَنَّ مُحَمَّدًا رَسُولُ اللَّهِ ؟ " قَالَتْ : نَعَمْ . قَالَ : أَتُوقِنِينَ بِالْبَعْثِ بَعْدَ الْمَوْتِ ؟ قَالَتْ : نَعَمْ . فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : " أَعْتِقْهَا " .
...........................
หะดิษข้างต้น ผู้อ้าง ไม่ได้ระบุสถานะหะดิษ เพียงแต่อ้างว่า กล่าวไว้ในอัลมุวัฏเฏาะ และในสายรายงานระบุว่า รายงานจาก

عُبَيْدِ اللَّهِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ عُتْبَةَ بْنِ مَسْعُودٍ

แต่อีกหะดิษหนึ่ง ที่รายงานโดย อุบัยดิลละฮ จากอบีฮุรัยเราะฮ กลับมีตัวบทดังนี้

حديث مرفوع) وَقَالَ الْمَسْعُودِيُّ ، عَنْ عَوْنٍ ، عَنْ أَخِيهِ عُبَيْدِ اللَّهِ هُوَ ابْنُ عُتْبَةَ ، عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ ، قَالَ : جَاءَ رَجُلٌ إِلَى رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ بِجَارِيَةٍ أَعْجَمِيَّةٍ ، فَقَالَ : " يَا رَسُولَ اللَّهِ ، إِنَّ عَلَيَّ عِتْقَ رَقَبَةٍ مُؤْمِنَةٍ ، فَأَعْتِقُ هَذِهِ ؟ فَقَالَ لَهَا : أَيْنَ اللَّهُ ؟ فَأَشَارَتْ إِلَى السَّمَاءِ ، قَالَ : فَمَنْ أَنَا ؟ فَأَشَارَتْ إِلَى رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ثُمَّ إِلَى السَّمَاءِ ، قَالَ : أَعْتِقْهَا فَإِنَّهَا مُؤْمِنَةٌ " . رَوَاهُ جَمَاعَةٌ ، عَنِ الْمَسْعُودِيِّ ، مِنْهُمْ : يَزِيدُ بْنُ هَارُونَ ، وَإِسْنَادُهُ حَسَنٌ

หะดิษนี้มีข้อความว่า

فَقَالَ لَهَا : أَيْنَ اللَّهُ ؟ فَأَشَارَتْ إِلَى السَّمَاءِ ،

แล้วนบี กล่าวแก่นางว่า “อัลลอฮอยู่ใหน? แล้วนางชี้ ไปยังฟากฟ้า
หะดิษนี้ อิหม่ามอัซซะฮะบีย์ ระบุว่า สายรายงานอยู่ในระดับดี - ดู อัลอุลุว์ ของอิหม่าอัซซะฮะบีย์ หะดิษหมายเลข 4

มาดูคำพูดของ ตะกียุดดีน อบูมุหัมหมัด อับดุลเฆาะนีย์ บิน อับดุลวาฮีด อัลมุกอ็ดดิสีย์ อัลหัมบะลีย (ฮ.ศ 600) สำหรับผู้ปฏิเสธหะดิษญารียะฮ โดยกล่าวว่า

ومن أجهل جهلاً، وأسخف عقلاً، وأضل سبيلاً، ممن يقول: إنه لا يجوز أن يُقال: أين الله؟ بعد تصريح صاحب الشريعة بقوله: أين الله؟

และจะมีใคร งี่เง้า ,เบาปัญญาและหลงทางยิ่งไปกว่า ผู้ที่กล่าวว่า “ไม่อนุญาตให้ถูกกล่าวว่า “อัลลอฮอยูใหน ? หลังจากที่เจ้าของศาสนบัญญัติได้ ชีแจงชัดเจน ด้วยการกล่าวว่า “อัลลอฮอยูใหน

) كتاب الصفات لعبد الغني المقدسي (ص75 و76

แค่หะดิษรายงานโดยมุสลิม ก็เกินพอ แต่มีคนกระเสือกกระสน จะปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮให้ได้

والله أعلم بالصواب


อะสัน หมัดอะดั้ม




1 ความคิดเห็น:

  1. แก้คำผิด

    ورواته المتفقهون فيه
    จาก"และบรรดาผู้รายงานมันที่พวกเขาเห็นฟ้องในมัน แก้เป็น จากบรรดาผู้รายงานมันที่พวกเขาเข้าใจในมัน

    ตอบลบ