อัสลามมุอาลัยกุมวาเราะฮมาตุลลอฮิวาบารอกาตุ

ครับ...มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาชีวิต แต่ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องได้พบกับความตาย ถึงแม้เขาจะทำอะไรเก็บไว้มากมาย แต่เมื่อความตายมาถึงมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้เตรียมตัว มนุษย์มักมีเป้าหมายที่จะสร้างความสำเร็จและความรุ่งเรืองขึ้นบนโลก แต่ความตายก็มาทำลายภาพลวงแห่งสำเร็จที่เขาได้วาดหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ความตายจึงสอนเขาว่าเขาไม่มีอำนาจอะไรเลยก่อนตาย

เราจะต้องเรียนรู้ความจริงจากความตาย เพราะความลับของชีวิตถูกซ่อนไว้อยู่ในนั้น ความตายแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่นายของตัวเอง เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้นโลกนี้มิใช่สถานที่สำหรับการทำให้ความฝันของเราเป็นจริง ความตายสอนให้เรารู้ว่าเราควรจะมีชีวิตอย่างไรมันบอกให้เรารู้ถึงหนทางไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงต่างหาก...!!!

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

การขอดุอาอ์โดยการชี้ด้วยนิ้วเดียว



การขอดุอาอ์โดยการยกนิ่วนั้น ให้ยกหรือชี้เพียงนิ้วเดียว

รายงานจากท่านอะนัส อิบนุ มาลิก ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า
"ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซััลลัม ได้เดินผ่านท่านสะอัด ขณะที่เขากำลังกล่าววิงวอน โดยยกนิ้ว 2 นิ้ว ท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซััลลัม กล่าวว่า : สะอัด จงชี้นิ้วเดียว" (บันทึกหะดิษโดยอิมามอะหฺมัด อิมามอบูดาวูด อิมามอันนะซาอีย์ และอิมามอันฮากิม)

สำหรับการการขอดุอาอ์ โดยชี้ด้วยนิ้วเดียว นั้น ถือเป็นความบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์อัลลอฮฺ การนอบนอมต่อพระองค์ และเป็นการข่มชัยฏอนมารร้าย

ท่านอิบนุอับบาส ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ ได้รับคำถามเกี่ยวกับชายคนหนึ่ง กล่าวคำวิงวอนโดยเขาชี้ด้วยนิ้วเดียว ท่านตอบว่า : นั้นคือการอิคลาศ (ความบริสุทธิ์ใจ)

ท่านอะนัส อิบนุ มาลิก ร่อฎียัลลอฮุอันฮุ บอกว่า
"นั่นคือการนอบน้อม"

ท่านมุญาฮิด บอกว่า
"เป็นการข่มชัยฏอน"



والله أعلم بالصواب

รูปภาพ : ‎โปรดจง...ยืนหยัดต่อสัจธรรมอย่างหนักแน่นไม่สั่นคลอน และย้ำเตือนให้ระวังในการที่จะฝ่าฝืนต่ออัลลอฮฺอย่างต่อเนื่องเป็นอาจิณ 

พระองค์อัลลอฮฺตรัสว่า
﴿وَسَارِعُوٓاْ إِلَىٰ مَغۡفِرَةٖ مِّن رَّبِّكُمۡ وَجَنَّةٍ عَرۡضُهَا ٱلسَّمَٰوَٰتُ وَٱلۡأَرۡضُ أُعِدَّتۡ لِلۡمُتَّقِينَ ١٣٣ ٱلَّذِينَ يُنفِقُونَ فِي ٱلسَّرَّآءِ وَٱلضَّرَّآءِ وَٱلۡكَٰظِمِينَ ٱلۡغَيۡظَ وَٱلۡعَافِينَ عَنِ ٱلنَّاسِۗ وَٱللَّهُ يُحِبُّ ٱلۡمُحۡسِنِينَ ١٣٤ وَٱلَّذِينَ إِذَا فَعَلُواْ فَٰحِشَةً أَوۡ ظَلَمُوٓاْ أَنفُسَهُمۡ ذَكَرُواْ ٱللَّهَ فَٱسۡتَغۡفَرُواْ لِذُنُوبِهِمۡ وَمَن يَغۡفِرُ ٱلذُّنُوبَ إِلَّا ٱللَّهُ وَلَمۡ يُصِرُّواْ عَلَىٰ مَا فَعَلُواْ وَهُمۡ يَعۡلَمُونَ ١٣٥ أُوْلَٰٓئِكَ جَزَآؤُهُم مَّغۡفِرَةٞ مِّن رَّبِّهِمۡ وَجَنَّٰتٞ تَجۡرِي مِن تَحۡتِهَا ٱلۡأَنۡهَٰرُ خَٰلِدِينَ فِيهَاۚ وَنِعۡمَ أَجۡرُ ٱلۡعَٰمِلِينَ ١٣٦﴾ (آل عمران 133-136)

ความหมาย “และพวกเจ้าจงรีบเร่งกันไปสู่การอภัยโทษจากพระผู้อภิบาลของพวกเจ้า และไปสู่สวนสวรรค์ซึ่งความกว้างของมันนั้น คือบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน โดยที่มันถูกเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ที่ยำเกรง คือบรรดาผู้ที่บริจาคทั้งในยามสุขสบายและในยามเดือดร้อน และบรรดาผู้ข่มโทษและบรรดาผู้ให้อภัยแก่เพื่อนมนุษย์ และอัลลอฮฺนั้นทรงรักผู้กระทำความดีทั้งหลาย บรรดาผู้ที่เมื่อพวกเขากระทำสิ่งชั่วใดๆ หรืออยุติธรรมแก่ตัวเองแล้ว พวกเขาก็รำลึกถึงอัลลอฮฺ แล้วขออภัยโทษต่อบรรดาความผิดของพวกเขา และใครเล่าที่จะอภัยโทษบรรดาความผิดทั้งหลายให้ได้นอกจากอัลลอฮฺ และพวกเขามิได้ดื้อรั้นปฏิบัติ(ความผิด)ในสิ่งที่เขาเคยปฏิบัติมาโดยที่พวกเขารู้อยู่แก่ตัว(ว่าสิ่งนั้นคือความผิด) ชนเหล่านี้แหละการตอบแทนแก่พวกเขาคือการอภัยโทษจากพระผู้อภิบาลของพวกเขาและจะได้เข้าสวนสวรรค์ ซึ่งมีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่ภายในสวนเหล่านั้น โดยที่พวกเขาจะพำนักอยู่ในสวนเหล่านั้นตลอดกาล และรางวัลของผู้ทำงานนั้นช่างเลิศหรูเสียนี่กระไร” (อาล-อิมรอน : 133-136)‎

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น